ThaiPublica > เกาะกระแส > “ประเทศเพนกวิน” (Heard Island กับ McDonald Island)ก็ถูกดึงเข้าร่วมสงครามการค้าของทรัมป์

“ประเทศเพนกวิน” (Heard Island กับ McDonald Island)ก็ถูกดึงเข้าร่วมสงครามการค้าของทรัมป์

16 เมษายน 2025


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

ที่มาภาพ : https://wwf.org.au/blogs/protecting-a-penguin-paradise-heard-island-and-mcdonald-islands/

วันที่ 2 เมษายน 2568 ในการแถลงข่าวของโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องการขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ปรากฏว่า เอกสารที่แจกนักข่าวเรื่อง รายชื่อประเทศที่ถูกเก็บภาษีพื้นฐาน และภาษีตอบโต้ Heard Island และ McDonald Island ตั้งอยู่ในแถบแอนทาร์คติก กึ่งกลางระหว่างออสเตรเลียกับแอฟริกาใต้ อยู่ในรายชื่อประเทศถูกเก็บภาษีอัตรา 10% แม้จะเป็นที่รู้กันว่า หมู่เกาะทั้งสองไม่มีคนอาศัยอยู่ มีประชากรคือพวกนกเพนกวินกับแม้วน้ำ ในปี 1997 UNESCO รับรองเป็นแหล่งมรดกโลก

เอกสารทางการสหรัฐฯระบุว่า ปัจจุบัน เกาะทั้งสองเก็บภาษีกับสหรัฐฯอัตรา 10% มีคำอธิบายในเอกสารเพิ่มเติมว่า “ประเทศเพนกวิน” มี นโยบายบริหารที่ครอบงำสกุลเงินตราตัวเอง และมีมาตรการกีดกันการค้าอื่นๆ ดังนั้น สหรัฐฯจึงใช้ภาษีตอบโต้แบบให้ส่วนลดที่ 10% แก่ทั้งหมู่เกาะดังกล่าว

ต่อมาโทรทัศน์ CBS ถามโฮเวิร์ด ลัทนิกค์ (Howard Lutnick) รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯว่าหมู่เกาะที่ไม่มีการส่งออกมาสหรัฐฯเลย เป็นดินแดนอาศัยของนกเพนกวิน แต่ทำไมถูกเก็บภาษีทรัมป์ หรือเพราะให้ AI ดำเนินการเรื่องนี้ ลัทนิกค์ตอบว่า

“หากคุณปล่อยให้มีบางแห่งหลุดจากรายชื่อ ประเทศที่พยายามหาประโยชน์ส่วนต่างภาษี จะอาศัยประเทศนี้เป็นทางผ่านเข้ามาสหรัฐ”

ที่มาภาพ : pinterest.jpg

ไม่มีที่ไหนปลอดภัยภาษีทรัมป์

บทความของ The Guardian เรื่อง Nowhere on Earth is safe เขียนถึง Heard Island และ McDonald Island ว่า ทั้งสองเกาะเป็นดินแดนในการดูแลของออสเตรเลีย เป็นพื้นที่ห่างไกลสุดของโลก จากเมืองเพิร์ธ ชายฝั่งทะเลตะวันตกของออสเตรเลีย ใช้เวลาเดินทางโดยเรือ 2 สัปดาห์มาถึงเกาะ เชื่อกันว่าครั้งหลังสุด มีคนเดินทางมาเกาะแห่งเมื่อสิบปีมาแล้ว หลังจากที่ทรัมป์ประกาศภาษีตอบโต้กับทั้งสองเกาะ ดอน ฟาร์เรลล์ (Don Farrell) รัฐมนตรีการค้าออสเตรเลียกล่าวว่า “น่าสงสารพวกนกเพนกวิน ไม่รู้ไปทำอะไรกับทรัมป์มา”

ส่วน Norfolk Island ดินแดนในการดูแลของออสเตรเลีย มีประชากร 2,188 คน อยู่ห่างจากนครซีดนีย์ 1,600 กม. ปี 2023 ส่งออกรองเท้าหนังไปสหรัฐฯมูลค่า 655,000 ดอลลาร์ แอนโธนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวว่า Norfolk Island ถูกเก็บภาษี 29% ขณะที่ออสเตรเลียถูกเก็บ 10% ไม่แน่ใจว่า Norfolk Island เป็นคู่แข่งการค้ากับยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯหรือไม่ แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ไม่มีที่ไหนในโลกปลอดภัยจากภาษีทรัมป์

ทรัมป์ขึ้นภาษี หุ้นตก ภาพเพนกวินขึ้นมาแทน

หลังที่ทรัมป์ประกาศภาษีตอบโต้ทั่วโลก ทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำ สิ่งที่เกิดขึ้นมาแบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน คือภาพนกเพนกวินที่ส่งต่อๆกันในโซเชียลมีเดีย เพราะ Heard Island และ McDonald Island ถูกทรัมป์เรียกเก็บภาษี ทั้งๆที่เป็นดินแดนที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ มีแต่นกเพนกวิน

