ThaiPublica > เกาะกระแส > ‘อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี’ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ประเมินเอลนีโญและลานีญาประเทศไทย 2025

‘อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี’ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ประเมินเอลนีโญและลานีญาประเทศไทย 2025

17 เมษายน 2025


นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

“อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี” ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประเมินสถานการณ์เอลนีโญและลานีญาในประเทศไทยปี 2025 พร้อมเตือนการเตรียมความพร้อมและการปรับตัวเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อภูมิอากาศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เอลนีโญคือ ปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรสูงกว่าปกติ ส่วนลานีญาคือ ภาวะที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลต่ำกว่าปกติ

การคาดการณ์และการเตรียมตัวรับมือกับเอลนีโญและลานีญาที่จะเกิดขึ้นในปี 2025 มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรกรรม การจัดการน้ำ และการวางแผนป้องกันภัยธรรมชาติ

นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าในปี 2025 ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแห้งแล้งและอุณหภูมิภูมิสูงกว่าปกติในบางพื้นที่ ขณะที่บางช่วงเวลาอาจเกิดลานีญาซึ่งอาจนำมาซึ่งปริมาณฝนที่มากขึ้นและความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย

การติดตามข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้ประชาชนสามารถวางแผนและรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เอลนีโญและลานีญาคืออะไร

เอลนีโญ (El Niño)

ปรากฏการณ์อุ่นขึ้นของน้ำทะเลใในมหาสมุทร แปซิฟิกตอนกลางและตะวันออก โดยอุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยปกติอย่างน้อย 0.5 องศาเซลเซียส ติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้อากาศร้อนและแห้งแล้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ส่งผลให้ปริมาณฝนลดลง เกิดภัยแล้ง และอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น มักเกิดฝนแล้งในประเทศไทยโดยเฉพาะกาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกและปริมาณน้ำในเขื่อน

ลานีญา (La Niña)
ปรากฏการณ์เย็นลงของน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางและตะวันออก โดยอุณหภูมิผิวน้ำทะเลต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติอย่างน้อย 0.5 องศาเซลเซียส ติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้อากาศเย็นลงและมีฝนตกมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ส่งผลให้มีความชื้นในอากาศสูง ฝนตกหนัก และอาจเกิดน้ำท่วมในประเทศไทย มักเกิดพายุฝนรุนแรงและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคใต้และกาคตะวันออก ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อพืชผลและโครงสร้างพื้นฐาน

ผลกระทบเอลนีโญและลานีญาระดับโลก

ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศทั่วโลกในหลายมิติ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในหลายภูมิภาค ตั้งแต่ทวีปเอเชียไปจนถึงอเมริกาและยุโรป

อุณหภูมิโลกเปลี่ยนแปลง
เอลนีโญ: อุณหภูมิโลกสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 0.2-0.3 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดคลื่นความร้อนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลานีญา: อุณหภูมิโลกลดลงประมาณ 0.1-0.2 องศาเซลเซียส ทำให้ฤดูหนาวในแถบเอเชียตะวันออกรุนแรงขึ้น

รูปแบบฝนแปรปรวน
บางพื้นที่แห้งแล้งรุนแรง เช่น ออสเตรเลียตะวันออก อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ช่วงเอลนีโญ
บางพื้นที่น้ำท่วมหนัก เช่น อเมริกาใต้ตอนเหนือ เปรู และเอกวาดอร์ในช่วงเอลนีโญ
ในทางกลับกัน ลานีญาทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลียมีฝนมากกว่าปกติ

ภัยธรรมชาติเพิ่มขึ้น
พายุรุนแรงขึ้นในบางภูมิภาค โดยเฉพาะพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกช่วงลานีญา
คลื่นความร้อนและไฟป่าเกิดบ่อยขึ้นในอเมริกาเหนือและยุโรปช่วงเอลนีโญ
น้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล
เอลนีโญ: อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นทำให้ปะการังฟอกขาวในมหาสมุทรแปซิฟิก
การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำส่งผลต่อการอพยพของปลาและสัตว์ทะเล
ปริมาณปลาในแหล่งประมงสำคัญลดลงส่งผลต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม
ภาคเกษตรกรรมได้รับผลกระทบรุนแรง ผลผลิตลดลงในบางภูมิภาค
ราคาสินค้าเกษตรผันผวนทั่วโลก โดยเฉพาะข้าว กาแฟ และน้ำตาล
การย้ายถิ่นฐานของประชากรในพื้นที่เสี่ยงภัยเพิ่มขึ้น สร้างความท้าทายด้านมนุษยธรรม

ผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญและละลานีญามีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน การเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคหนึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกกับความถี่และความรุนแรงของปรากฏการณ์เหล่านี้

สถานการณ์ ENSO ในปี 2025

การวิเคราะห์ปรากฏการณ์เอลนีโญ-ลานีญา (ENSO) โดยนักอุตุนิยมวิทยาชั้นนำแสดงให้เห็นถึงรูปแบบที่น่าสนใจสำหรับประเทศไทยในปี 2025

ต้นปี 2025 (มกราคม-เมษายน)
เอลนีโญแรงที่เกิดขึ้นในปี 2024 เริ่มสิ้นสุดลง โดยอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกเริ่มลดลงสู่ระดับปกติ
เริ่มเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความแปรปรวนของสภาพอากาศในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คาดการณ์ว่าอุณหภูมิในประเทศไทยจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส

กลางปี 2025 (พฤษภาคม-สิงหาคม)
ลานีญาอ่อนเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ โดยมีค่าดัชนี ONI (Oceanic Nino Index)อยู่ระหว่าง -0.5 ถึง -1.0 องศาเซลเซียส
อาจกระทบฤดูฝนของไทย โดยคาดว่าจะมีปริมาณฝนมากกว่าปกติในภาคเหนือและภาคกลาง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่
รูปแบบพายุฤดูร้อนอาจเปลี่ยนแปลง โดยอาจมีพายุเข้าสู่ประเทศไทยมากกว่าปกติ1-2 ลูก

ปลายปี 2025 (กันยายน-ธันวาคม)
คาดการณ์เข้าสู่สภาวะ ENSO-Neutral โดยอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกอยู่ในเกณฑ์ปกติ (ค่าดัชนี ONI ระหว่าง -0.5 ถึง +0.5 องศาเซลเซียส)
ภูมิอากาศเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูงในการคาดการณ์ระยะยาว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
ฤดูหนาวอาจมาช้ากว่าปกติ และมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ข้อมูลการคาดการณ์นี่มาจากแบบจำลองทองทางอุตุนิยมวิทยาล่าสุด แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามการพัฒนาของสภาพอากาศโลก การติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาเป็นสิ่งสำคัญ

ฤดูกาลและอากาศไทยปี 2025

การคาดการณ์สภาพอากาศไทยตลอดปี 2025 แบ่งตามฤดูกาล โดยภาพรวมคาดว่าจะมีความแปรปรวนน้อยกว่าปีที่ผ่านมา

ฤดูร้อน
เริ่ม 28 ก.พ. ถึงกลางพ.ค
อุณหภูมิเฉลี่ย 35-36 องศาเซลเซียส
ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาจมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 40-42 องศาเซลเซียส ในบางพื้นที่คาดการณ์จำนวนวันที่อากาศร้อนจัด (>40 องศาเซลเซียส) ประมาณ 15-20 วัน น้อยกว่าปี 2024 ที่มีถึง25-30 วัน

ฤดูฝน
กลางพ.ค. ถึงกลางต.ค.
ฝนตกใกล้เคียงค่าเฉลี่ย
ปริมาณน้ำฝนรวมทั้งประเทศประมาณ 1,500-1,600 มม. กระจายตัวดีขึ้นกว่าปีก่อน
พื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออกอาจมีฝนตกหนักในช่วงปลายฤดู มีความเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันในบางพื้นที่

