
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ย้ำรัฐบาลปราบคอลเซ็นเตอร์จริงจัง-‘ถ้าไม่จบ ไม่เลิก’
นางสาวแพทองธาร รายงานว่า ที่ประชุม ครม. ได้มีการสรุปผลการดำเนินงานเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นปัญหาที่กระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมาก โดยที่ผ่านมามีการซีลชายแดนทั้ง 14 จังหวัด อีกทั้งได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทางคณะทำงานและฝั่งเมียนมา ส่วนผู้ที่ถูกจับกุมทางกระทรวงกลาโหมได้ประสานกับประเทศปลายทางให้มารับตัวกลับเป็นรอบๆ โดยรัฐบาลจะจัดการเพิ่มอีกต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ตามมา
นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อว่า รัฐบาลจะร่วมมือกับประเทศจีน และเมียนมา เพื่อตั้งคณะทำงานไตรภาคี สำหรับดำเนินการพูดคุยและแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยสั่งการและคุมเข้มเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่า หากมีการทุจริตให้ดำเนินการตามกฎหมาย
นางสาวแพทองธาร ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมว่า กระทรวงดีอี ร่วมทำงานกับ กสทช. ตำรวจสอบสวนกลาง และบริษัทด้านโทรคมนาคม-สื่อสาร เพื่อรื้อถอนเสาสัญญาณใกล้ชายแดน และปรับลดความสูง-ความแรง หันหน้าจานสัญญาณเข้าสู่ชายแดนไทย และตัดสัญญาณซิมที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงตัดเบอร์เครือข่ายที่ใช้สัญญาณสูงเกินความจำเป็นจนเป็นที่น่าสงสัย
“เป็นเรื่องที่รัฐบาลของเราจัดการอย่างจริงจังมากๆ ทั้งในประเทศไทยเองและประเทศคู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น จีน เมียนมา หรือกัมพูชาเองก็ตาม เราเน้นย้ำว่าต้องทำอย่างจริงจัง…และพูดกันว่าเรื่องนี้ ‘ถ้าไม่จบ ไม่เลิก’ ต้องทำอย่างจริงจัง ตอนนี้ได้รับฟีดแบคที่ดีจากหลายประเทศ ทั้งเรื่องความร่วมมือและตัวอย่างการจัดการด้วย เราสามารถพูดถึงเรื่องนี้ได้เต็มปากว่าประเทศไทยจัดการอย่างจริงจังและเป็นประโยชน์ต่อประเทศเพื่อนบ้านด้วย” นางสาวแพทองธาร กล่าว
สั่ง ‘นฤมล’ หาแนวทางแก้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
นางสาวแพทองธาร กล่าวถึงเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำว่า ตนได้เชิญ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาจัดการปัญหาดังกล่าวและเร่งหามาตรการแก้ไข ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาพันธุ์ที่เหมาะสม การนำเทคโนโลยี-นวัตกรรมมาใช้เพื่อศึกษาเมล็ดพันธุ์ต่างๆ หรือด้านการตลาด เพื่อยกระดับชีวิตให้มั่นคงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
“ก็ไม่อยากจะทำการช่วยเหลือระยะสั้นมากเกินไป ก็อยากให้ระยะยาวได้ เพิ่มรายได้มากขึ้น” นางสาวแพทองธาร กล่าว
เร่งกรมประมง เสนอจ่ายเงินเยียวยา IUU
นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อว่า จากข้อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือชาวประมงที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีที่รัฐบาลในอดีตได้ดำเนินโครงการนำเรือออกนอกระบบเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) โดยเฉพาะการควบคุมเรือประมงที่ไม่มีใบอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ให้เป็นไปตามกฎระเบียบสากล ดังนั้น จึงสั่งการให้กรมประมง กระทรวงเกษตรฯ เร่งดำเนินการหามาตรการจ่ายเงินเยียวยาให้กับเจ้าของเรือประมงที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และเสนอ ครม. พิจารณาในครั้งต่อไป
มอบ ‘จิราพร สินธุไพร’ หัวโต๊ะปราบบุหรี่ไฟฟ้าเกลื่อนเมือง
นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อว่า ตนมอบหมายให้นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพในการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งหามาตรการและข้อแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ ‘บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน’ เนื่องจากปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงมาในรูปแบบต่างๆ มากยิ่งขึ้น
“ตัวดิฉันเองเห็นก็มีความกังวลใจว่า บางทีมาในรูปแบบที่ไม่ได้เหมือนเป็นยาเสพติดสำหรับสูบหรืออะไร แต่เป็นถ้วย เป็นกล่องที่ดูน่ารัก ก็ห่วงใยแทนผู้ปกครองด้วย เรื่องนี้ต้องถูกจัดการอย่างจริงจังและคงต้องอาศัยความร่วมมือจากทางตำรวจอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นภายใน 15 วัน ทางรมว. จะมาอัพเดทข้อมูลต่างๆ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในการใช้กฎหมายด้วย” นางสาวแพทองธาร กล่าว
