‘คิง เพาเวอร์’ ทำหนังสือถึง AOT ขอยกเลิกสัญญาดิวตี้ฟรีภูมิภาค อ้าง ‘7 สถานการณ์รุมเร้า’ มือตก-ขาดทุน ติงรัฐไร้มาตรการเชิงรุกดึงนักท่องเที่ยว
รายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “AOT” เปิดเผยว่า ช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2568 ทาง AOT ได้รับหนังสือจาก บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เรื่อง ขอหารือแนวทางในการพิจารณายกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ส่งถึงกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ของ AOT โดยอ้างถึงสัญญาอนุญาตใประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต , เชียงใหม่ และหาดใหญ่ สัญญาเลขที่ ทอท. DF-1-02/2562 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 และบันทึกข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต , เชียงใหม่ และหาดใหญ่ สัญญาเลขที่ ทอท. DF-1-02/2562 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 แก้ไขครั้งที่ 1 ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 และบันทึกข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต , เชียงใหม่ และหาดใหญ่ สัญญาเลขที่ ทอท. DF-1-02/2562 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 แก้ไขครั้งที่ 2 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2565 นั้น มีรายละเอียดดังนี้
ตามสัญญาฯ และบันทึกฯ ที่อ้างถึง บริษัท คิง เพาเวอร์ คิวตี้ฟรี จำกัด (บริษัท คิง เพาเวอร์) ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ จากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทอท.” นับตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาดม 2576 นั้น
บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ขอเรียนว่า การได้มาซึ่งสัญญานั้น มาจากการเข้าร่วมการยื่นข้อเสนอทางเทคนิคและข้อเสนอค่าตอบแทน ตามเอกสารการขึ้นข้อเสนอการดำเนินงานเลขที่ 5/2562 เรื่อง งานให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ได้รับการคัดเลือกจาก ทอท.ให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ซึ่งค่าตอบแทนที่ ทอท. เรียกเก็บอยู่นั้นสูงกว่าค่าตอบแทนที่บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ เสนอในการยื่นประมูล
ต่อมา เมื่อเกิดสถานการณ์ Covid-19 ทอท. ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำเป็นค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสาร (Sharing Per Head) จำนวน 127.30 บาท โดยเรียกเก็บจากผู้โดยสารขาออก, ผู้โดยสารผ่าน และผู้โดยสารขาเข้า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์ Covid-19 จะคลี่คลายลง แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์ที่บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ไม่คาดคิด และก่อให้เกิดผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดอากรของบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ อันเป็นเหตุดวิสัย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์สงครามในหลายภูมิภาคที่ยืดเชื้อ และยังไม่ยุติ, เหตุการณ์สงครามทางการค้า และการกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะการใช้กำแพงภาษีมาเป็นเครื่องมือ , เหตุการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศชะลอตัวลง หรือ เหตุการณ์ภายในประเทศไทยที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวจีน และทำให้จำนวนผู้โดยสารชาวจีน ซึ่งเป็นผู้โดยสารที่มีกำลังซื้อสูงสุดลดน้อยลงเป็นจำนวนมาก จนเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลต้องหยิบยกขึ้นมา เป็นประเด็นหลักที่ต้องได้รับการแก้ไข
เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ต่างส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการบริโภค, กำลังซื้อ และทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะประหยัด และจับจ่ายซื้อสินค้าน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น และส่งผลทำให้ยอดขายโดยเฉลี่ยต่อผู้โดยสาร (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผู้บริโภคทั่วโลก) ลดลงทั้งในทางตรง (การที่ผู้โดยสารทั่วไปไม่มั่นใจในการบริโภคและเลือกที่จะซื้อสินค้าน้อยลงไม่ขยายตัวตามที่ควรจะเป็น) และทางอ้อม (การที่สัดส่วนผู้โดยสารชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูงสุดลดลงเป็นจำนวนมาก)
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567 กรมศุลกากรมีหนังสือถึงบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ เพื่อขอความร่วมร่วมมือจากบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ให้หยุดดำเนินการร้านค้าปลอดอากรขาเข้า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป โดยระบุเหตุผลว่า เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของภาครัฐ ซึ่งบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ จำเป็นต้องให้ความร่วมมือ และปฏิบัติตามโดยไม่มีทางเลือกอื่นใด การที่จะต้องหยุดประกอบการร้านค้าปลอดอากรขาเข้าดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อการประกอบการของบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ และแตกต่างจากเจตนาของเงื่อนไขการประมูลโครงการดังกล่าว รวมถึงไม่สอดคล้องกับสิทธิในการประกอบการ ตามสัญญาอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ได้รับผลกระทบต่อการประกอบการอันเป็นเหตุสุดวิสัย และไม่ได้เกิดจากการกระทำ และความผิดของบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ แต่ประการใดเลย นอกเหนือจากที่ ทอท. ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือต่อบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ จากผลกระทบดังกล่าวแต่ประการใดแล้ว ทอท. กลับใช้วิธีคำนวณจำนวนเงินค่าตอบแทนที่ลดลงจากการหายไปของร้านค้านค้าปลอดอากรขาเข้าอย่างไม่เป็นธรรม โดยการใช้วิธีคำนวณค่าตอบแทนที่ลดลงจากสัดส่วนของจำนวนพื้นที่ของร้านค้านค้าปลอดอากรขาเข้างนั้น (ทอท. เป็นผู้กำหนดจำนวนพื้นที่ร้านค้าปลอดอากรขาเข้าในTOR)
ทั้งที่ ก่อนหน้านี้ ทอท. ใช้วิธีการเรียกเก็บค่าตอบแทนโดยการเก็บค่าตอบแทนแทนเฉลื่อต่อผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นผู้โดยสารขาออก ผู้โดยสารผ่าน และผู้ใดยสารขาเข้า ในอัตราเท่า ๆ กัน ดังนั้น เมื่อจำเป็นต้องยุติการประกอบการของร้านค้าปลอดอากรขาเข้า ทอท.จึงควรนำค่าตอบแทนเฉลี่ยต่อผู้โดยสารในอัตราที่เคยเรียกเก็บก่อนหน้านี้ (127.30 บาท ต่อผู้โคยสารรวม) มาคำนวณจากจำนวนผู้โดยสารที่อยู่ในพื้นที่ที่ยังสามารถประกอบกิจการได้ อันได้แก่ ผู้โดยสารขาออกและผู้โดยสารผ่านเท่านั้น
ดังนั้น การที่ ทอท. ใช้แนวทางในการคำนวณค่าตอบแทนที่ปรับลดลงจากสัดส่วนของพื้นที่ของร้านค้าปลอดอากรขาเพียงอย่างเดียว จึงเป็นการพิจารณาที่ไม่เป็นธรรม และคำนึงถึงประโยชน์ของ ทอท.เพียงฝ่ายเดียว และเป็นการเอาปรียบผู้ประกอบการเป็นอย่างยิ่ง
บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ขอเรียนว่า นับตั้งแต่บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ได้เริ่มประกอบกิจการตามสัญญาเป็นต้นมา ได้เกิดสถานการณ์ต่างๆ มากมาย ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยไม่ได้เกิดจากการกระทำและความผิดของบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ แต่ประการใดเลย เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ส่งผลทั้งในทางตรง และทางอ้อม เป็นผลให้บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ไม่สามารถประกอบการและปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้ อีกทั้งยังส่งผลให้บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ต้องประสบกับภาวะการขาดทุนมาโดยตลอด โดยจำแนกเนกเหตุการณ์ต่างๆเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
1. การหยุดดำเนินการร้านค้าปลอดอากรขาเข้า จากนโยบายภาครัฐ
