ThaiPublica > เกาะกระแส > “ACT” ทวง ปปง.ใช้ ‘PEP’ ตรวจเส้นทางเงิน ขรก. – นักการเมืองในกลางปีนี้

“ACT” ทวง ปปง.ใช้ ‘PEP’ ตรวจเส้นทางเงิน ขรก. – นักการเมืองในกลางปีนี้

20 เมษายน 2025


“ACT” ทวง ปปง.ใช้มาตรการ ‘PEP’ ตรวจเส้นทางเงินข้าราชการ – นักการเมืองภายในกลางปีนี้ หลังจากถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี’63 แนะเชื่อมฐานข้อมูล ปปช.-สรรพากร ลุยปราบโกง

นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวทางหนึ่งในการป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่มีประสิทธิผล ได้แก่ การใช้มาตรการทางกฎหมายล่าสุด เฉพาะกฎหมายฟอกเงินยังติดขัดเรื่องมาตรการ PEP (Politically Exposed Persons) ในประเด็นการนิยาม “บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง” ที่จะบังคับใช้กับคนที่เป็นนักการเมือง เจ้าหน้าที่ระดับสูง ศาล องค์กรอิสระ ทหาร ตำรวจ ฯลฯ ทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย

เมื่อเร็วๆ นี้ องค์กรฯจึงได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป้องกันการฟอกเงินฯ) ขอตรวจสอบโดยหลังจาก กมธ.ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.พบว่า “เคยมีการใช้ในปี 2556 แต่มีการยกเลิกในปี 2563 จริง”

“ปปง. ได้ให้คำมั่นสัญญากับองค์กรฯว่า พร้อมทำทุกอย่างให้กลับมาถูกต้องภายในกลางปี 2568 นี้ เพราะได้ศึกษาเตรียมพร้อมแล้ว” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าว

นายมานะ กล่าวต่อว่า มาตรการดังกล่าว กำหนดให้ธนาคารและผู้ประกอบธุรกิจบางประเภท เช่น ที่ปรึกษาการลงทุน ร้านค้าทองคำ ฯลฯ ต้องตรวจสอบพฤติกรรมการเงินของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง หากพบกรณีต้องสงสัยให้รายงานต่อ ปปง. ทันที ข้อมูลเหล่านี้จะกลายเป็นหลักฐานการเงิน (Digital Footprint) ที่สามารถใช้สืบสาวเส้นทางของเงินตรวจสอบย้อนหลัง เป็นหลักฐานดำเนินคดีฟอกเงินและคดีอาญาได้

นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

“มาตรการนี้ชี้เป้าได้เลยว่า ในแต่ละวันรัฐมนตรี อธิบดี ทหาร ตำรวจคนไหนมีเงินโอนเข้า-ออกบัญชีธนาคารนำเงินไปลงทุน หรือ ซื้อ-ขาย ทรัพย์สินราคาแพงอะไร ที่ไหนบ้าง แน่นอนว่า เงินบาปจากส่วย สินบน ซื้อขายตำแหน่ง ค้าแป้ง ค้ามนุษย์ ฯลฯ แม้จะจ่ายกันเป็นเงินสด สุดท้ายก็ต้องนำเข้าบัญชีธนาคารก่อนโอนกระจายให้ผู้อื่นเป็นทอดๆ ไป ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นเงินคริปโต ซื้อทองคำ หรือ สุดท้ายเมื่อเปลี่ยนเงินคริปโตเป็นเงินสด ก็ต้องเข้าบัญชีธนาคารอยู่ดี ผลจากการยกเลิกมาตรการนี้ ทำให้ธนาคารไม่ต้องตรวจสอบ PEP ที่เป็นคนไทยอีกต่อไป คงไว้แต่การตรวจสอบ PEP ที่เป็นคนต่างชาติเท่านั้น”

ต่อข้อสงสัยว่าทำไมระหว่างปี 2556 – 2563 ที่มีใช้มาตรการนี้ กลับไม่ปรากฏการจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายฟอกเงินเลย อาจเพราะมาตรการนี้เป็นเรื่องใหม่และผู้มีอำนาจจงใจให้กฎหมายมีช่องโหว่ด้วยการไม่กำหนดให้ชัดเจนว่า บุคคลในตำแหน่งใดบ้างที่จะต้องถูกตรวจสอบ ที่แย่กว่านั้นคือ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่างเกรงใจไม่กล้าตรวจสอบคนมีอำนาจในรัฐบาล ทำให้บุคคลอื่นที่มีตำแหน่งสูงๆ พลอยได้รับประโยชน์ไปด้วย

ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวอีกว่า “องค์กรฯมั่นใจว่า หากใช้มาตรการตรวจสอบพฤติกรรมการเงินของ ปปง. ควบคู่การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินฯ ของ ป.ป.ช. และการตรวจสอบการเสียภาษีรายได้ประจำปีของกรมสรรพากรจะทำให้การตรวจจับคนโกงมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม จึงเป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรฯ หวังเห็นผลสัมฤทธิ์ตามที่ ปปง.ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้”

อนึ่ง เมื่อเร็วๆนี้ มีการเผยแพร่ดัชนีความเสี่ยงด้านอาชญากรรมทางการเงินและเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นใน 177 ประเทศทั่วโลก พบว่าไทยอยู่ในอันดับที่ 127 ได้คะแนน 2.53 คะแนน ทั้งนี้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่เรียกว่ากำลังปฏิรูปมาตรการ (Reactive Reformers) ซึ่งทางบริษัท Secretariat ผู้จัดทำและเผยแพร่ ระบุว่าประเทศที่อยู่ในกลุ่มนี้มีคุณลักษณะ 4 ประการคือ

    1. การบังคับใช้และการกำกับดูแลที่อ่อนแอ
    2. กรอบการกำกับดูแลที่ไม่สอดคล้องกัน
    3. ความโปร่งใสทางการเงินที่จํากัด และ
    4. มาตรการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (AML) ที่ล้าสมัย

  • ACT เปิด “10 ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง” อบจ. ตั้งคำถาม “ป.ป.ช.” ทำไมคดีน้อยแค่หลักสิบ-สวนงบฯท้องถิ่นโกงกันอื้อ