นายกฯ ปฏิเสธข่าวลือ ‘เนวิน’ พบทักษิณ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการกวักมือเรียกนายอนุทิน ชาญวีรกูล เข้ามาร่วมยืนแถลงข่าว เพราะกลัวว่ามีรอยร้าวในรัฐบาล โดย นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “นั่นน่ะสิคะ ข่าวเยอะจังเลย เมื่อกี้ก็เชิญท่านรองนายกฯ บอกรีบเดินมาด้วยกัน เดี๋ยวจะบอกว่าเป็นรอยร้าว ก็ไม่อยากให้ข่าวลือไปเรื่อยนะคะ”
“แต่จริงๆ ตัวดิฉันเองถ้านอกรอบที่ไม่ได้ทำงาน ก็หยอกล้อเล่นกับท่านรองนายกฯ อยู่แล้ว และคนอื่นๆ ด้วย อย่างรองนายกฯ ในพรรคเอง เวลาหลังกล้องก็เล่นกัน หยอกกัน คลายเครียดบ้างนะคะ”
เมื่อถามถึงนายทักษิณ ชินวัตร นัดเคลียร์ใจกับ นายเนวิน ชิดชอบ เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.68) นางสาวแพทองธาร ปฏิเสธว่า “ไม่ได้คุยนะคะ เพราะท่านก็ไม่ได้นัดไว้ ไม่ได้มีการไปเจอกัน”
ผู้สื่อข่าวบอกว่า กระแสข่าวแบบนี้มาบ่อยมาก นายกฯ ประเมินหรือไม่ว่าเพราะอะไร ทำให้นางสาวแพทองธาร สวนกลับนักข่าวว่า “นักข่าวเอาข่าวมาจากไหนคะ”
ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่า “ไม่มีมูล หมาไม่ขี้” ทำให้ นางสาวแพทองธาร พูดว่า “แน่ะ…คืออย่างนี้ค่ะ ต้องขอบคุณทางสื่อมวลชนด้วย เพราะเป็นไอเดียที่ดี เมื่อกี้ยังพูดกับท่านรองฯ เลยว่านัดคุยกันก็ดีจะได้เคลียร์ในรายละเอียดว่าอะไรเป็นอะไร”
“เย็นนี้ที่จะได้คุยกันกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ไม่ใช่แค่ตัวดิฉันและพรรคภูมิใจไทย มีพรรคอื่นๆ ด้วยที่ต้องเคลียร์กัน เดี๋ยวจะมีการอภิปรายแล้ว ก็ต้องคุยกันว่าจะคุยกันเรื่องไหน ใครตอบเรื่องอะไร รัฐมนตรีอะไรยังไงบ้าง คงต้องนัดกันนอกรอบแบบไม่ให้นักข่าวรู้” นางสาวแพทองธาร เสริม
เมื่อถามว่าความสัมพันธ์ของพรรคเป็นอย่างไร นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “ยังไงดี ให้คะแนนสิ ให้นักข่าวให้คะแนนเลย”
“ไม่มีอะไรค่ะ แน่นอนว่าเช่นในพรรคเอง ร้อยเปอร์เซ็นต์ยังไม่เห็นด้วย ด้วยกันเลย เพราะฉะนั้นกับพรรคร่วมไม่เห็นด้วยกันร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องธรรมดามากๆ มีเรื่องที่ไม่เห็นด้วยกันจริงๆ ไม่ใช่ไม่มี ไม่ได้บอกว่าทุกเรื่อง” นางสาวแพทองธาร ตอบ
นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อว่า “อย่างที่บอกต้องคุยกัน ถ้าจะคุยบางเรื่องคุยแบบ private จริงๆ ได้ผลที่ดีกว่า ดำเนินงานสมูทกว่า แต่ละรัฐบาล แต่ละนายกฯ แต่ละรัฐมนตรี แต่ละรองนายกฯ ก็มีวิธีจัดการปัญหาที่ไม่เหมือนกัน ดิฉันคิดว่าการพูดคุยกันมันจำเป็น เพราะฉะนั้นก็ต้องหาเวลาในการพูดคุยกันมากขึ้นจะได้เข้าใจกันมากขึ้นด้วย”
ไร้รอยร้าวพรรคร่วม เพื่อไทย-ภูมิใจไทย-ชี้ เห็นต่างเป็นเรื่องปกติ
ผู้สื่อข่าวถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากมีประเด็นการแก้ไขธรรมนูญ และเรื่องตรวจสอบฮั้ว ส.ว. และอาจเป็นรอยร้าวของพรรคร่วม เมื่อถามจบ นางสาวแพทองธาร หันไปมองหน้านายอนุทินและยิ้ม ก่อนจะพูดติดตลกว่า “ท่านรองนายกฯ มีรอยร้าวกับดิฉันไหมคะ”
จากนั้นนางสาวแพทองธาร หันมาตอบคำถามว่า “มันมีเรื่องที่เห็นต่างกันจริงๆ เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าต้องคุยกัน ถ้าเห็นต่างกันและไม่คุยกัน นั่นแหละรอยร้าว ถ้าคิดไม่เหมือนกันและหันหลังหากันเลย นั่นแหละรอยร้าว แต่ถ้าอยากเปิดใจในการคุยกันอยู่ ไม่ใช่รอยร้าว ทุกคนยังทะเลาะกันเลย พ่อกับแม่ยังทะเลาะกันได้ แม่กับลูกก็ทะเลาะกันได้ สามีภรรยาก็ทะเลาะกันได้ คือได้หมด เพราะฉะนั้นเราเป็นคนทำงานด้วยกัน การที่เห็นไม่ตรงกันเป็นเรื่องปกติ ถ้าเราเห็นมันไม่ปกติมันก็จะไม่ปกติ”
ถามต่อว่า รัฐบาลยังเดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพใช่หรือไม่ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “เรายังเดินหน้าแน่นอน เราไม่ได้ขัดแข้งขัดขากัน เป็นเรื่องที่เราไม่เห็นตรงกันมากกว่า ไม่ใช่เรื่องที่ขัดขากัน”
ถามต่อว่า ทั้งสองพรรคจะจับมือกันจนจบรัฐบาลนี้ใช่หรือไม่ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “อันนั้นมันก็ต้องเป็นความตั้งใจอยู่แล้ว แน่นอนใครจะไปตั้งใจว่าร่วมรัฐบาลเสร็จจะให้แตกกันเฉยๆ มันไม่ใช่ ตัวดิฉันเองเป็นนายกฯ ถ้าสมมติมีพรรคร่วมรัฐบาลหลายๆ พรรคแบบนี้แล้วเกิดไปกันไม่ได้ ดิฉันเองก็ต้องเป็นคนคุย เป็นคนแบกไว้ ถูกไหมคะ เพราะฉะนั้นก็ไม่อยากให้มีปัญหาเช่นนั้นแน่นอน เราก็ยังคุยกันไงคะ”
เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลยืนยันจะอยู่ครบเทอมใช่หรือไม่ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “อยากยืนยันอย่างนั้นแน่นอน”
โฟกัสจัดการคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศ-ชายแดน
เมื่อถามว่า นายกฯ บอกว่าการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ‘ไม่จบ ไม่เลิก’ แต่ดูเหมือนคอลเซ็นเตอร์จะมีเครือข่ายเยอะมาก ทำให้นางสาวแพทองธาร บอกว่า “ใช่ค่ะ เครือข่ายเยอะมาก และไปทุกประเทศแล้ว เราพูดถึงฝั่งของเรา แต่จริงๆ แล้วทุกประเทศทั่วโลกโดนเรื่องคอลเซ็นเตอร์หนักมาก และโดนเรื่องการ scam ออนไลน์เยอะอยู่แล้ว”
“เราก็โฟกัสเป็นพื้นที่ของเราและประเทศเพื่อนบ้านก่อน ไม่อย่างนั้นจะไม่ทราบว่าเริ่มจากตรงไหนได้บ้าง เอาประเทศเพื่อนบ้านของเราให้จบก่อน จริงๆ ได้ความร่วมมือที่ดีมากจากทุกประเทศที่คุยด้วย” นางสาวแพทองธาร กล่าว
เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีกาสิโน 10%
เมื่อถามถึงความคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกา วางกรอบว่าผู้ที่จะเข้ากาสิโน ต้องมีเงินในบัญชี 50 ล้านบาทขึ้นไป นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “มันอยู่ในร่างฯ แต่จะมีการรับฟังความเห็นอีก มีอะไรอีก ยังไม่จบเรื่องนี้ เดี๋ยวรอให้สภาพิจารณาอีกที”
ถามต่อว่าเกณฑ์นี้เหมาะสมหรือไม่ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “เดี๋ยวลองถามความเห็นดู เราไม่เคยทำมาก่อน การที่ลองตั้งเหมือนตั้งตุ๊กตา ตั้งโมเดลขึ้นมาก่อน และฟังความเห็นกันก่อนอันนี้สำคัญ เพราะมันไม่เคยทำ”
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เกณฑ์ 50 ล้านจะส่งผลต่อนักลงทุนหรือไม่ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “มันไม่ได้มีนักลงทุนมา direct หรืออะไร เราต้องเก็บข้อมูล เก็บความเห็น และเก็บเคสตัวอย่างต่างประเทศ มันเป็นอะไรแบบนั้นการศึกษาหาข้อมูล”
เมื่อถามว่า สำหรับกาสิโน อยากได้เงินไทยหรือเงินต่างชาติ ทำให้นางสาวแพทองธาร อุทาน “โอ้” และพูดต่อว่า “คนทำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มันต้องน้อยใจเล็กน้อย เพราะกาสิโนเรายังทำไม่ถึง 10% เลย แต่ส่วนอื่นๆ เช่น โรงแรมที่จะมา เชนใหญ่ๆ ที่อยากเข้ามาบริหาร ห้าง หรือส่วนของครอบครัวเอง เราอาจมีอินไซต์อะไรที่มากไปกว่านั้นที่มันเป็นธุรกิจอื่นๆ”
“ถ้าจะเสนอออกไป ขอให้ถามเรื่องพวกนั้นเยอะๆ ด้วย ถามแต่เรื่องกาสิโน 10% มันก็ไม่ใช่ส่วนที่เราะจะกระตุ้นเศรษฐกิจในความตั้งใจ”
ถามต่อว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่จะเข้าสภา จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคร่วมเสียงแตกหรือไม่ นางสาวแพทองธาร ตอบว่า “เดี๋ยวจะคุยรายละเอียดชัดเจนเลย จะได้ไม่มีข่าวรอยร้าว ดีไหม ขอบคุณนะคะ”
ผู้สื่อข่าวถามถึงรายละเอียดและความชัดเจนของการประกันราคาสินค้าเกษตร โดยนางสาวแพทองธาร ตอบว่า “เดี๋ยวต้อง work in detail อีกที เพราะเราไปพูดตอนนี้ก็ยังเร็วไป แต่คิดว่าสิ่งที่พาณิชย์กับเกษตรทำร่วมกันก็น่าจะตอบโจทย์”
เมินตอบหุ้นไทยดิ่ง 1,200 จุด
หลังจากนั้น นางสาวแพทองธาร เตรียมปิดการแถลงข่าวและกำลังเดินออก แต่ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ตลาดหุ้นลงไปที่ 1,200 จุดแล้ว นายกฯ มีแนวทางปลุกตลาดหุ้นอย่างไรบ้าง โดยนางสาวแพทองธาร ยังคงยืนฟังคำถาม และหลังถามจบ นางสาวแพทองธาร ได้เดินออกไปโดยไม่ตอบคำถาม
นายกฯ ลงพื้นที่อรัญประเทศ ศุกร์นี้ ย้ำ “ไม่จบ ไม่เลิก”
ด้านนายจิรายุ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. วันนี้มีการรายงานปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาที่สังคมไทยยังไม่ได้รับการแก้ไขและหมักหมมเป็นเวลานาน เช่น ยาเสพติด โดย นายกฯ ได้ตั้งคณะทำงานและติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน และในวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 นายกฯ พร้อมคณะจะลงพื้นที่ด่านพรมแดนตำบลคลองลึก ใกล้ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา เพื่อติดตามปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ที่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชา โดยนายกฯ ย้ำว่า ปัญหาแก๊งคอลฯ รัฐบาลจะทำต่อเนื่องแบบ “ไม่จบ ไม่เลิก” จัดการเด็ดขาด
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ติดตามการทำงานของทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการจัดการปัญหาตามแนวชายแดนเมียนมา แต่เนื่องจากปัจจุบันปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ เช่น ชายแดนลาวและกัมพูชา จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ รายงานสถานการณ์ปัจจุบัน และมาตรการในการป้องกันปัญหาต่อ ครม.
โดยมีการรายงานจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ดังนี้
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานเรื่องของการส่งผู้ต้องสงสัยจำนวนมากที่ทางฝั่งเมียนมาจับกุม โดยเบื้องต้นทราบว่ามีมากกว่า 3,000 คน ซึ่งเป็นคนหลากหลายสัญชาติ ไม่เหมื่อนกับจีนที่เมื่อคัดกรองทำประวัติเสร็จ ทางการจีนสามารถส่งเครื่องบินมารับได้ ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อคัดกรองและแยกสัญชาติของกลุ่มคนเหล่านี้
“รองนายกฯ กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยข่าวให้หาข่าวว่า ถ้าพบกลุ่มคนต่างชาติแปลกหน้าที่ไม่ได้มาท่องเที่ยว แต่มาอาศัยตึกรามบ้านช่องต่างๆ เป็นการผิดปกติ ให้รายงานกับท้องที่และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบว่ามาทำอะไร กำชับให้สแกนในประเทศไทยด้วย” นายจิรายุ รายงาน
โฆษกฯ เสนอชื่อ ‘ชุดเฉพาะกิจโดราเอม่อน’
นายจิรายุ กล่าวถึงประเด็นบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมกล่าวขออภัยสื่อมวลชนเรื่องการแจ้งหมายข่าวล่วงหน้า ทำให้คนร้ายหนีหมดว่า
“จริงๆ แล้วเป็นความตั้งใจเพื่อจะเช็คดูว่าการ ‘ข่าวรั่ว’ มากน้อยขนาดไหน ปรากฏว่ารั่วจริงๆ ส่งวันเสาร์เย็น วันรุ่งขึ้นก็ปิดกันเรียบร้อยดี”
“ชุดเฉพาะกิจทราบอยู่แล้วว่าจะเช็คว่าข่าวรั่วไปถึงท้องที่แบบไหนอย่างไร แต่ชุดเฉพาะกิจที่ 2 ในบริเวณเดียวกันก็ลงไปจับได้จำนวนมาก เป็นมูลค่าหลายล้านบาท และมีอาร์ตทอยแบบโดเรม่อนจำนวนกว่า 2,000 ชิ้น เพราะฉะนั้นต่อจากนี้จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง” นายจิรายุ กล่าว
“นายกฯ มอบหมายให้จิราพร สินธุไพร เป็นประธานคณะทำงาน และผมเสนอให้ตั้งชื่อ ‘ชุดเฉพาะกิจโดราเอม่อน’ ฟังดูแล้วอาจจะนุ่มนวล แต่ตั้งชุดนี้ขึ้นมาเพื่อให้การขายสินค้าต่างๆ เป็นการเตือนภัยให้ประชาชนว่า ถ้าท่านเห็นอุปกรณ์ลักษณะนี้ มันไม่ใช่ของเล่นหรืออาร์ตทอยที่มาวางไว้ พ่อแม่จะได้ตื่นรู้ เป็นการตอกย้ำสังคมให้เห็นว่าไม่ใช่แต่เฉพาะโดราเอม่อน ยังมีกล่องนมขนาดเล็ก ตุ๊กตาอะไรต่างๆ เยอะแยะมากมาย”
สั่งปราบบุหรี่ไฟฟ้าไม่คืบ
นอกจากนี้ นายจิรายุ รายงานว่า นายกฯ ได้รับทราบรายงานการจับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ สน.คันนายาว และ สน.โคกคาม กรุงเทพมหานคร และรายงานธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าทั่วประเทศ โดยสั่งการว่าในการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งปัจจุบันมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของเยาวชน นักเรียนและนักศึกษา โดยที่ผ่านมาได้มอบหมายให้ทาง กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปราบปรามปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่กลับพบว่าปัญหาดังกล่าวก็ยังไม่หมดไปและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า นายกฯ สั่งการให้นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการจัดการกับบุหรี่ไฟฟ้า ออกกวาดล้างจับกุม และการแก้ไขปัญหาระยะยาวโดยให้ เร่งแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนและรุนแรงมากยิ่งขึ้น และขอให้กลับมารายงานต่อนายกรัฐมนตรีภายใน 15 วัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความกังวลใจ โดยกล่าวย้ำขอให้เร่งดำเนินการเร่งด่วน เพราะตนเองมีลูกๆ จึงเกิดความกังวลใจอย่างมาก
กำชับ เกษตร-พาณิชย์ ดันราคาสินค้าเกษตร
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า นายกฯ ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ มาพูดคุยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตร รวมทั้งเร่งหามาตรการที่จะช่วยยกระดับรายได้ของพี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะในส่วนของราคาข้าวเปลือก มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ที่มีแนวโน้มว่าราคาจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
ดังนั้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการในการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างจริงจัง ทั้งในส่วนของการพัฒนาพันธุ์ที่เหมาะสม การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้ รวมทั้งการศึกษาถึงความต้องการของตลาด หากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการวางแผนอย่างครอบคลุมและดำเนินการตามแผนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง มาตรการที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการอุดหนุน/เยียวยา/ชดเชยราคา ตามข้อเรียกร้องของเกษตรกรก็จะไม่จำเป็นอีกต่อไป