ความจำเป็นในการให้ความร่วมมือกับกรมศุลกากร เพื่อให้เป็นตามนโยบายของภาครัฐ โดยการหยุดดำเนินการร้านค้าปลอดอากรขาเข้า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นมา เป็นเหตุให้บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ได้รับผลกระทบต่อการประกอบการ อันมิได้มาจากการกระทำ และความผิดของบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ นอกจากนี้ บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ยังได้รับผลกระทบจากวิธีคำนวนวณจำนวนเงินค่าตอบแทนที่ลดลงจากการหยุดประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรขาเข้าอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจาก ทอท. คำนวณค่าตอบแทน โดยการปรับค่าตอบแทนลงตามสัดส่วนพื้นที่ร้านค้าปลอดอากรขาเข้าที่หยุดดำเนินการ ซึ่งแตกต่างจากการเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสารก่อนหน้านี้ที่ใช้วิธีจัดเก็บในอัตรา 127.30 บาท ต่อผู้โดยสารขาออก.ผู้โดยสารผ่าน และผู้โดยสารขาเข้าในอัตราเท่า ๆ กัน
ดังนั้น เมื่อการประกอบการของร้านค้าปลอดอากรขาเข้าจำเป็นต้องยุติลง ทอท. ควรจัดเก็บค่าตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสารในอัตราเดิม โดยคำนวณจากจำนวนผู้โดยสารขาออก และผู้โดยสารสารผ่าน ซึ่งเป็นผู้โดยสารที่อยู่ภายในพื้นที่ที่บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ยังสามารถประกอบกิจการได้เท่านั้น
บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ขอเรียนว่าความจำเป็นต้องหยุดประกอบการร้านค้าปลอดอากรขาเข้านั้น มิได้เกิดจากการกระทำ และความผิดของบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ อีกทั้งยังส่งผลทำให้การประกอบการแตกต่างจากเจตนาของ TOR และสัญญาฯ อย่างมีนัยสำคัญ บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ คือ ผู้ได้รับผลกระทบ และ ทอท. ในฐานะคู่ค้าและคู่สัญญามาเป็นเวลานาน และในฐานะที่ ทอท. เป็นเจ้าของสถานที่ ทอท. ควรเข้ามาให้ความช่วยเหลือเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว เพื่อที่บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ สามารถประคองธุรกิจได้ และย่อมส่งผลดีต่อ ทอท. ในคราวเดียวกัน
แต่ ทอท. กลับใช้วิธีคำนวณค่าตอบแทนที่ลดลงตามสัดส่วนของขนาดพื้นที่ร้านค้าปลอดอากรขาเข้าเพียงอย่างเดียว โดยมิได้คำนึงถึงผล กระทบทางธุรกิจ, ยอดขายที่ลดลง และผลกระทบต่อสัญญาและการประกอบการที่มิได้เป็นไปตามความตั้งใจของบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ เมื่อครั้งเข้าร่วมประมูลโครงการฯ และมิได้เป็นไปตามเจตนาของสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามไว้ร่วมกัน
2. การลดภาษีสินค้าประเภทไวน์อันส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายภายในร้านค้าปลอดอากร
ตามที่มีประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ 7) ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 โดยยกเว้นอากรสินค้าไวน์ที่ระบุ ในประกาศฯ (จากเดิมที่อัตราอากรอยู่ที่ร้อยละ 60) ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายสินค้าประเภทนี้ เนื่องจากความแตกต่างของราคาจำหน่ายของไวน์ในร้านค้าปลอดอากร และในร้านค้าภายในประเทศลดน้อยลงมาก จนมาอยู่ในระดับที่ใกล้เดียงกัน ทำให้ผู้โดยสารไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องซื้อสินค้าประเภทไวน์จากร้านค้าปลอดอากร รวมถึงก่อให้เกิดความไม่มั่นใจต่อราคาจำหน่ายของสินค้าปลอดอากรในประเภทอื่นๆ ตามมา และส่งผลต่อการตัดสินใจในการซื้อสินค้าปลอดอากร โดยการตรวจสอบราคาจำหน่ายกับสินค้าภายในประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นใจก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ ผลกระทบดังกล่าวเกิดขึ้นโดยมิได้เกิดจากการกระทำ หรือ ความผิดของบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ แต่ประการใด และ ทอท. ก็มิได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือแก่บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ เพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าวเช่นเคย
3. การขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการของ ทอท.
