ทั้งจีนและสหรัฐฯ ต่างชื่นชมความคืบหน้าที่เกิดขึ้นระหว่างการเจรจาการค้าที่เจนีวาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มุ่งลดความตึงเครียดที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ
นายเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ผู้นำด้านการค้าและเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯ พบกับผู้นำของสหรัฐฯ ได้แก่ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และจามีสัน กรีร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่เจนีวา เมื่อวันเสาร์และวันอาทิตย์ นับเป็นการพบกันระดับสูงครั้งแรกระหว่างทั้งสองฝ่ายนับตั้งแต่สงครามภาษีตอบโต้กันครั้งล่าสุด
“บรรยากาศของการประชุมเป็นไปอย่างจริงใจ ลงลึก และสร้างสรรค์ การประชุมมีความคืบหน้าอย่างมากและบรรลุฉันทามติที่สำคัญ” นายเหอกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อเย็นวันอาทิตย์(11 พฤษภาคม 2568 )
นายเหอกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านการค้าและเศรษฐกิจ กำหนดตัวผู้นำของแต่ละฝ่าย และจะดำเนินการปรึกษาหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นด้านการค้าและเศรษฐกิจที่ทั้งสองฝ่ายกังวล
ทั้งสองฝ่ายจะสรุปรายละเอียดที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุดและจะออกแถลงการณ์ร่วมตามที่ตกลงกันในการประชุมในวันจันทร์นี้ นายเหอกล่าว
เมื่อถูกถามถึงเวลาการเผยแพร่แถลงการณ์ร่วมในวันจันทร์นี้ นายหลี่ เฉิงกัง ผู้เจรจาการค้าระหว่างประเทศและรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ของจีน ตอบว่าหากอาหารจานนี้อร่อย ก็ไม่เป็นปัญหาเรื่องเวลา
“ไม่ว่าแถลงการณ์นี้จะออกเมื่อใด จะเป็นข่าวใหญ่และเป็นข่าวดีสำหรับโลก” นายหลี่กล่าว
รองนายกรัฐมนตรีเหอ หลี่เฟิง กล่าวขอบคุณรัฐบาลสวิสที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ และยังกล่าวอีกว่า “ความเป็นมืออาชีพและความขยันขันแข็ง” ของทีมสหรัฐฯที่ทำงานร่วมกัน นั้น “น่าประทับใจ”
นายเหอกล่าวว่าในช่วงกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา สงครามการค้าโลกที่สหรัฐฯ เป็นผู้ก่อขึ้นได้ดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีจากจีนตั้งแต่ต้นปีนี้รวมเป็น 145% โดยภาษีรวมของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจีนบางรายการสูงถึง 245% จีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ 125% สถานการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นการคว่ำบาตรทางการค้า
“จุดยืนของจีนต่อสงครามการค้าครั้งนี้ชัดเจนและสม่ำเสมอ นั่นคือ จีนไม่ต้องการทำสงครามการค้า เพราะสงครามการค้าไม่ได้ทำให้มีผู้ชนะ แต่ถ้าสหรัฐฯ ยืนกรานที่จะบังคับให้จีนทำสงครามนี้ จีนจะไม่กลัวและจะสู้จนถึงที่สุด” นายเหอกล่าว โดยย้ำจุดยืนของจีน
นายเหอกล่าวว่าการพบปะครั้งนี้มีประโยชน์และเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่ทั้งสองฝ่ายดำเนินการ เพื่อแก้ไขความขัดแย้งอย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาอย่างเท่าเทียม เพื่อปิดช่องว่างความแตกต่างและกระชับความร่วมมือ
นายเหอย้ำว่า ลักษณะของความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐฯ คือมีสิ่งที่เป็นประโยชน์ร่วมกันและเป็นประโยชน์ต่อกันทั้งสองฝ่าย
“สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติตามหลักการเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อกันทั้งสองฝ่าย และการหาหนทางแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมผ่านการสนทนาและปรึกษาหารืออย่างเท่าเทียม เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่มั่นคง ราบรื่น และยั่งยืน” เขากล่าว
นายเหอกล่าวว่า ฝ่ายจีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ เพื่อปฏิบัติตามฉันทามติสำคัญที่ผู้นำทั้งสองประเทศบรรลุในการโทรศัพท์หารือกันเมื่อวันที่ 17 มกราคม และด้วยแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหา
“เรายินดีที่จะมีส่วนร่วมในการพูดคุยที่ลงรายละเอียดและการปรึกษาหารืออย่างเท่าเทียม จัดการความแตกต่างของเรา ใช้ประโยชน์จากศักยภาพของความร่วมมือ ขยายผลจากการทำงานร่วมกัน และทำให้ผลประโยชน์ร่วมกันมากขึ้น” นายเหอกล่าว
“เราสามารถส่งเสริมการพัฒนาใหม่ด้วยการค้าและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐฯ และเพิ่มความแน่นอนและเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจโลกมากขึ้น”
นายหลี่ เฉิงกัง หัวหน้าคณะเจรจาของจีน สรุปว่าการประชุมครั้งนี้ยึดหลัก “ความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน ความเป็นมืออาชีพ และประสิทธิภาพสูง”
ด้านนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯกล่าวในวันอาทิตย์ว่าการเจรจาครั้งนี้ “ได้ผล”
“ผมดีใจที่จะรายงานว่าเราได้บรรลุความคืบหน้าที่สำคัญระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในการเจรจาการค้าที่สำคัญยิ่ง” นายเบสเซนต์กล่าวกับผู้สื่อข่าว และว่า ได้แจ้งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทราบถึงความคืบหน้าของการเจรจาแล้ว
ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดียในวันอาทิตย์ว่า “วันนี้เป็นการประชุมที่ดีมากกับจีนที่สวิตเซอร์แลนด์ มีการหารือกันหลายเรื่องและหลายฝ่ายเห็นด้วย การเจรจที่เริ่มใหม่ทั้งหมดเป็นไปอย่างเป็นมิตรแต่สร้างสรรค์
“สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าเราสามารถบรรลุข้อตกลงได้เร็วเพียงใด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบางทีความแตกต่างอาจไม่มากเท่าที่คิด” จามีสัน กรีร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯกล่าวในวันอาทิตย์
ในวันเดียวกันเว็บไซต์ทำเนียบขาวได้เผยแพร่แถลงการณ์หลังการเจรจามีความคืบหน้า โดยนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า “ผมยินดีที่จะรายงานว่า เราได้บรรลุความคืบหน้าที่สำคัญระหว่างสหรัฐฯ และจีนในการเจรจาการค้าที่สำคัญยิ่งนี้ ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณเจ้าภาพสวิสของเรา รัฐบาลสวิสได้กรุณาจัดสถานที่ที่ยอดเยี่ยมนี้ให้กับเรา และผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้การเจรจาได้ผลอย่างมาก เราจะให้รายละเอียดในวันพรุ่งนี้ แต่ผมบอกคุณได้ว่าการเจรจาครั้งนี้ได้ผล เรามีรองนายกรัฐมนตรี รองรัฐมนตรี 2 ท่าน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด เอกอัครราชทูตจามีสัน และผมเอง และเมื่อคืนนี้ ผมได้พูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ และเอกอัครราชทูตจามีสัน และเขาทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น จะมีการสรุปข้อมูลอย่างครบถ้วนในเช้าวันพรุ่งนี้”
ในแถลงการณ์ยังมีคำกล่าวของจามีสัน กรีร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯว่า อย่างที่รัฐมนตรีคลังได้ชี้แจง การประชุมสองวันนี้เป็นการประชุมที่สร้างสรรค์มาก สิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าใจว่าเราสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้อย่างรวดเร็วเพียงใด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความแตกต่างอาจไม่มากเท่าที่คิด อย่างไรก็ตาม การประชุมสองวันนี้มีการเตรียมการล่วงหน้ามากมาย โปรดจำไว้ว่าทำไมเราจึงมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก สหรัฐฯ มีการขาดดุลการค้าสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้นประธานาธิบดีจึงประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติและกำหนดภาษีศุลกากร และเรามั่นใจว่าข้อตกลงที่เราทำกับพันธมิตรจีนจะช่วยให้เราทำงานเพื่อแก้ไขภาวะฉุกเฉินระดับชาติได้”
ต่อมาวันที่ 12 พฤษภาคม เว็บไซต์ทำเนียบขาวได้เผยแพร่แถลงการณ์ร่วม Joint Statement on U.S.-China Economic and Trade Meeting in Geneva ผลการเจรจา
โดยมีข้อความว่า รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา (“สหรัฐอเมริกา”) และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (“จีน”) ตระหนักถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคีต่อทั้งสองประเทศและเศรษฐกิจโลก ตระหนักถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ยั่งยืน ระยะยาว และเป็นประโยชน์ร่วมกัน
จากการพิจารณาในการหารือล่าสุดและเชื่อว่าการหารืออย่างต่อเนื่องมีศักยภาพในการแก้ไขข้อกังวลของแต่ละฝ่ายในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า และเดินหน้าด้วยน้ำใจแห่งการเปิดกว้างซึ่งกันและกัน การสื่อสารอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือ และความเคารพซึ่งกันและกัน
ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะดำเนินการต่อไปนี้ภายในวันที่ 14 พฤษภาคม 2568
สหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้าสินค้าจีน(รวมถึงสินค้าของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและเขตบริหารพิเศษมาเก๊า) ชั่วคราวจาก 145% เหลือ 30% ในขณะที่จีนจะลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10%
ภาษีที่ทั้งสองฝ่ายลดให้กันจะมีผลเป็นระยะเวลา 90 วันในช่วงแรก
หลังจากดำเนินการดังกล่าวข้างต้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งกลไกเพื่อดำเนินการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าต่อไป โดยผู้แทนจากฝ่ายจีนสำหรับการหารือครั้งนี้คือ นายเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีของคณะรัฐมนตรี ส่วนผู้แทนจากฝ่ายสหรัฐฯ คือ นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจามิสัน กรีร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ การหารือดังกล่าวอาจจัดขึ้นสลับกันในจีนและสหรัฐฯ หรือประเทศที่สามก็ได้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ หากจำเป็น ทั้งสองฝ่ายอาจดำเนินการปรึกษาหารือในระดับปฏิบัติงานเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจและการค้าที่เกี่ยวข้อง
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