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า นายกฯ ขอให้ส่วนราชการ ตั้งแต่ระดับกระทรวง ทบวง กรม ช่วยจัดทำนโยบายเร่งด่วน เพื่อให้เศรษฐกิจไตรมาส 1/68 ไม่น้อยกว่า 3.2% โดยให้แต่ละกระทรวงไปดำเนินการกำหนดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทุกจังหวัดต้องบังคับใช้กฎหมายห้ามเผา
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า รายงานจุดความร้อนในวันนี้ พบ 237 จุด น้อยกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่ง 5 จังหวัดที่พบจุดความร้อนสูงสุด ได้แก่ ชัยภูมิ มุกดาหาร สกลนคร ขอนแก่นและหนองบัวลำภู ขณะที่ภาพรวมประเทศไทย หลายพื้นที่มีค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีเหลือง สีเขียวและสีฟ้าพบเพียง 1 จังหวัด ที่มีค่าฝุ่น ในระดับสีส้ม คือ สมุทรสาคร ส่วนจุดความร้อนในประเทศเพื่อนบ้านนั้น สูงสุดที่ประเทศเมียนมา 894 จุด รองลงมา คือ ประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่า และพื้นที่การเกษตร
ด้าน กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสถานการณ์ภาพรวมวันนี้ การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณประเทศไทยตอนบนอยู่ในเกณฑ์ดีถึงปานกลาง โดยมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้นและมีฝนตกหลายพื้นที่
ในที่ประชุม ปภ.ช.วันนี้ ยังคงเน้นย้ำให้ทุกจังหวัด กำชับการบังคับใช้กฎหมายในการแก้ไขปัญหาฝุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลักลอบเผา ให้ใช้กฎหมายเต็มที่ หลังสถานการณ์เริ่มดีขึ้น
เลื่อนประชุม ครม. เป็น จันทร์ที่ 3 มี.ค.
นายจิรายุ รายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งเลื่อนการประชุม ครม. จากวันที่ 4 มีนาคม เป็นวันที่ 3 มีนาคม 2568 เนื่องจากคืนวันที่ 3 มีนาคม นายกฯ พร้อมคณะจะเดินทางไปกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ในการพูดคุยและหารือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในงาน ITB Berlin 2025 และจะเดินทางกลับประเทศไทยวันที่ 8 มีนาคม 2568
มติ ครม.มีดังนี้

อนุมัติ สธค. กู้ 200 ล้านเป็นทุนหมุนเวียน
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติการกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) ประจำปีงบประมาณ 2568 จำนวนเงิน 200 ล้านบาท เพื่อเป็นการเตรียมเงินทุนหมุนเวียนและรับรองธุรกรรมการให้บริการรับจำนำแก่ประชาชน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ
นายคารม กล่าวต่อว่า สธค. คาดการณ์การเติบโตของมูลค่ารับจำนำในปีงบประมาณ 2568 โดยคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการประมาณ 1,198,947 ราย เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2567 จำนวน 35,088 ราย หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 3.01 และจำนวนเงินรับจำนำประมาณ 21,221.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2567 จำนวน 618.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 3 เนื่องจากประชาชนผู้มีรายได้น้อยยังคงต้องการเงินเพื่อใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโรงรับจำนำของรัฐบาลจึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งของภาครัฐในการเป็นแหล่งพึ่งพิงที่สำคัญสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งไม่มีเครดิตเพียงพอที่จะไปกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินอื่น ประกอบกับในปีงบประมาณ 2568 สธค. มีแผนการขยายสาขาจำนวน 2 สาขา ได้แก่ สาขาที่ 48(จังหวัดนครปฐม) และสาขาที่ 49 (จังหวัดร้อยเอ็ด)
สธค. ได้จัดทำแผนความต้องการใช้เงินกู้ระยะยาวปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 200 ล้านบาท เพื่อรองรับสภาพคล่องทางการเงินขององค์กรในการใช้หมุนเวียนรับจำนำและอื่นๆ และรองรับสาขาที่เปิดเพิ่มขึ้น ซึ่งหาก สธค. ไม่ดำเนินการกู้เงินระยะยาว สธค.จะมีเงินสดคงเหลือปลายงวดติดลบ ดังนั้น สธค. จึงมีความจำเป็นต้องจัดทำแผนการกู้เงินระยะยาววงเงิน 200 ล้านบาท เพื่อบริหารความเสี่ยงและบริหารสภาพคล่องทางการเงินของ สธค.