การที่ทอท. ขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการบางส่วนของบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ (เนื้อที่ประมาณ 491.220 คารางเมตร)นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ซึ่ง ทอท. ใช้วิธีคำนวณจำนวนเงินค่าตอบแทนที่ต้องชำระไห้แก่ พอท.ที่ปรับลดลงโดยการคำนวณตามสัดส่วนของจำนวนพื้นพื้นที่ของร้านค้าปลอดอากรที่ ทอท. ขอคืน โดยมิได้คำนึงถึงผลกระทบต่อการประกอบการของบริษัทคิง เพาเวอร์ ฯ หรือ ผลกระทบต่อยอดจำหน่ายสินค้าจากการที่พื้นที่จำหน่ายสินค้าลดลง ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวมิได้เกิดจากการกระทำ หรือ ความผิดของบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ แต่อย่างใด
ดังนั้น การคำนวณค่าตอบแทนที่คำนึงถึงถึงถึงเฉพาะจำนวนพื้นที่ที่ลคลง โดยไม่ได้มองถึงยอดรายได้ที่ลดลงตามพื้นที่ที่หายไป จึงไม่มีความเป็นธรรมต่อบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ทั้งนี้ บริษัทคิง เพาเวอร์ ฯ ขอเรียนว่าถึงแม้ ทอท. จะเห็นว่าการขอคืนพื้นที่ดังกล่าวทำให้ต้นทุนคำตอบแทนลดลงแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากการขอคืนพื้นพื้นที่ย่อมทำให้ยอดจำหน่ายของพื้นที่นั้นหายไป และเมื่อยอดจําหน่ายของพื้นที่นั้นหายไป ย่อมทำให้ยอดจำหน่ายโดยรวมลดลง ส่งผลให้ตันทุนอื่นๆ จะมีอัตราต่อยอดจำหน่ายคงหลือสูงขึ้น และทำให้ผลประกอบการกลับย่ำแย่ลง แต่ ทอท. กลับพิจารณาเพียงมิติเดียว โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบด้านอื่นของบริษัท ซึ่งมิติเดียวที่ทอท.พิจารณานั้นคือ มิติที่ต้องส่งผลกระทบต่อรายได้ของทอท.น้อยที่สุด ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ เลย
4. การขาดมาตรการเชิงรุกของภาครัฐในการบริหารจัดการความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวส่งผลให้การลดลงของนักท่องเที่ยวชาวจีน
จากสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศจีน และนโยบายของรัฐบาลจีนที่ส่งเสริมให้ชาวจีนท่องเที่ยวภายในประเทศจีนเป็นหลัก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งมีศักยภาพในการจับจ่ายใช้สอยสูงสุดลดลดน้อยลงอย่างมาก ซึ่งนอกจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจภายในประเทศจีนแล้ว ยังมีปัจจัยเรื่องการขาคความเชื่อมั่น ในด้านความปลอดภัยของประเทศไทยที่เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวขาวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีจำนวนลดลงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์การลักพาตัวนักแสดงขาวจีน หรือเหตุการณ์อาชญากรรมทางไซเบอร์ หรือแก๊งส์ call center ที่มีอยู่หลายกลุ่ม แม้ว่ารัฐบาลไทยจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อสกัดปัญหานี้แล้วก็ตาม แต่ความมั่นใจของนักท่องเที่ยวชาวจีนก็ยังไม่กลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยตามปกติที่เคยเป็นในปี 2562 สาเหตุเหล่านี้เป็นเหตุที่ยิ่งสร้างความตระหนักให้ชาวจีนรู้สึกขาดความเชื่อมั่นในประเทศไทย และไม่เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่จะเดินทาง เป็นผลให้สัตส่วนผู้โดยสารชาวจีนที่มีกำลังซื้อ
สูงสุดลดน้อยอมป็นจำนวนมาก และส่งผลให้ยอดขายเฉลี่ยต่อสู้โดยสารถคน้อยลง ทำให้ต้นทุนทุนคำตอบแทนต่อผู้โดยสารอยู่
ในอัตราที่สูงขึ้น จนบริษัทคิง เพาเวอร์ ฯ ต้องประสบกาวะขาดทุนอย่างหนัก
