ในปี 2023 ยังคงเป็นปีที่มีความผันผวนสูงอยู่ โดยปัจจัยหลักๆยังคงมาจากการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ FED Fund Rate เพื่อจัดการกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้ ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ
แต่หลังจากที่ขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯที่ใช้ในการดูดซับสภาพคล่องจำนวนมากออกจากระบบการเงินและเริ่มส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลงและเริ่มมีสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มเข้าสู่สภาวะถดถอยในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า จนทำให้นักลงทุนเริ่มคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯน่าจะจบรอบขาขึ้นและมีโอกาสที่จะปรับตัวลงในอนาคตอันใกล้ แต่ทั้งนี้ยังคงต้องรอดูตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ประกอบกันไปด้วย
ดังนั้นหากรอบการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯได้จบลงจะหมายถึงสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ดอลลาร์ก็มีความน่าสนใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น นักลงทุนหลาย ๆ คน เริ่มมองหาสินทรัพย์ที่น่าสนใจอย่างเช่น ทองคำ คือมีทั้งความปลอดภัยและให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมในช่วงของตลาด ที่มีความเสี่ยงขาลงจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นของประเทศสหรัฐฯ สภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน และสงครามที่ยืดเยื้อระหว่างรัสเซียกับยูเครน
โดยหากมองย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2020 ราคาทองคำเคยขึ้นไปทำจุดสูงสุด 2,072.19 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ และลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,450.98 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ ซึ่งมีส่วนต่างถึง 621.21 ดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณ 30 กว่าเปอร์เซนต์เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปัจจุบันที่ 1,944 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อทรอยออนซ์
หากเริ่มถือครองทองคำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2020 ที่ราคา 1,516.89 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2023 มีกำไร 427.11 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 28% (ประมาณ 7.67% ต่อปี)
นอกจากเรื่องผลตอบแทนที่น่าดึงดูดทองคำยังแสดงถึงความมั่นคงและน่าเชื่อถือของผู้ถือครอง เพราะธนาคารกลางทั่วโลกก็ได้ถือครองทองคำในส่วนของเงินทุนสำรองของประเทศตนเอง
ดังนั้น KTB ในฐานะผู้นำทางด้าน Thailand Digital Opened Platform ที่มุ่งเน้นการสร้าง Ecosystem แบบครบวงจรสำหรับตลาดซื้อ-ขายทองคำออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Gold Wallet บนแอปฯ เป๋าตัง โดยธนาคารทำหน้าที่ให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินและให้บริการส่งคำสั่งซื้อ-ขายทองด้วยสกุลเงินดอลลาร์ให้กับกับร้านทองพันธมิตรชั้นนำถึง 3 ร้านได้แก่ MTS Gold, YLG Corporation และ Aurora Gold Trading โดยเริ่มเปิดให้บริการเมื่อตุลาคมปี 2021 และได้พัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์จนเป็นที่ยอมรับและตอบโจทย์ทุกรูปแบบของการลงทุนสำหรับตลาดทองคำออนไลน์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่ให้ผลตอบแทนดีเยี่ยมจนมีผู้สมัครใช้บริการมากกว่า 200,000 บัญชี
ทางธนาคารยังมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ Gold Wallet อย่างต่อเนื่องโดยมุ่งหวังให้ครอบคลุมและตอบโจทย์นักลงทุนทุกกลุ่มที่สนใจในการลงทุนทองคำ เพียงแค่คุณลองสมัครใช้จะรับรู้ได้ถึงความแตกต่างจากการซื้อทองในรูปแบบเดิมๆ หรือการให้บริการซื้อ-ขายทองออนไลน์ใน Application อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวก รวดเร็ว จำนวนน้ำหนักที่สามารถซื้อ-ขายได้ การแลกเปลี่ยนสกุลเงินเพื่อใช้ในการซื้อ-ขายทองได้ตลอดเวลา รวมถึงการนำร้านทองถึง 3 ร้านมารวมอยู่ด้วยกันในแอปฯเดียวเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้ราคาที่ดีที่สุด
สุดท้ายนี้ทางธนาคารขอฝากผลิตภัณฑ์ Gold Wallet ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่สนใจในการลงทุนทองคำ