ThaiPublica > Sustainability > Global Issues > SET Sustainability Forum ตอน (2) : ไมเนอร์-ไทยวา-กบข. ยกประเด็น “สิทธิมนุษยชน” ภาคบังคับที่องค์กรต้องปฏิบัติ

SET Sustainability Forum ตอน (2) : ไมเนอร์-ไทยวา-กบข. ยกประเด็น “สิทธิมนุษยชน” ภาคบังคับที่องค์กรต้องปฏิบัติ

27 กรกฎาคม 2023


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับองค์กรพันธมิตร จัดสัมมนา “SET Sustainability Forum : จากเป้าหมายความยั่งยืน…สู่การปฏิบัติ” ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566 เพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน สู่การปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน ขยายโอกาสการเติบโตของธุรกิจ ท่ามกลางปัจจัยท้าทายที่ทุกภาคส่วนกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

โดยผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ร่วมให้ข้อมูลถึงบทบาทผู้นำองค์กรในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน ทั้งนี้ เวทีหัวข้อ “Human Rights & Modern Slavery Risk Management” มีวัตถุประสงค์เพื่อถอดบทเรียนการขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนในองค์กร โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นางอรกานดา อรรถวิภัชน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, นางสาวหทัยกานต์ กมลศิริสกุล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายกลยุทธ์ ความยั่งยืน นวัตกรรม บมจ. ไทยวา, ดร.แมน ชุติชูเดช รองเลขาธิการกลุ่มงานกลยุทธ์ลงทุนและบริหารผู้จัดการกองทุน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และดำเนินรายการโดย พนอจันทร์ จารุรังสีพงศ์ ที่ปรึกษาอิสระด้านการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร

  • SET Sustainability Forum ตอน(1) EA – AAI – กบข. ถอดแผนความยั่งยืน สู่การปฏิบัติจริง
  • MINOR รับฟังเสียงพนักงาน สร้างองค์กรเป็น Great Place to Work

    นางอรกานดา อรรถวิภัชน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ให้ข้อมูลว่า ไมเนอร์ฯ ประกอบด้วยธุรกิจ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจอาหาร กลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ (แบรนด์เครื่องครัว และเสื้อผ้า) และกลุ่มธุรกิจโรงแรม มีพนักงานรวมกว่า 70,000 คนใน 63 ประเทศทั่วโลก และกว่า 70% ของพนักงานไม่ได้อยู่ในประเทศไทย

    ในปี 2561 บริษัทได้เก็บรวบรวมความคิดเห็นประเด็นสิทธิมนุษยชนของพนักงานมากกว่า 10,000 คน และนำมาจัดเป็นประเด็นสำคัญได้ 345 ประเด็น ต่อมาปี 2562 บริษัทได้หาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อยกระดับการดูแลประเด็นสิทธิมนุษยชนของพนักงานให้มีความเป็นมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น พร้อมกับมีการอบรมพนักงานในประเด็นดังกล่าว และยังอบรมจรรยาบรรณในการทำงาน (code of conduct) ให้กับพนักงานทุกปี

    นางอรกานดา อรรถวิภัชน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล

    “สิ่งที่ตามมาคือ right to be heard การรับฟังเสียงพนักงาน เขาสามารถขอความช่วยเหลือ รวมถึงข้อเสนอแนะ นอกเหนือจากการทำ listening tool เรายังออกไปรับฟังและพบปะกับพนักงานด้วยตัวเองเป็นประจำทุก 6 เดือน ไปฟัง และติดตามผลว่าสิ่งนั้นได้รับการแก้ไขหรือยัง เพราะนี่คือการสร้าง great place to work ”

    “เรายัง on journey ตั้งแต่ปี 2018 (2561) มีตัวชี้วัด แต่ไม่ได้มองเชิงกำไร เราอยากสนับสนุนเรื่องการทำงาน เพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำ เรามองภาพรวมทุกด้านไปพร้อมกัน…ถ้าองค์กรสร้างสรรค์แต่สิ่งดีๆ พนักงานก็อยู่ได้ องค์กรก็จะสามารถเติบโตได้”

    ไทยวา รวมทีมกลยุทธ์รวมความยั่งยืน ฝัง DNA ให้พนักงาน

    นางสาวหทัยกานต์ กมลศิริสกุล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายกลยุทธ์ ความยั่งยืน นวัตกรรม บมจ.ไทยวา ให้ข้อมูลว่า ไทยวาประกอบธุรกิจ 3 กลุ่ม คือ ผลิตภัณฑ์แป้งและที่เกี่ยวข้อง ผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ โดยบริษัทมีวัตถุดิบที่เป็นซัพพลายเชน กว่า 1.3 ล้านตันต่อปี ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงมองว่าการทำธุรกิจของไทยวาไม่ใช่แค่ซื้อมาขายไป แต่ต้องทำให้มั่นใจว่าเกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

    นางสาวหทัยกานต์กล่าวถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนของบริษัทว่า ประเด็นดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ (1) พนักงานในองค์กร และ (2) ซัพพลายเออร์ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง

    สำหรับพนักงาน บริษัทมีแนวคิดว่า “We are Building a Great Place to Work” โดยมีการเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีในทุกโรงงาน เพื่อทำให้พนักงานอยากมาทำงานทุกๆ วัน

    นางสาวหทัยกานต์กล่าวต่อว่า โรงงานแต่ละแห่งมีประเด็นสิทธิมนุษยชนที่แตกต่างกัน แต่ทุกโรงงานมีใบรับรองและมาตรฐานต่างๆ ซึ่งโจทย์คือทำอย่างไรให้สิทธิมนุษยชนเป็น DNA