ทั้งนี้ สธค. มีความสามารถชำระหนี้เงินกู้ได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถนำส่งเงินรายได้แผ่นดิน ตามที่ กค. กำหนด จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารทางการเงินการคลังของรัฐบาลในภาพรวมและคณะกรรมการอำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ ในการประชุมครั้งที่ 2 ปีงบประมาณ 2567 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีมติเห็นชอบแผนความต้องการใช้เงินกู้ระยะยาว ประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 200 ล้านบาท รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เห็นชอบให้ พม. กู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของ สธค. ประจำปีงบประมาณ 2568 จำนวน 200 ล้านบาท โดย กค. ไม่ค้ำประกัน นอกจากนี้ วงเงินดังกล่าวได้รับการบรรจุในแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2568 ด้วยแล้ว
เคาะ 30 มี.ค. เลือกตั้งซ่อม ส.ส.บึงกาฬ
นายคารม กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. …. เนื่องจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายสุวรรณา กุมภิโร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (5) ตามที่ สำนักคณะกรรมการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) เสนอ
“เพื่อให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬเขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 จึงได้จัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. …. ขึ้น เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่างลง (ภายในวันที่ 3 เมษายน 2568) และจัดทำร่างแผนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยจะประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 25 วัน ก่อนวันเลือกตั้ง (ภายในวันที่ 4 มีนาคม 2568)ซึ่ง กกต. คาดว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งวันที่ 30 มีนาคม 2568” นายคารม กล่าว
อำนวยความสะดวกแรงงานต่างด้าว
นายคารม กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวงการขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2563 เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนและภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
นายคารม กล่าวต่อว่า ปัจจุบันคนต่างด้าวที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานในประเทศไทยจะต้องได้รับใบอนุญาตทำงานก่อน โดยกฎกระทรวงการขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2563 ได้กำหนดช่องทางในการขอใบอนุญาตทำงานไว้หลายวิธี เช่น คนต่างด้าวมายื่นดำเนินการด้วยตนเอง นายจ้างมายื่นดำเนินการแทนคนต่างด้าว
อย่างไรก็ตาม กฎกระทรวงดังกล่าวได้กำหนดให้เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ออกใบอนุญาตทำงานให้แล้วให้คนต่างด้าวที่ขอใบอนุญาตทำงานต้องมารับใบอนุญาตทำงานที่กรมการจัดหางานด้วยตนเอง ทำให้คนต่างด้าวไม่ได้รับความสะดวกในการรับใบอนุญาตและเป็นการเพิ่มภาระในการไปติดต่อราชการ อีกทั้งทำให้นายจ้างผู้ประกอบการต้องประสบกับปัญหาภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเดินทางของลูกจ้างต่างด้าว เพื่อไปรับใบอนุญาตทำงานหรือต้องหยุดกิจการเพื่อให้ลูกจ้างต่างด้าวเดินทางไปรับใบอนุญาตทำงาน ทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการได้อย่างต่อเนื่อง
“กระทรวงแรงงานจึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..)พ.ศ. …. เพื่อแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าวโดยปรับปรุงวิธีการรับใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรทุกประเภท รวมถึงคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานเกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ และการจัดงานเทศกาลดนตรี โดยมีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกการรับใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวจากที่กำหนดให้คนต่างด้าวต้องเดินทางมารับใบอนุญาตทำงานด้วยตนเองเท่านั้น และกรมการจัดหางานจะกำหนดวิธีการให้คนต่างด้าวสามารถรับใบอนุญาตทำงานได้ เช่น ให้คนต่างด้าวสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นรับแทน รับผ่านทางไปรษณีย์หรือทางออนไลน์ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและลดข้อจำกัดของการดำเนินการดังกล่าว ตลอดจนเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนต่างด้าวและผู้ประกอบการให้คนต่างด้าวสามารถดำเนินการรับใบอนุญาตทำงานด้วยวิธีการที่สะดวกยิ่งขึ้น” นายคารม กล่าว
อนุมัติร่าง พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
นายคารม กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 โดยกำหนดให้มีอธิบดีผู้พิพากษาคดีเยาวชนและครอบครัวภาคและรองอธิบดีผู้พิพากษาคดีเยาวชนและครอบครัวภาค ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบกการณ์ด้านคดีเยาวชนและครอบครัวทำหน้าที่บริหารศาลเยาวชนและครอบครัวในเขตอำนาจของตนเป็นการเฉพาะ รวมทั้งกำหนดคุณสมบัติของผู้บริหารงานและผู้พิพากษาเยาวชนและครอบครัวไว้เป็นพิเศษ โดยมีคณะกรรมการนโยบายการปฏิบัติราชการของศาลเยาวชนและครอบครัวช่วยกำกับดูแลบริหารราชการของศาลเยาวชนและครอบครัว เพื่อให้การอำนวยความยุติธรรมในคดีเยาวชนและครอบครัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยมี สาระสำคัญ ดังนี้
ผ่อนผันพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ ขยายเขตไฟฟ้าแม่ฮ่องสอน
นายคารม กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอการขอผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2532 เรื่องขอผ่อนผันใช้พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อก่อสร้างทางเพื่อความมั่นคง และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2538 เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ ภาคตะวันตก ภาคกลาง และลุ่มน้ำป่าสัก และการกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนอื่นๆ (ลุ่มน้ำชายแดน) ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) มีมติเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เห็นชอบต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 เพื่อดำเนินงานขยายเขตไฟฟ้าตามแผนงานขยายเขตไฟฟ้าให้หมู่บ้านในโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
นายคารม กล่าวต่อว่า เดิมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2556 รับทราบแผนแม่บทโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดตาก ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2557 – 2560) ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงกลาโหม (กห.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดระเบียบชุมชนและหมู่บ้านชายแดนที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการต่างๆ ของรัฐ และมีคุณภาพชีวิตระดับต่ำกว่ามาตรฐานในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดตากตลอดจนพัฒนา และยกระดับสภาพความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนและหมู่บ้านเป้าหมายให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ต่อมา กห. (สำนักงานประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคงกองทัพบก) ได้ขอให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) พิจารณาขยายเขตการให้บริการไฟฟ้าแก่หมู่บ้านในโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เป็นระยะทางรวม 78.03 กิโลเมตร และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แจ้งว่า ให้ กฟภ. ดำเนินการขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2532 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2538 ที่กำหนดไม่ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ อีกไม่ว่ากรณีใด ด้วย ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยจึงขอเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการขอผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ตามที่เสนอ
ตั้ง กชน. เตรียมนโยบายช่วยผู้ประสบภัยทางน้ำ
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … (เพิ่ม (ฆ/4) ว่าด้วยการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ
โดยสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 โดยเพิ่มบทบัญญัติ (ฆ/4) ว่าด้วยการค้นหาและช่วยชีวิต ผู้ประสบภัยทางน้ำ ในหมวดที่ 6 ข้อบังคับเบ็ดเตล็ด ของภาค 1 ข้อบังคับทั่วไป
นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว กำหนดให้มีคณะกรรมการระดับชาติเกี่ยวกับการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ เรียกว่า คณะกรรมการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำแห่งชาติ (กชน.) โดยมีหน้าที่และอำนาจค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ กำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย แนวทาง มาตรการ และเขตความรับผิดชอบในการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำของประเทศไทย และยังกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการค้นหาและช่วยชีวิตอากาศยานและเรือที่ประสบภัย (สำนักงาน กชย.) สำนักงานปลัด คค. ทำหน้าที่ประสานงาน และมีหน้าในการกำกับดูแล
รับทราบปัญหาเหมืองแร่สระบุรี
นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีปัญหากระบวนการขอประทานบัตรเหมืองแร่เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ และการประกอบกิจการเหมืองแร่อุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 247 วรรคสอง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 43 วรรคหนึ่ง และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 มาเพื่อดำเนินการ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า อก. ได้พิจารณาข้อเสนอแนะของ กสม. ในเรื่องดังกล่าวร่วมกับกก. กษ. ทส. มท. และสธ. ซึ่งมีผลการพิจารณาสรุปในภาพรวม ดังนี้
- ศึกษา รวบรวม และติดตามข้อมูลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่โดยรอบการประกอบกิจการเหมืองแร่ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด(มหาชน) และผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ขนาดใหญ่รายอื่นในลักษณะที่เป็นโครงการระยะยาว เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ก่อมลพิษ ตลอดจนการชดเชยเยียวยาหากเกิดกระทบในอนาคต
- ศึกษา รวบรวม และติดตามผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ในพื้นที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ที่อาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงโคนม กลุ่มเกษตรกรรมทั่วไปและแบบอินทรีย์ รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการพิจารณาอนุญาตคำขอประทานบัตรในพื้นที่ต่อไป
- ศึกษาและรวบรวมข้อมูลพื้นที่ป่าในพื้นที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อจำแนกส่วนที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสงวนหวงห้ามต่อไปและส่วนที่สามารถอนุญาตหรือผ่อนผันให้ใช้พื้นที่เพื่อทำเหมืองแร่ได้โดยไม่กระทบกับสิทธิของชุมชนในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนศึกษาข้อมูลความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ป่าในพื้นที่โดยรอบ การประกอบกิจการเหมืองแร่ เพื่อนำไปใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรในพื้นที่ต่อไป
- ศึกษาความเป็นไปได้ในการเพิกถอนประทานบัตรบางแปลงหรือบางส่วนของบริษัทฯ ที่สงวนไว้เป็นพื้นที่กันชน ซึ่งจะไม่มีการเปิดพื้นที่เพื่อทำเหมืองแร่ เพื่อให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมจากการบำรุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน
- ปรับปรุงแนวทางการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน ให้เป็นรายงานฉบับเดียวกันเพื่อใช้ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในภาพรวมทั้งหมด
ยกเว้นค่าธรรมเนียมผู้ประกอบการตรวจสอบอุตสาหกรรม
นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง พ.ศ. …. ตามที่ กระทรวงอุตสาหกรรม(อก.) เสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมบางรายการสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรองตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง พ.ศ. 2552 จำนวน 2 รายการ (จากทั้งหมด 9 รายการ) ได้แก่ คำขอใบรับรอง และใบรับรอง ตามมาตรา 28 โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568
นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า จากเดิม 2 รายการดังกล่าว มีอัตราค่าธรรมเนียม ดังนี้ คำขอใบรับรองตามมาตรา 28 อัตราค่าธรรมเนียม ฉบับละ 1,000 บาท และใบรับรองตามมาตรา 28 อัตราค่าธรรมเนียม ฉบับละ 10,000 บาท จะได้รับการยกเว้นทั้งหมด เพื่อช่วยส่งเสริมให้มีผู้ให้บริการตรวจสอบและรับรองระบบงานด้านการมาตรฐานเพิ่มมากขึ้น รวมถึงเกิดผลดีต่อหน่วยตรวจ หน่วยรับรอง และห้องปฏิบัติการ เนื่องจากเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุน ซึ่งก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างแรงจูงใจให้มีการยื่นขอใบอนุญาตและใบรับรองเพิ่มมากขึ้น
เพิ่มระบบอิเล็กทรอนิกส์ รองรับกระบวนการวัตถุอันตรายประเภท 3
นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. …) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง (พ.ศ. 2537) เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกรณีการขออนุญาต และออกใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 การขอและการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในใบอนุญาต การต่อใบอนุญาต รวมถึงการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้กระทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการปฎิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ยิ่งขึ้น
โดยจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่มีอยู่เดิมให้รองรับการดำเนินการของหน่วยงานได้ เพื่อเป็นไปตาม มติครม. (8 กันยายน 2563) ที่ได้เห็นชอบแนวทางแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นข้อจำกัดและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-service)
อนึ่ง วัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เป็นวัตถุที่มีความเป็นอันตราย หรือความเสี่ยงสูง กฎหมายจึงกำหนดให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ครอบครอง ต้องขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายและต้องได้รับอนุญาตให้ดำเนินการจากเจ้าหน้าที่ โดยตัวอย่างวัตถุอัตรายชนิดที่ 3 ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงที่ใช้ในบ้านเรือนหรือสาธารณสุข ที่มีสารสำคัญเป็นสารกลุ่ม pyrethroids ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด/ฆ่าเชื้อโรค ที่มีกรด ด่าง หรือสารกลุ่ม aldehydes
กำหนดมาตรฐานซีเมนต์ไฮดรอลิก
นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติหลักการ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ…เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทในยุคปัจจุบัน และดำเนินการตามเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของไทย
ร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว มีสาระสําคัญเป็นการปรับปรุง มาตรฐานผสิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ที่มีการประกาศใช้ครั้งแรก ตามเลขมาตรฐาน มอก. 2594-2556 ซึ่งมีการประกาศใช้เกิน 5 ปีแล้ว โดยร่างกฎกระทรวงฯดังกล่าวได้มีการปรับปรุงมาตรฐาน ให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับการใช้งานในปัจจุบัน และเป็นการส่งเสริมมาตรการทดแทนปูนเม็ด รวมทั้งเป็นการสอดรับนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ในปี 2593 (ค.ศ.2050) และบรรลุเจตจำนงในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2608 (ค.ศ. 2065)
โดยใช้มาตรการลดก๊าชเรือนกระจกที่มีศักยภาพสูงในสาขากระบวนการทางอุตสาหกรรม และการใช้ผลิตภัณฑ์ (Industrial Processes and Product Use: PPU) ได้แก่ มาตรการทดแทนปูนเม็ด (Clinker Substitution) โดยส่งเสริมให้มีการใชปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกแทนการใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เนื่องจากสามารถใช้ทดแทนกันได้ โดยการผลิตปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก 1 ตัน ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ น้อยกว่าการผลิตปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ 50 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซค์ ซึ่งมาตรการนี้ ถือเป็นหนึ่งในการดำเนินการตามและสับสนุนนโยบายของภาครัฐ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใหเบรรลุเป้าหมาย
อำนวยความสะดวก หอการค้า-สมาคมการค้า
นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างอนุบัญญัติที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในขออนุญาตจัดตั้งหอการค้าและสมาคมการค้า จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ ได้แก่
โดยสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาตจัดตั้งหอการค้าและสมาคมการค้า (ยกเลิกการเรียกสำเนาทะเบียนบ้านจากผู้เริ่มก่อการที่มีสัญชาติไทย กำหนดช่องทางในการยื่นคำขออนุญาตจัดตั้งหอการค้าและสมาคมการค้าให้สามารถยื่นทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ และเพิ่มบุคคลที่ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งหอการค้าและสมาคมการค้าจะลงลายมือชื่อต่อหน้าได้)
นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า ร่างอนุบัญญัติดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความคล่องตัวให้แก่ภาคธุรกิจในการจัดตั้งหอการค้าและสมาคมการค้า ลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน และลดต้นทุนประกอบธุรกิจให้กับภาคเอกชน สร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบวิสาหกิจให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวง ซึ่งออกตามกฎหมายว่าด้วยหอการค้าบางฉบับที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ. 2567 (ยกเลิกค่าธรรมเนียมหอการค้า)
ผลิต-ออกแบบเหรียญที่ระลึก 150 ปี กระทรวงการคลัง
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 150 ปี กระทรวงการคลัง พ.ศ. …. และร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 150 ปี กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. …. รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ รวม 2 ฉบับ มีสาระสำคัญ ดังนี้
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแล้วไม่ขัดข้องต่อร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 150 ปี กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. …. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะกษาปณ์ที่ระลึก 150 ปี กระทรวงการคลัง พ.ศ. …. และร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 150 ปี กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. … รวม 2 ฉบับ เป็นการล่วงหน้าร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
แต่งตั้งข้าราชการ
นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบ/อนุมัติ แต่งตั้งข้าราชการ-คณะกรรมการฯ รายละเอียด ดังนี้
1. การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงศึกษาธิการ)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้ง นายราตรีสวัสดิ์ ธนานันต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการสูง) สำนักอำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
2. การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นางสาวอัจฉรา รอดเกิด ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
3. การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้
- นางสาวสุรีย์พร อินทุเศรษฐ ผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการสูง) สำนัก 9 สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2567
- นายรัชภูมิ เวียงสิมา ผู้อำนวยการศูนย์ (ผู้อำนวยการสูง) ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2567
4.การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการต่างประเทศ)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้ง พิจารณา นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง รองอธิบดี กรมการกงสุล ให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศเพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
5.การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (กระทรวงคมนาคม)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้ง นายประภูศักดิ์ จินตะเวช เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร เจริญศรี)]
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป
6.การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง พลเอก ยุทธเกียรติ ล้วนไพรินทร์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านสังคม) ในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล แทน พลเอก ธนะศักดิ์ ชื่นอิ่ม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ขอลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ตนได้รับแต่งตั้งแทน