ฤดูหนาว
กลางต.ค. ถึงกลางก.พ.
อากาศเย็นสบายกว่าปีก่อน
อุณหภูมิต่ำสุดในภาคเหนือและกาคตะวันออกเฉียงเหนืออาจลดลงถึง 8-10 องศาเซลเซียส
คาดว่าจะมีหมอกหนาในตอนเช้าบริเวณภาคเหนือและภาคกลางตอบบน อาจส่งผลต่อการคมนาคมในบางช่วง

ฝนและพายุฤดูร้อน

ในปี 2025 ประเทศไทยจะเผชิญกับรูปแบบฝนและพายุที่มีลักษณะเฉพาะ อันเป็นผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่กำลังอ่อนตัวลง ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายประการ

ปริมาณฝนสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10-20%
ลักษณะฝน ตกสั้นๆเฉพาะจุด ช่วงฤดูร้อน
พายุฤดูร้อน เกิดเป็นระยะ ต้องระวังอันตราย

รายละเอียดปริมาณน้ำฝน
ปริมาณน้ำฝนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10-20% นี้ จะกระจายตัวไม่สม่ำเสมอทั่วประเทศ โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงหนือจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่ภาคกลางและภาคตะวันออกจะมีบริมาณน้ำฝนใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย การกระจายตัวของฝนจะไม่สม่ำเสมอระหว่างเดือน โดยเฉพาะในช่วยเดือนเมษายนถึงมิถุนายน

ลักษณะของฝนในฤดูร้อน
ฝนในช่วงฤดูร้อนปี 2025 จะมีลักษณะะป็นฝนตกหนักในระยะวลาสั้นๆ และเฉพาะบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่เสี่ยงได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา อุบลราชธานี และพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ประชาชนควรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง

พายุฤดูร้อนและอันตราย
พายุฤดูร้อนจะกิดขึ้นเป็นระยะตลอดช่วยเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม โดยมักจะเกิดในช่วยบ่ายถึงค่ำ อาจมีลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และลูกเห็บตกในบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ได้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแข็งแรงในช่วงที่มีพายุฤดูร้อน

สำหรับเกษตรกร ควรติดตามการพยากรณ์อากากาศอย่างใกล้ซิดและเตรียมการป้องกันผลผลิตทางการเกษตรจากความเสียหายที่อาจเกิดจากลมกระโชกแรงและลูกเห็บ โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งคาดว่าจะเกิดพายุฤดูร้อนรุนแรงที่สุด

ผลต่อภาคเกษตรกรรม

สถานการณ์ภูมิอากาศในปี 2025 จะส่งผลต่อภาคเกษตรกรรมของไทยในหลายด้าน โดยเกษตรกรควรเตรียมความพร้อมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง

ผลไม้ฤดูร้อน
ภาวะแห้งแล้งต้นปีกระทบการออกดอก
ราคาผลไม้บางชนิดเช่นสับปะรดอาจพุ่งสูง
อาจมีการเลื่อนเวลาการออกดอกของไม้ผลหลายชนิด
ผลผลิตทุเรียนและมังคุดในภาคตะวันออกอาจลดลง 10-15%

การจัดการน้ำ
แนะนำให้กักเก็บนํ้าในช่วงฝนตก
ใช้ระบบน้ำหยดเพื่อประหยัดการใช้น้ำ
ขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อกักเก็บน้ำให้ได้มากขึ้น
ติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่ห่างไกล

นาข้าว
ข้าวนาปีได้รับผลกระทบเล็กน้อย
ชาวนาควรวางแผนช่วงเพาะปลูกให้เหมาะสม
แนะนำให้ปลูกพันธุ์ข้าวทนแล้งในพื้นที่เสี่ยง
ข้าวนาปรังมีความเสี่ยงสูงในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน

พืชไร่
อ้อยอาจได้รับผลกระทบจากความแห้งแล้งช่วงต้นปี
พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังควรวางแผนเก็บเกี่ยวให้เร็วขึ้น
พิจารณาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว

การปรับตัวระยะยาว
ส่งเสริมการประกันภัยพืชผลทางการเกษตร
ใช้เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำเพื่อลลดการใช้ทรัพยากร
พัฒนาพันธุ์พืชที่ทนต่อสภาพอากาศแปรปรวน
วางแผนการปลูกพืชหลายชนิดเพื่อกระจายความเสี่ยง

