ThaiPublica > เกาะกระแส > CMDF เดินหน้าสนับสนุนตลาดทุน มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เสริมสร้างความรู้เพื่อ Financial Wellbeing คนไทย

CMDF เดินหน้าสนับสนุนตลาดทุน มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เสริมสร้างความรู้เพื่อ Financial Wellbeing คนไทย

28 พฤษภาคม 2025


กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เผยผลการดำเนินงานในปี 2567 มีโครงการที่มีศักยภาพในการพัฒนาดลาดทุนได้รับการสนับสนุนรวม 22 โครงการ พร้อมเดินหน้าแผนการดำเนินงานในปี 2568 มุ่งเน้นการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรในตลาดทุน และขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบายที่เอื้อต่อการพัฒนาคลาดทุนไทยอย่างยั่งยืน สอดคล้องตามเป้าหมายและกลยุทธ์ในการพัฒนาตลาดทุนไทยที่ CMDF ตั้งไว้

ในวันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2568 กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (Capital Market Development Fund: CMDF) จัดแถลงข่าว โดย ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในฐานะประธานกรรมการกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน และนายจักรชัย บุญยะวัตร ผู้จัดการกองทุน

CMDF เป็นนิติบุคคลตามมาตรา218/2 ภายใต้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ฉบับที่6) เริ่มดำเนินการในปี 2563 มีวัตถุประสงค์ 4 ด้าน ได้แก่ (1) ส่งเสริมให้มีการพัฒนาองค์กรและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน (2) ส่งเสริมให้มีการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน(3) เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุน ให้แก่ผู้ลงทุน ประชาชน หน่วยงาน และองค์กรที่เกี่ยวข้อง และ (4) สนับสนุนงานวิจัย

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ CMDF กล่าวว่า การแถลงข่าวครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีหลังจากจัดตั้ง CMDF เพื่อนำเสนอถึงสิ่งที่ได้ดำเนินการมาและสิ่งที่จะทำต่อไป CMDF เป็นหน่วยงานสำคัญในการส่งเสริมพัฒนา ขับเคลื่อตลาดทุนไทยให้เผชิญความท้าทายได้อย่างมั่นยั่งยืน โดยเฉพาะในสภาวะแวดล้อมปัจจุบัน ตลาดทุนประสบบริบทใหม่ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ภูมิรัฐศาสตร์ เช่น วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นประเด็นใหญ่ รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยี AI

“จากความท้าทายเชิงโครงสร้างในประเทศ หนี้ครัวเรือน นักท่องเที่ยวที่ลดลง ธุรกิจ SME ที่ขาดความสามารถการแข่งขัน ตลาดหุ้นไทยที่ทรงตัวในระดับ 1,100-1,200 จุด จากสถานการณ์ทางการเมือง สะท้อนว่า ตลาดทุนไม่สมารถทำธุรกิจแบบเดิมได้ ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องหาแนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องปรับตัวของตลาดทุน สร่างรากฐานใหม่แข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งรอบ 50 ปีในปีนี้ มุ่งพัฒนาเป็นแหล่งระดมทุนที่โปร่งใส เปิดกว้างสำหรับทุกคน CMDF จึงเป็นกลไกสนับสนุนเชิงกลยุทธ์มีบทบาทสำคัญในตลาดทุนไทย มีหน้าที่ต้องพัฒนานิเวศของตลาดทุน มีภารกิจ 4 ด้านเพื่อสร้างระบบนิเวศ” ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ กล่าว

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ CMDF

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ กล่าวว่า CMDF ซึ่งได้รับเงินทุนจำนวน 5,700 ล้านบาท จากตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาระบบของตลาดทุนไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการเงินการ พัฒนาศักยภาพบุคลากรในตลาดทุน และมีบทบาทในการสนับสนุนการผลักดันกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจการเงินการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งยกระดับการทำวิจัยด้านตลาดทุนไทยเพื่อให้เกิตนวัตกรรมทางการเงินการลงทุนในรูปแบบใหม่ ๆ มุ่งผลักดันให้ผลการวิจัยถูกนำไปใช้จริง โดยส่งต่อองค์ความรู้และข้อเสนอเชิงนโยบายให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินงานหรือกำหนดแนวทางเชิงปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม

โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา CMDF ให้ทุนสนับสนุนแก่ 22 โครงการ อาทิ การพัฒนาด้าน ESG การพัฒนาบุคลากรตลาดทุน และการส่งเสริมให้ประชาชนมี Investment Literacy เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ นอกจากนี้ ยังได้ให้การสนับสนุนการศึกษาแนวทางการจัดทำนโยบายบัญชีการออมส่วนบุคคล (Thailand Individual Saving Account:TISA) เพื่อวางรากฐานเชิงโครงสร้างด้านการออมที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว สะท้อนความมุ่งมั่นของ CMDF ในการเป็นกลไกขับเคลื่อนตลาดทุนไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยคณะกรรมการ CMDF เชื่อว่าการสนับสนุนทุนของ CMDF จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนไทยในหลากหลายมิติ เพื่อให้ตลาดทุนไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง

นายจักรชัย บุญยะวัตร ผู้จัดการ CMDF เปิดเผยว่า CMDF มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาตลาดทุนใน 4 ด้าน คือ
1)ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่งเสริมให้มี ส่งเสริมให้มีการพัฒนาองค์กรและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนรวมถึง การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน
ของตลาดทุน
2)ส่งเสริมให้มีการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรท์เกี่ยวข้องกับตลาดทุน หรือการกำกับดูแลตลาดทุน ไม่จำกัดเฉพาะสถาบันการเงิน แต่ครอบคลุมบริษัทจดทะเบียน ในหลายส่วนงาน เช่น นักลงทุนสัมพันธ์ เลขานุการบริษัท การเสริมสร้างบุคคลากรมืออาชีพ ในระดับ CFA
3)เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุน การลงทุนและการพัฒนาตลาดทุน ให้แก่ผู้ลงทุน ประชาชน หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง
4)ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวจัย อบรม และพัฒนาองค์ความรู้ หรืองานวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อตลาดทุน

“CMDF เป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนในเชิงกลยุทธ์ เราได้ทำงานร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงาน ก.ล.ต. และสมาคมต่างๆ” นายจักรชัยกล่าว

นายจักรชัย บุญยะวัตร ผู้จัดการ CMDF

นายจักรชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมา CMDF ให้การสนับสนุนครอบคลุมระบบนิเวศของตลาดทุน โดยในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้ส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์ม ความปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงกรณีที่เกิดการฉ้อโกงบริษัทหลักทรัพย์จากการเปิดวงเงินของนักลงทุนที่มีเงินไม่เพียงพอ ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการสร้างระบบทำให้บริษัทโบรกเกอร์ได้มีข้อมูลวงเงินต่างๆ เป็นการป้องกันการฉ้อโกงของนักลงทุนบางราย และทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆเพื่อวางโครงสร้างพื้นฐาน ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเช่นเดียวกัน

ด้านการส่งเสริม ESG กับ Green Bond เป็นส่วนหนึ่งของโครงการตราสารหนี้สีเขียวที่มีทั้ง Green Bond, Social Bond, Sustainable Link Bond ซึ่งมีผลกระทบในชิงบวกในวงกว้างอย่างมาก โดยบริษัทจดทะเบียน ที่ต้องการออกตราสารหนี้สีเขียว CMDF จะช่วยเหลือออกค่าใช้จ่ายในการประเมินอันดับความน่าเชื่อถือ(Rating)ให้ และค่าได้จ่ายการบจัดการให้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจากการร่วมโครงการกับสมาคมตราสารหนี้มีตราสารหนี้สีเขียวที่ออกภายใต้โครงการมีมูลค่าประมาณเกือบ 80,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าเมื่อปิดโครงการราวปี 2570 การระดมทุนน่าจะเป็นหลักหลายแสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยทำให้ตลาดทุนมีความยั่งยืน บริษัทจดทะเบียนมีเงินในการปรับเปลี่ยนตัวเอง ได้พัฒนาตัวเอง เพื่อให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

ด้านการพัฒนาศักยภาพบุคคลากรในตลาดทุน CMDF เห็นว่าการรับรองคุณสมบัติ เช่น CFP, CFA, FRM สำหรับบุคคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในตลาดทุนยังมีความจำเป็นประกอบกับบุคลากรในไทยที่มีใบรับรองทางการเงินระดับสากลเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน กับประเทศในเอเชีย ถือว่าน้อย อย่างในฮ่องกง ผู้ที่ได้รับ CFA ระดับ3 มีถึง 4,000 คน ในมาเลเซียมีประมาณ 1,700 คน แต่ไทยมีประมาณ 700 คนเท่านั้น จึงยังห่างจากประเทศเพื่อนบ้าน และก็เป็นหนึ่งในภารกิจของ CNDF ที่จะต้องพัฒนาบุคลากรให้มีมาตรฐานในระดับสากล ในขณะเดียวกันบุคลากรที่อยู่ในบริษัทจดทะเบียน ก็ต้องมีความรู้เช่นเดียวกัน ก็เป็นหน้าที่ของ CMDF ในการส่งเสริมศักยภาพ reskill/upskill บุคคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรม

ด้านการให้ความรู้กับประชาชนทั่วไป CMDF มุ่งให้ความรู้ลงไปถึงระดับเด็ก โดยที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับสำนักงานบริหารความรู้ จัดกิจกรรมเรียนรู้ผ่านบอร์ดเกมใน 10 กว่าจังหวัด เป็นการเรียนรู้การออมการลงทุนในระยะยาว ซึ่งเป็นประโยชน์มาก นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาอีกมากมายที่เหมาะสมกับช่วงอายุในแต่ละวัย แล้วก็มีการทำโครงการต่างๆที่เหมาะสมกันในช่วงแต่ละวัยผ่านผู้ดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าหน่วยงานต่างๆหรือภาคเอกชนที่ CMDF สนับสนุนเงิน “หลักๆแล้วก็อยากให้ประชาชนได้เข้าถึงสาระ ในการออม การลงทุน”

ด้านสุดท้ายการวิจัย นายจักรชัยกล่าวว่า บุคลากรในไทยที่ทํางานวิจัยมีน้อยมาก CMDF จึงได้ร่วมมือกับงานองค์กรการศึกษา เช่น กระทรวงอว. ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมามีนักวิจัยสนใจเข้าร่วมโครงการในการรับทุนในการทำวิจัยจำนวนมาก นอกจากส่งเสริมการทำวิจัยแล้ว CMDF ยังเป็นศูนย์ข้อมูลด้วย ด้วยการซื้อข้อมูลของหน่วยงานข้อมูลกลางตระดับโลก เช่น S&P, Morning Star เพื่อเป็นเครื่องมือให้นักวิจัยตลาดทุนทั่วประเทศ

ในปี 2567 สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน (CMRI) ภายใต้ CMDF ยังได้สนับสนุนงานวิจัยอื่นที่หลากหลาย อาทิ แนวทางการบริหารเงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหลังเกษียณอายุ การศึกษาเพื่อป้องกันปัญหาการฉ้อโกงในตลาดทุนและแนวทางการปกป้องนักลงทุน แนวทางการพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย เป็นต้น ในด้านการพัฒนานักวิจัย มีโครงการสนับสนุนนักวิจัยรุ่นใหม่ให้สนใจทำงานด้านตลาดทุนเพิ่มขึ้น (Researcher Pool) โดย CMDF ร่วมมือกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) สนับสนุนทุนวิจัยในรูปแบบ Matching Fund ให้แก่นักวิจัยรุ่นใหม่ด้านตลาดทุนที่เป็นบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาภายใต้สังกัดของกระทรวง อว.

“ผลกระทบในเชิงบวกในวงกว้างที่เกิดขึ้นตลอด 5 ปีที่ผ่านมาทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน มีผู้ที่ได้รับทุนและได้รับการอบรมต่างๆตอนนี้มีประมาณ 4,000 คนที่ได้รับประโยชน์จากทุนที่เราจัดทำโครงการที่เกี่ยวข้องกับในเรื่องของโครงพื้นฐาน ส่วนการออก ESG Bond มีผู้รับทุนไปประมาณ 14-15 บริษัท โครงการจะจบไปใน 2 ปีข้างหน้าเราเชื่อว่าโครงการลักษณะนี้จะมีคนออกตราสารหนี้สีเขียวเป็นหลายแสนล้าน เป็นสิ่งที่เราอยากเห็น” นายจักรชัยกล่าว

ในด้านการพัฒนาบุคลากร มีบุคลากรทั้งจากบริษัท นักศึกษามหาวิทยาลัย บล.บลจ. หน่วยงานอื่นไปไม่น้อยกว่า 15,000 ราย ส่วนการให้ความรู้ทั้งด้านการเงินการลงทุน หรือ Financial Literacy กิจกรรมที่จัดออนไลน์นับว่าประสบความสำเร็จมากกว่าการจัดออนไซต์ “CMDF จะให้ความสำคัญกับการสื่อผ่านออนไลน์ค่อนข้างมากเพราะสื่อออนไลน์เข้าถึงทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย แต่ปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มคน พยายามทำให้ง่าย เด็กๆรุ่นใหม่สามารถเข้าใจได้ง่าย เป็นพัธนกิจของเราที่พยายามให้ตลาดทุนเข้าถึงทุกช่วงทุกวัย สอดคล้องกับพัธนกิจของตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกันที่พยายามให้คนทุกคนเข้าถึงข้อมูลของตลาดทุน” นายจักรชัยกล่าว