ข้อเท็จจจริงที่ผู้โดยสารชาวจีนลดน้อยลง (โดยเฉพาะน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา ถึงแม้ปีที่ผ่านมาผู้โดยสารชาวจีนมีจำนวนวนน้อยกว่าปี 2562 เป็นจำนวนมากก็ตาม) และกระทบค่อผู้ประกอบการทุกรายนั้น ทอท. ทราบดี แต่จนถึงวันนี้ ทอท. ยังมิได้เข้ามาดูแลหรือมีส่วนร่วมในการแบกรับผลกระทบร่วมกับผู้ประกอบการแต่ประการใดเลย ปล่อยให้ผู้ประกอบการแบกรับภาระและดิ้นรนด้วยคนเองอยู่ในปัจจุบัน
5. สถานการณ์ภายในประเทศไทยอันส่งผลทางลบต่อจำนวนนักท้องเที่ยวและจำนวนผู้โดยสาร
ตามที่ประเทศไทยกิดเหตุกรณ์ต่างๆ เช่น การย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติ หรือการปิดตัวของบริษัทในหลายๆอุตสาหกรรม อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจ, อาชญากรรมทางไซเบอร์ (แก๊งส์ call center) หรือการถล่มของตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จากการเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นในประเทศลดลง โดยนักท่องเที่ยวต่างก็ขาดความเชื่อมั่นในความปลอดภัยที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย จนเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลต้องหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นหลักที่ต้องใด้รับการแก้ไข เนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ค่างส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และทำให้จำนวนผู้โดยสารชะลอตัวและปรับลดลลงในบางสัญชาติ
นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศที่เป็นปัจจัยทำให้ค่าครองชีพในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งตัวและไม่เป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมท่องที่ยวของไทย ซึ่งเหล่านี้ได้เปลี่ยนมุมมองของนักท่องเที่ยวที่มีต่อประเทศไทยไปจากเดิม และส่งผลให้นักท่องเที่ยวย้ายฐานไปท่องเที่ยวประเทศอื่น เช่น ญี่ปุ่น หรือ เวียดนาม ที่มีความปลอดภัยและค่าเงิน คำครองชีพที่จูงใจกว่าจนทำให้ประเทศไทยไม่ใช่จุดหมายปลายทางอันดับดับดันๆของนักท่องเที่ยวอีกต่อไป โดยเฉพาะของนักท่องเที่ยวชาวจีน
6. สถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 เป็นเหตุให้แต่ละประเทศมีมาตรการจำกัดการเดินทางเพื่อป้องกันหรือลดการแพร่ระบาดของ Covid-19 จากมาตรการของประเทศต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างมาก เป็นเหตุให้จำนวนผู้ใดยสารลดลง โดยเฉพาะผู้โดยสารชาวจีน ซึ่งเป็นผู้โดยสารที่มีกำลังซื้อสูงสูงสุดลดลงจากปี 2562 เป็นจำนวนมาก และถึงแม้ภายหลังสถานการณ์ Covid-19 19 ได้คลี่คลายลง ก็เกิดการชะลอตัวทางศรษฐกิจ ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจับจ่ายใช้สอย โดยเลือกซื้อสินค้า และใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น จึงทำให้กระทบต่อกำลังซื้อโดยรวม และทำให้คุณภาพและกำลังซื้อต่อหน่วยไม่เติบโตอย่างที่ควจะเป็น มิได้ลดลงเพียงในเชิงปริมาณของจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งข้อเท็จจริงของสถานการณ์เหล่านี้ ทอท. ย่อมทราบดีและควรเข้ามาให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระพบให้แก่ผู้ประกอบการทุกๆ ราย ซึ่งเป็นคู่ค้า,คู่สัญญาของ ทอท. โดยเฉพาะความช่วยเหลือด้านค่าตอบแทน (ที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น) ที่ผู้ประกอบการทุกรายต้องแบกรับการะและชำระชำระให้แก่ ทอท.