ภาพที่มีการแชร์ในอินเทอร์เน็ตเป็นภาพที่มีการถูกแต่งขึ้นมาจากภาพเดิม ภาพเดิมเป็นรูปการปะทะคารมกันระหว่างทรัมป์และรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ กับเซเลนสกี้ ประธานาธิบดียูเครน ในการพบปะกันที่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ในครั้งนั้น เจดี แวนซ์กล่าวหาว่า เซเลนสกี้ ไม่ได้แสดงการขอบคุณต่อสหรัฐฯมากพอ ทั้งๆที่ให้การช่วยเหลือทางทหารมาตลอด ส่วนภาพใหม่เป็นรูปผู้นำสหรัฐฯนั่งกับนกเพนกวิน มีคนเขียนข้อความว่า “อาจเพราะไม่ได้พูดคำว่าขอบคุณ” ทำให้นกเพนกวินถูกทรัมป์เล่นงาน เหมือนที่เซเลนสกี้เคยโดนมาแล้ว

UNESCO ขึ้นทะเบียน Heard Island และ McDonald Island ให้เป็นมรดกโลก โดยกล่าวว่าเป็น “หมู่เกาะที่ปราศจากพืชพันธุ์และสัตว์ต่างถิ่นโดยสิ้นเชิง รวมทั้งผลกระทบที่มาจากมนุษย์” แต่แม้กระนั้น ทรัมป์ก็ยังเก็บภาษี 10% กับสินค้าที่มาจากเกาะ ที่ปราศจากผู้คนแห่งนี้

ที่มาภาพ : Irish Times

เกาะเล็กที่ถูกภาษีทรัมป์ 50%

The Wall Street Journal ก็ทำรายงานข่าวเรื่อง หมู่เกาะฝรั่งเศส นอกชายฝั่งแคนาดา กลายเป็นเป้าภาษีสูงสุดของทรัมป์ขึ้นมาได้อย่างไร โดยกล่าวว่า ผู้คนในหมู่เกาะ St. Pierre และ Miquelon ใช้เวลาหลายวันขบคิดปัญหาลึกลับว่า มีใครขายของจำนวนมากให้คนซื้อในสหรัฐฯ จนทำให้ถูกเก็บภาษีทรัมป์ถึง 50%

Thierry Hamel เจ้าหน้าที่สำนักงานผู้บริหารเกาะบอกกับ Wall Street Journal ว่า เราตกใจว่าอะไรคือชนวนสงครามการค้า ระหว่างหมู่เกาะนี้กับประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก เรามีประชากร 6,000 คน แทบไม่ได้ส่งออกไปสหรัฐฯเลย ยกเว้นปลาทูนา จากตัวเลขการค้าของสหรัฐฯเอง ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ทางเกาะแทบไม่ได้ขายอะไรให้สหรัฐฯเลย

การที่บรรดาเกาะที่อยู่ห่างไกลถูกเล่นงานจากภาษีทรัมป์ ทำให้เกิดคำถามว่า รัฐบาลทรัมป์ มีวิธีคิดอย่างไรว่า สหรัฐฯถูกโกงทางการค้า จากดินแดนที่มีคนไม่กี่คนในโลกนี้รู้จัก อย่างเช่น นาอูรู (Nauru) ประเทศเล็กที่สุดในโลก ในมหาสมุทรแปซิฟิก มีประชากร 11,000 คน ถูกเก็บภาษีตอบโต้ 30%

วิธีคิดภาษีตอบโต้ที่อาศัยตัวตั้งจากการที่ประเทศอื่นได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ ทำให้บรรดาประเทศที่เป็นหมู่เกาะเล็กๆประหลาดใจอย่างมาก หมู่เกาะฟอล์คแลนด์ของอังกฤษ อยู่นอกชายฝั่งอาร์เจนตินา ร้องเรียนต่ออังกฤษให้ช่วยอธิบายว่า ทำไมถูกเก็บภาษีทรัมป์ 41% ทั้งๆที่ปลาหมึกเป็นสินค้าส่งออกหลักของเกาะฟอล์คแลนด์ และ 90% ส่งออกไปยุโรป

สำหรับเกาะ St. Pierre และ Miquelon ในที่สุดก็ได้คำตอบว่า ทำไมถูกสหรัฐฯเก็บภาษีสูงสุด 50% โดยเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจบันทึกข้อมูลการค้า พบว่าปี 2024 มีคนขายปลาแฮลิบัตและอาหารทะเลไปสหรัฐฯมูลค่า 3 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นตัวจุดชนวนทำให้สหรัฐฯตอบโต้ทางการค้าอย่างรุนแรง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แทบไม่ได้ค้าขายตรงกับสหรัฐฯเลย

เอกสารประกอบ

Nowhere on Earth is safe: Trump imposes tariffs on uninhabited islands near Antarctica, April 3, 2025, theguardian.com
After Trump’s Tariffs, Stocks Plunged but Penguin Memes Ticked Up, April5, 2025 nytimes.com
How a Tiny French Archepelago Became Trump’s Top Tariff Target, April7, 2025, The Wall Street Journal