เกษตรกรควรติดตามข้อมูลสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดและปรับแผนการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยหน่วยงานภาครัฐจะมีการสนับสนุนทั้งข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการรับมือกับความท้าทายดังกล่าว

สรุปและข้อแนะนำปี 2025

เนื่องจากการปลี่ยมแปลงของสภาพภูมิอากาศที่จะที่จะเกิดขึ้นในปี 2025 การเตรียมความพร้อมและกรปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกทกคส่วบ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป ข้อแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถรับมือกับความท้ากายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลง
ติดตามข่าวสารสภาพอากาศอย่างต่อเนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวน โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล
สังเกตสัญญาณเตือนภัยธรรมชาติในพื้นที่เสี่ยง เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ หรือลักษณะท้องฟ้าที่ผิดปกติ
ติดตั้งแอปพลิเคชับเตือนภัยสภาพอากาศบนโทรศัพท์มือถือ

คำแนะนำสำหรับเกษตรกร
วางแผนการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง และเผื่อเวลาสำหรับความล่าช้าของฤดูฝน
เลือกพืชที่ทุนต่อสภาพอากาศแปรปรวนได้ดีและวางแผนการปลูกพืชหลายชนิดเพื่อกระจายความเสี่ยง
พัฒนาระบบกักเก็บน้ำในฟาร์มเพื่อใช้ในช่วงแล้ง
สมัครเข้าร่วมโครงการประกันภัยพืชผลเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ
ศึกษาเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำและการปรับปรุงพันธุ์พืชที่เหมาะสมกับสภาพอากาศในอนาคต

คำแนะนำสำหรับประชาชน
ประหยัดน้ำเพื่อรับมือกับช่วงแล้ง เช่น การใช้น้ำซ้ำ การเก็บน้ำฝน และการใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำ
เตรียมรับมือกับพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักด้วยการเตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน
ปรับปรุงบ้านให้พร้อมรับมือกับสภาพอากาศรุนแรง เช่น การเสริมความแข็งแรงของหลังคา การทำทางระบายน้ำรอบบ้าน
วางแผนเส้นทางเดินทางสำรองในกรณีที่เกิดน้ำท่วมหรือพายุรุนแรง

คำแนะนำด้านสุขภาพ
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อรับมือกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง
ดื่มน้ำให้เพียงพอโดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนจัด
ติดตามคุณภาพอากาศและสวมหน้ากากอนามัยเมื่อมีฝุ่นละอองในอากาศ
เฝ้าระวังโรคระบาดที่มักเกิดในช่วงฤดูฝนหรือน้ำท่วม

การเตรียมพร้อมระดับชุมชน
จัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังภัยธรรมชาติในชุมชน
วางแผนอพยพและกำหนดพื้นที่ปลอดภัยร่วมกัน
ดูแลผู้เปราะบางในชุมชน เช่น ผู้สูงอายุและเด็กเล็ก ในช่วงที่เกิดสภาพอากาศรุนแรง
พัฒนาโครจการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชมชนเพื่อบรรเทาผลกระกบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว

การเตรียมความพร้อมและการปรับตัวเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันเพื่อลดผลกระทบและสร้างความยืดหยุ่นให้กับสังคมไทย การลงทุนในการเตรียบพร้อมวันนี้จะช่วยลดความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูในอนาคต

  • “อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี” ที่ปรึกษาผู้ว่ากทม. ชวนแกะรอยปัญหา “น้ำท่วมกรุงเทพฯ” จาก “ท่อระบายน้ำ” ถึง “แม่น้ำเจ้าพระยา”
  • กว่าจะเป็น ‘คลองสวย’ แห่งเทศกาล ‘ลอยกระทง’ กับวิธีโยกน้ำของกรุงเทพมหานคร
  • ThaiPublica Survey : เอาคนขึ้นจากคลอง ‘เปรมประชากร’ คืนสภาพ floodway เป้าหมายที่ยังไม่มีคำตอบ