อีกทั้งยังเป็นต้นทุนสูงสุดของผู้ประกอบการทุกราย และเป็นต้นทุนที่ทำให้ผู้ประกอบการประสบภาวะขาดทุน อันเนื่องมาจากค่าตอบเทนที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน แต่ ทอท. กลับนิ่งเฉยและคำนึงเพียงมิให้รายใต้ของตนลดน้อยลง ปล่อยให้ผู้ประกอบการต้องดิ้นรนต่อสู้กับสถานการณ์ต่างๆ เหล่านั้นเองตามลำพัง โดยเฉพาะนับแค่ ทอท..เริ่มบังคับใช้คำตอบแทนขั้นต่ำเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา
7. สถานการณ์สงครามและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ภายหลังการเกิดการแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลให้สภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งทุกประเทศต่างก็ได้รับผลกระทบดังกล่าว อีกทั้งยังเกิดสงครามทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ 2 ขั้ว (สหรัฐอเมริกาและจีน) ที่มีอิทธิพลและความสำคัญต่อเศรษฐกิฐกิจโลก โดยทั้งสองประเทศมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 1 และ 2 ของโลก
ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยที่เชื่อมโยงกับตลาดและฐานการผลิตทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดโดยตรง ทั้งนี้ ยังมีประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังที่อาจส่งผลกระทบในระยะยาว โดยยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสงครามทางการค้าดังกล่าวจะสิ้นสุดอย่างไรและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ทำให้อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศชะลอตัวลง สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จำนวนผู้โดยสารและส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอย เป็นเหตุให้กำลังซื้อของผู้โดยสารถดถอยลง รวมถึงการเดินทางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศลดลง ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่อย่างหลีกเลื่องไม่ได้
จากข้อเท็จจริง สถานการณ์และหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น บริษัทขอเรียนว่าเหตุการณ์ทั้งหมดข้างดันนั้น ทอท. ทราบดีในทุกๆ กรณีว่าเป็นเหตุสุดวิสัย และโดยเฉพาะมิได้เกิดจากการกระทำหรือความผิดของบริษัทคิง เพาเวอร์ ฯ แต่ประการใด รวมถึง ทอท. ทราบดีว่าเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านั้น ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายและการประกอบการของบริษัทคิง เพาเวอร์ ฯ และส่งผลทำให้ค่าตอบแทนที่บริษัทคิง เพาเวอร์ ฯ ต้องชำระให้แก่ ทอท. อยู่ในเกณฑ์ที่สูงผิดปกปกดีกว่าที่ควรจะเป็นและที่ได้เสนอไว้ ทำให้การประกอบการต้องประสบปัญหาขาดทุน โดยที่บริษัทคิง เพาเวอร์ ฯ ได้พยายามประคับประคองอย่างเต็มความสามารถเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคู่ค้ากว่า 1,000 ราย ไม่นับรวมถึงพนักงานกว่า 4,000 อัตรา และการจ้างงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในฐานะที่ ทอท. เป็นเจ้าของสถานที่, เป็นผู้มอบสัญญาให้ผู้ประกอบการ และเป็นคู่สัญญานั้น หาก ทอท. เพียงมองว่าระหว่าง ทอท. และผู้ประกอบการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันแล้วนั้น ทอท. ควรที่จะให้ความเป็นธรรมแก่บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ เพื่อบรรเทาผลกระทบอันเกิดจากสถานการณ์ต่างๆ อันเป็นเหตุสุดวิสัยเหล่านั้น อีกทั้งที่มิได้เกิดจากการกระทำและความผิดของบริษัทคิง เพาเวอร์ ฯ แต่ประการใด ซึ่งหากพิจารณาตามสัญญาแล้วนั้น เหตุการณ์ต่างๆ ข้างต้น ทั้งคู่สัญญา (บริษัทคิง เพาเวอร์ ฯ และ ทอท.) ควรต้องเจรจาร่วมกัน เพื่อให้เกิดแนวทางแก้ไขอันเป็นธรรมต่อคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย มิใช่สิ่งที่ ทอท. ควรกำหนดแนวทางแก้ไขโดยลำพังหรือเพียงเพื่อให้เกิดประโยชน์ หรือผลกระทบแก่ทอท. น้อยที่สุด หรือเพียงเพื่อให้ ทอท. มีคำตอบต่อแนวทางแก้ไขดังกล่าวเท่านั้น ซึ่งหากพิจารณาตามเนื้อหาและข้อความที่ระบุไว้ในสัญญาเล้วจะพบว่าเหตุการณ์ต่างๆ ข้างต้นสอดคล้องและสามารถคำเนินการและร่วมหารือได้ตามเนื้อหาที่ระบุในข้อสัญญาอย่างตรงไปตรงมา อาทิเช่น