    “ก่อนหน้านี้เรามีทีม sustainability เป็นทีมเก็บข้อมูลด้านต่างๆ แต่ในปี 2565 เรานำทีมกลยุทธ์เข้ามารวมด้วยกัน เนื่องจากกลยุทธ์องค์กรต้องตอบโจทย์ความยั่งยืน จากนั้นเอาเป้าหมายความยั่งยืนเข้าไปฝังในเคพีไอของพนักงาน เพราะถ้าเป็นเคพีไอของทุกคน เขาจะคิดเรื่องนี้ทุกวัน และอยู่ในดีเอ็นเอขององค์กร”

    นางสาวหทัยกานต์ กมลศิริสกุล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายกลยุทธ์ ความยั่งยืน นวัตกรรม บมจ.ไทยวา

    ส่วนประเด็นสิทธิมนุษชนของเกษตรกร นางสาวหทัยกานต์ อธิบายว่า บริษัทมีทีมเข้าไปแนะนำเกษตรกรว่าควรพัฒนาผลิตผลอย่างไร และต้องบอกให้ได้ว่ชีวิตเขาจะดีขึ้นอย่างไร

    “เกษตรกรทำไร่ทำนามา 20 ถึง 30 ปี เขาทำได้ดีในแบบของเขา เช่น การใช้สารเคมี การจัดเก็บสารเคมีในบ้าน บางคนเก็บได้ไม่มีปัญหา แต่เราเข้าไปบอกว่าการเก็บสารเคมีไว้ในบ้านหรือเอาไปใช้ ทำให้ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ และเราไม่บอกว่าห้ามใช้อย่างเดียว เราต้องมี solution เช่น แนะนำวิธีจัดเก็บ หรือพยายามเปลี่ยนผ่านให้เขาใช้สารไบโอฯ หรือชุดที่ป้องกันสารเคมี”

    นางสาวหทัยกานต์เล่าอีกว่า ประเด็นสิทธิมนุษยชนของเกษตรกรไทยมีความแตกต่างจากมาตรฐานสากล เห็นได้จากครอบครัวเกษตรกรซึ่งเป็นครอบครัวที่ทุกคนช่วยกันทำการเกษตร โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ช่วยพ่อแม่ในการขุดหรือทำอะไรต่างๆ ทว่ามาตรฐานสากลไม่ชอบวิธีการดังกล่าว เพราะมองว่าเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็ก ดังนั้น บริษัทจึงต้องเข้าไปสอนแนวทาง best practice เพื่อให้ได้รับการประเมินที่ดีขึ้น

    ท้ายที่สุด นางสาวหทัยกานต์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้องค์กรขับเคลื่อนประเด็นนี้ได้อย่างรวดเร็วคือ ความต้องการของตลาด (demand)

    กบข. มองการลงทุนต้องมีทั้งผลตอบแทนและ ESG

    ดร.แมน ชุติชูเดช รองเลขาธิการกลุ่มงานกลยุทธ์ลงทุนและบริหารผู้จัดการกองทุน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า บทบาทนักลงทุนคือสนับสนุนให้ประเด็นสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้น แต่ยิ่งกว่านั้นคือทำอย่างไรเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน เพราะจะทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอ

    “สิทธิมนุษยชนไม่ใช่แค่ความสมัครใจ แต่เป็นภาคบังคับที่ต้องจัดการให้เกิดขึ้น”

    ดร.แมน กล่าวต่อว่า กบข. ประกาศว่าจุดประสงค์การลงทุนไม่ใช่แค่ผลตอบแทนสูงสุดเท่านั้น เพราะผลตอบแทนเป็นแค่ขั้นต่ำในด้านการเงิน แต่สิ่งที่มองหาคือ การลงทุนที่มี ESG เป็นส่วนหนึ่งด้วย

    ดร. แมน ชุติชูเดช รองเลขาธิการกลุ่มงานกลยุทธ์ลงทุนและบริหารผู้จัดการกองทุน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)

    “ภายหลังเรารู้ว่าถ้าหุ้นมี ESG ที่ดี จะได้ผลตอบแทนที่ดีด้วย เวลาลงทุนเราจะให้ความสำคัญกับผลตอบแทนทางการเงิน 65 เปอร์เซ็นต์ (financial return) และ ESG 35 เปอร์เซ็นต์ แต่ละอุตสาหกรรมจะมีน้ำหนัก ESG ไม่เท่ากัน เช่น ธนาคารจะให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลมากกว่า (governance) ธุรกิจก่อสร้างให้น้ำหนักกับมิติคนและสังคม (social) ส่วนพลังงานคือน้ำหนักด้านสิ่งแวดล้อม (environment)”

    “เรื่องสิทธิมนุษยชน ต่างจากสิ่งแวดล้อม เพราะตัว S มันจับต้องยาก ต้องใช้การพูดคุยและประเมินคะแนน แต่นักลงทุนมีคำตอบอยู่แล้ว อาจจะใช้มาตรฐานสิทธิมนุษยชนแบบเดิม แต่เปรียบเทียบระหว่างปี และดูว่ามีพัฒนาการอย่างไร หรือมีวิธีการใหม่ๆ อะไรบ้าง”

    ดร.แมนกล่าวต่อว่า นักลงทุนมีบทบาทผลักดันเรื่องนี้อย่างยิ่ง ดังนั้น ในการลงทุนของ กบข. กว่า 70% ต้องผ่านกระบวนการสแกน ESG เนื่องจากมีผลการศึกษามาแล้วว่า บริษัทที่มี ESG จะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และเป็นผลตอบแทนในระยะยาว