ส่วนในงานวิจัย หน่วยงานต่างๆนำออกไปใช้ มีการดาวน์โหลดไปเป็นหลักพันและมีคนเข้าชมเป็นหลักหลายหมื่น ทั้งหน่วยงานด้านวิชาการกับหน่วยงานที่จะเอาไปใช้แล้วเพื่อการออกกฎหมาย

ตั้งแต่ปี 2563 – 2567 CMDF ได้อนุมัติโครงการรวม 153 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2,928 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีโครงการดำเนินการแล้วเสร็จ 83 โครงการ ซึ่งล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบนิเวศของตลาดทุนในด้านต่าง ๆ และสอดคล้องกับพันธกิจของ CMDF การดำเนินโครงการที่ผ่านมา CMDF ได้ส่งเสริมการพัฒนาองค์กรกว่า 3,500 องค์กร พัฒนาบุคลากรในตลาด กว่า 15,000 คน ส่งเสริมการศึกษาสำหรับบุคลากรในอุตสาหกรมทั้งที่เป็น Global และ Local Certificate รวมกว่า 940 รายเผยแพร่และสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนผ่านสื่ออออนไลน์ มียอดเข้าถึงกว่า 80 ล้านครั้ง รวมถึงการเผยแพร่งานวิจัยผ่านเว็บไซต์ CMRI รวมกว่า 50 บทความ ยอดเข้าชมมากกว่า 17,300 ครั้ง เผยแพร่งานวิจัยผ่านหน่วยงานต่าง ๆ มากกว่า 600 เล่ม ให้แก่ 30 หน่วยงาน

โดยเป็นการให้ทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 1,167 ล้านบาท การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องตลาดทุนแก่ประชาชน นักลงทุน 878 ล้านบาท การเสริมสร้างศักยภาพบุคคลากรในตลาดทุน 555 ล้านบาทและทุนที่ให้ด้านการวิจัย 328 ล้านบาท

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา CMDF ได้อนุมัติโครงการเพิ่มอีกประมาณ 10 โครงการ

นายจักรชัยแผนกลยุทธ์ ของ CMDF ในช่วงปี 2567-2570 ว่า ในด้านโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับแพลตฟอร์มต่างๆ การรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ รวมทั้งทำเครื่องมือ โครงสร้างพื้นฐานที่จะทำให้ ESG การกำกับดูแลกิจการที่ดีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ด้านการพัฒนาบุคคลากร CMDF พยายามให้บุคลากรมีความรู้ด้านใหม่ๆที่ในต่างประเทศมี ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางด้านดิจิทัล ความรู้องค์กรใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ดิจิทัล หรือทางด้านเทคโนโลยีเข้ามาแทนการใช้คน ซึ่งคนจะได้ไปทำการเพิ่มทักษะเสริมทักษะ Upskill/Reskill แล้วไปทำงานอย่างอื่นๆ เพื่อให้เกิดคุณค่า Team ในรายละเอียด CMDF จะหารือกับผู้ขอรับทุนในการจัดสรรโครงการต่างๆและจัดเงินตามความจำเป็นในแต่ละช่วงปี

ด้านการให้ความรู้า 2-3 ปีที่ผ่านมา CMDF มีกิจกรรมเยอะมากที่เกี่ยวข้องกับงานป้องกันหลอกการลงทุน ซึ่งได้ทำมาในระดับหนึ่งแล้วและยังทำต่อเนื่อง แต่จะพิจารณาในระดับที่เกี่ยวข้องกับการเงินการลงทุน โดยเฉพาะเดือนนี้และเดือนหน้าได้หารือกับหลายสมาคมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนกองทุน THESGX ลงทุนในหุ้นยั่งยืน ที่เชื่อว่าเกิดประโยชน์กับตลาดทุน มีประโยชน์กับประเทศชาติ โดยจะให้มุ่งกับตรงนี้ในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ปีนี้

ด้านการส่งเสริมงานวิจัย ทีมงานก็พยายามจะทำเนื้อหาเพื่อนักลงทุนอ่านได้ง่าย เป็น Snapshot เป็น Infographic

“พวกนี้เป็นพัธนกิจทั้งหมดของ CMDF เราก็คิดว่าจากนี้ไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า เราถือว่าเป็นแกนกลางตลาดทุน ที่จะพัฒนาในเชิงกลยุทธ์ให้กับตลาดทุน ก็มีความพร้อมและมีความมั่นใจพร้อมที่ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่จำเป็นต้องเป็นหน่วยงานกำกับอย่างเดียว แต่เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็นฟัง supply side ก็คือบริษัทจดทะเบียน ฉะนั้นเราก็คิดว่าจากนี้ไป CMDF ยังคงมีงานที่จะต้องทำกันอีกมาก” นายจักรชัยกล่าว

นายจักรชัยกล่าวว่า โดยที่วัตถุประสงค์ของ CMDF คือการสร้างเสริมพัฒนาตลาดทุน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ CMDF จะมุ่งเน้นใน 4 วัตถุประสงค์ คือ สิ่งเป็นภารกิจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย(stakeholder) ที่เกี่ยวของตลาดทุนไม่ว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงาน ก.ล.ต. หรือกระทรวงการคลัง การดำเนินการของ CMDF ก็จะสอดคล้องกับภารกิจนั้น

“ในปีนี้และปีหน้าตลาดหลักทรัพยฯมีภารกิจในการสร้างมูลค่า หรือโครงการ Jump+ CMDF จะเข้าไปในสนับสนุน ในด้านเงินทุนสนับสนุนในการที่จะทำให้บริษัทต่างๆ สร้างคุณค่ากับตัวเอง ติดอาวุธ ติดความรู้ องค์กรต่างๆ รวมถึงในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น นั่นคือพันธกิจแรก เพราะฉะนั้นบริษัทขนาดกลางขนาดเล็กตอนนี้อยู่ในเรดาร์เรา เป็นธุรกิจที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจไทย เพราะฉะนั้นในเรื่อง Jump+ เราพยายามจะโฟกัสบริษัทให้เขาเพิ่มมูลค่าขึ้นมาให้ได้ เป็นภารกิจที่สอดคล้องกับภารกิจของตลาดหลักทรัพย์ฯ” นายจักรชัยกล่าว

เรื่องที่สอง ซึ่ง CMDF ได้นำเสนอคณะกรรมการไปแล้ว และหลายปีที่ผ่านมา พยายามจะมุ่งเน้นความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงิน (Financial Wellbeing) ของคนไทย คนไทยควรจะมีการตระหนักรู้ในด้านการออมการเงินการลงทุนให้มากขึ้น ซึ่งก็คงจะต้องหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ วัตถุประสงค์ข้อนี้สอดคล้องกับภารกิจของสำนักงาน ก.ล.ต. ในปีนี้เช่นเดียวกัน ซึ่ง CMDF ได้ทำการศึกษา TISA มาแล้ว จากนี้ไปเป็นเรื่องของหน่วยงานกำกับ นำไปพิจารณาแล้วก็ประยุกต์ใช้ และภาครัฐดำเนินการต่อ แต่ไม่สามารถระบุกรอบระยะเวลาได้

“ในเรื่องของการสร้าง Value ให้กับบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้มีการเติบโตเดินไปได้อย่างมั่นคง คือสิ่งที่เป็นภารกิจของเรา ตัวที่สองก็คือในเรื่องของ Financial Wellbeing ของคนไทย หาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เสริมสร้างคุณวุฒิ ใบอนุญาตต่างๆ ในต่างประเทศตอนนี้อาจจะมีใบรับรองที่สอดคล้องทิศทางโลกมากขึ้น คนที่มีอายุสูงวัยมากขึ้น พอร์ตฟโฟลิโอต่างๆ อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนมากขึ้น เพราะฉะนั้น 2 อย่างนี้จะเป็นแกนหลักเป็นแผนการหลักๆ ที่เรากำลังผลักดันในปัจจุบัน ส่วนที่เหลือไม่ใช่ว่าไม่ทำ ก็ยังคงมีบริบทต่างๆในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เรื่อง Cyber Security ต่างๆ ที่จะให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่า มาลงทุนแล้วไม่ถูกหลอกก็จะมีการทำงานร่วมกันกับ stakeholder ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน แต่2-3 อย่างแรก คือสิ่งที่เรามุ่งเน้นในช่วงปีนี้และปีหน้า” นายจักรชัยกล่าว

  • ทีดีอาร์ไอ ร่วมกับ CMDF FETCO ก.ล.ต. จัด Hackathon “Transforming the Thai Capital Market”