ข้อความในข้อ 7.9 หน้า 25
ข้อความในข้อ 7.7 หน้า 25
ข้อความในข้อ 7.5 หน้า 25
จากรายละเอียดข้อความตามที่ระบุใว้ในสัญญาข้างต้น จะเห็นได้ว่า หากพิจารณาข้อความและเนื้อหาสัญญาซึ่งระบุให้คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายมาร่วมเจรจาหาข้อยุติที่เป็นธรรมร่วมกันแล้วนั้นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ต่างๆ ย่อมกระทำได้โดยทั้งสองฝ่าย ต้องเจรจาหาทางออกร่วมกัน มิใช่อาศัยเพียงการตัดสินใจของ ทอท.เพียงลำพังแต่ฝ่ายเดียว ดังเช่นที่ ทอท. ได้ปฏิบัติตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามบริษัทคิง เพาเวอร์ ฯ ขอเรียนว่าที่ผ่านมาผลกระทบต่างๆ เป็นผลให้บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ประสบกับภาวะขาดทุนจากการแบกรับภาระอัตราคำตอบแทนที่สูงผิดปกติและไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของสถานการณ์ จนส่งผลให้บริษัทคิง เพาเวอร์ ฯ มีความจำเป็นที่ต้องเลื่อนชำระค่าภาระต่างๆ มาเป็นระยะๆ ซึ่งเหตุการณ์อันส่งผลกระทบเหล่านั้นเป็นเหตุสุดวิสัยอันมิได้เกิดจากการกระทำหรือความผิดจากบริษัทคิง เพาเวอร์ ฯ แต่ประการใดทั้งสิ้น แต่ในทางกลับกัน ทอท. กลับพิจารณาและดำเนินการตามที่ ทอท.เห็นสมควรเพียงลำพัง และเป็นประโยชน์แก่ ทอท. เพียงฝ่ายเดียว โดยมิได้หารือบริษัทฯ เพื่อพาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมต่อทั้งสองฝ้าย หรือมิได้คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ที่มีมากกว่าผลกระทบด้านค่าตอบแทน
ดังนั้น ด้วยเหตุแห่งผลกระทบต่างๆ ที่ยังไม่คลี่คลายในขณะนี้ และยังไม่สามารถคาดเคาให้ว่าจะยุติลงเมื่อไหร่ รวมถึงความไม่มั่นใจในการให้ความเป็นธรรมต่อคู่สัญญาของ ทอท. บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะร้องขอให้เกิดการหารือเพื่อหาแนวทางและข้อยุติอื่นๆ รวมถึงแนวทางในการพิจารณายกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดดอากร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ด ท่ากากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาตใหญ่ ตามที่อ้างถึง เพื่อให้ข้อยุติกายใน 45 วัน
อนึ่ง เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ในระหว่างการพิจารณาของ ทอท. บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ขอนำส่งค่าตอบแทนตามสัญญาประมูลในอัตราร้อยละ 20 ของยอดจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในแต่ละเตือน ซึ่งภายหลังสิ้นเดือนเมื่อทราบยอดจำหน่าย บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ จะคำนวณค่าตอบแทนในอัตราร้อยละ 20 และชำระค่าตอบแทนดังกล่าวกายในวันสุดท้ายของเดือนถัดไปให้แก่ ทอท. โดยเริ่มจากยอดจำหน่ายเดือนกรกฎาคม 2568 (เนื่องจากบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการขยายระยะเวลาชำระเงินสำหรับค่าตอบแทนขั้นต่ำเดือนกันยายน 2567 ถึงเตือนมิถุนายน 2568) ซึ่งจะทราบยอดจำหน่ายภายหลังสิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 และจะชำระค่าตอบแทนในอัตราร้อยละ 20 ให้แก่ ทอท. ภายในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ซึ่งส่งผลให้บริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ไม่ต้องชำระค่าตอบแทนขั้นต่ำของเดือนกรกฎาคม 2568 ซึ่งเดิมบริษัท คิง เพาเวอร์ ฯ ต้องชำระให้แก่ ทอท. ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2568 และขอให้ไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระ โดยขอให้แนวทางการนำส่งค่าตอบแทนข้างต้นมีผลต่อเนื่องไปจนกว่าจะได้ข้อยุติจากการเจรจา
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด