
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เสนอทางออกเพื่อแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายค่าไฟฟ้าปี 2567 ไม่เกิน 3.60 บาท/หน่วย ระยะกลาง/ยาว ค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 3.00 บาท/หน่วย ซึ่งมีแนวทางดังต่อไปนี้
1.เร่งแก้ปัญหาเร่งด่วน เพื่อลดภาระค่า Ft. เพื่อให้ค่าไฟฟ้า ปี 2567 ไม่เกิน 3.60 บาท/หน่วย
1.1 ขับเคลื่อนกลไกเชิงรุก: ข้อเสนอแนวทางการบริหารคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เชิงรุก โดยยึดประโยชน์ ค่าครองชีพของภาคประชาชน และขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เป็นที่ตั้ง
-
-ควรประสานทิศทางระหว่างกระทรวงและแนวทางการปรับลดค่าพลังงาน และค่าไฟฟ้าเพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับนโยบายไปดำเนินการเชิงรุก
-ลดความตื่นตระหนก ลดความสับสน และตอบโจทย์ประชาชนได้ เช่น ในการประกาศ ค่า Ft.
-
-การพิจารณาค่า Ft. ขาดการปรับปรุงข้อมูลค่าพลังงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป (Up to Date / Dynamic ?)
-ความถูกต้อง ความโปร่งใสของข้อมูลที่นำมาใช้พิจารณาค่า Ft. (ถูกต้อง เปิดเผย ตรวจสอบได้?)
-ค่า Ft. เผื่อปลอดภัยไว้ก่อนจนแพงเกินควรหรือไม่ (Very Conservative ?)
-การเปิดรับฟังความเห็น ค่า Ft เนื้อหาเข้าใจยาก ขาดการมีส่วนร่วมในวงกว้าง (ตั้งธงไว้แล้ว?)
1.2 บทบาทรัฐวิสาหกิจ : ควรสร้างความเข้มแข็งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ./EGAT) ซึ่งถือเป็นหน่วยงานของรัฐด้านความมั่นคงทางไฟฟ้าในทุกมิติ
-
-ช่วยสภาพคล่องของกฟผ. เช่น การชะลอส่งเงินเข้ากระทรวงการคลัง หรือ หากจำเป็นก็ Re-Financing ออกพันธบัตรรัฐบาล
-ให้ กฟผ. ดูแลหน่วยงาน System Operator (S.O.) เช่นเดิม
-การสรรหา ผู้ว่าฯ กฟผ. ปราศจากการแทรกแซง
1.3 Supply over Demand: ควรแก้ไขของเดิมและไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคต และผลักดันให้เกิดส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้พลังงาน ลดการนำเข้า Fossil
-
-สัญญาเดิม : ยืดหยุ่นค่า AP สำหรับ IPP
-สัญญาใหม่ : ลดผลตอบแทนลง (Low risk, Low return )
-
-สนับสนุน EV Bus & EV Truck โดยจัดทำมาตรการส่งเสริมการผลิตและการใช้ เหมือนกับมาตรการ Subsidy ยานยนต์ไฟฟ้า ในปัจจุบัน
-ส่งเสริมการใช้ Heat Pump ในโรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายการใช้ เชื้อเพลิง และบำรุงรักษาได้ง่าย
1.4ส่งเสริม และปลดล็อคพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ให้สะดวกและเป็นธรรม
-
-สำหรับภาคครัวเรือน : ผลักดันมาตรการทาง การเงินและการคลัง เพื่อจะสนับสนุนคนติดตั้ง Solar Rooftop
-สำหรับภาคธุรกิจ : เนื่องจาก ธุรกิจ (โรงงาน/โรงแรม/โรงพยาบาล ฯลฯ) ที่ติดตั้ง Solar Rooftop กำลังผลิตเกิน 1 เมกะวัตต์ จะต้องขอใบอนุญาต รง.4 ใหม่ จึงควรผลักดันให้เกิดการปลดล็อก รง.4 เพื่อให้สามารถ ติดตั้ง Solar Rooftop ได้ โดยพิจารณาเฉพาะความปลอดภัยและโครงสร้างอาคาร
-สนับสนุนการทำ Net Billing ในราคาที่สมเหตุผล
1.5ปรับโครงสร้าง NG : ลด Margin NG ของ SPP / ลดค่าผ่านท่อ NG ให้เป็นธรรม และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดหา NG/LNG
-
-กำหนดราคาขายก๊าซผู้ผลิตไฟฟ้าทุกประเภท (IPP SPP IPS) ให้เป็นราคาเดียวกันกับ IPP
-ทบทวนค่าผ่านท่อ NG ให้เป็นธรรม อัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยเฉพาะ ท่อ NG ที่คุ้มค่าการลงทุนแล้ว
-นำเข้า LNG จากประเทศที่มีราคาถูกและเพิ่มการนำเข้า NG จากพม่าให้มากที่สุด
-LNG นำเข้าจากประเทศใหม่: สนับสนุนเรื่องธุรกรรมการชำระเงินระหว่างประเทศและการจัดหาผู้รับประกันภัยสินค้าทางทะเล
2.การแก้ไขปัญหาระยะกลางและยาว เพื่อค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 3.00 บาท/หน่วย
2.1เร่ง OCA (Overlapping Claims Area) ไทย & กัมพูชา โดยยึดหลักความมั่นคงทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับความมั่นคงเรื่องเขตแดน
-
-ประโยชน์ทางเศรษฐกิจควรจะรวมเรื่องความมั่นคงทางพลังงานจากทรัพยากรใน OCA ด้วย
-O&G (Oil and Gas) supply security ไม่ถูกกระทบจากปัญหาความขัดแย้งของ Geo-politics
-Economic value added ที่จะช่วย offset ต้นทุนพลังงานของไทยในภาวะน้ำมันแพง
-ต้องรีบนำขึ้นมาใช้ เพราะระยะยาว เมื่อมีการพัฒนา Alternative/renewable energy ได้เต็มที่ มูลค่าของ O&G จะลดลง/หายไป
2.2เร่งเปิดระบบตลาดเสรี ทั้งไฟฟ้า และ ก๊าซธรรมชาติ และลดการผูกขาดใดๆ (Liberalization)
-สำหรับการเปิดตลาดไฟฟ้าเสรี
- ภาครัฐ ต้องมีระบบ Smart Grid & Smart Meter
- เปิดให้มีการขายไฟฟ้าแบบ P2P และ Net Billing ในราคาที่เหมาะสม
- ปิดให้มีการใช้โครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าฯ ให้บุคคลที่สาม (TPA) ในอัตรา Wheeling Charge ที่เหมาะสมและเป็นธรรม
-TPA ท่อส่ง NG และ LNG Terminal
- เงื่อนไขปัจจุบัน เหมาะกับผู้ใช้ NG รายใหญ่ (EGAT /IPP/SPP) ปริมาณมาก ทำให้ผู้ใช้ NG รายย่อยขาดโอกาส
- TPA ยังไม่ครอบคลุมถึงท่อจัดจำหน่าย ทำให้ผู้ใช้ NG รายย่อย ภาคอุตสาหกรรม) ไม่สามารถซื้อ NG จาก Shipper รายใหม่ๆ ได้
ข้อเสนอ