ThaiPublica > ข่าวประชาสัมพันธ์ > กรุงเทพประกันภัย ประกาศแผนปี 66 ตั้งเป้าเบี้ยฯ 30,000 ล้านบาท โตร้อยละ 12.5

กรุงเทพประกันภัย ประกาศแผนปี 66 ตั้งเป้าเบี้ยฯ 30,000 ล้านบาท โตร้อยละ 12.5

27 มีนาคม 2023


ข่าวประชาสัมพันธ์

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2565 ซึ่งเเม้จะสามารถขยายงานด้านเบี้ยประกันภัยรับรวมได้เกินเป้าหมาย โดยเติบโตจากปี 2564 ร้อยละ 8.8 หรือคิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวม 26,676.3 ล้านบาท และมีรายได้สุทธิจากการลงทุน 6,254.6 ล้านบาท เเต่เนื่องด้วยภาระผูกพันในการจ่ายเคลมสินไหมทดเเทนประกันภัยโควิด-19 ที่สิ้นสุดลงในช่วง ไตรมาสที่ 2 ส่งผลทำให้บริษัทฯ ยังมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 638.4 ล้านบาท

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 5.00 บาท รวมทั้งปี 15.50 บาท บนพื้นฐานของการมีความมั่นคงทางการเงิน เเละมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) สูงกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยมีอัตราส่วนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 179.4 (ณ 30 ก.ย. 65) พร้อมยืนหยัดความแข็งแกร่งด้วยการรักษาอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินในระดับสูงหรือ Credit Rating A- (Stable) (ณ พ.ย. 65) โดย Standard & Poor’s (S&P) สถาบัน การจัดอันดับทางการเงินชั้นนำของโลก

สำหรับเเนวโน้มของธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2566 กรุงเทพประกันภัยประเมินว่าภาพรวมธุรกิจ จะได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีเเนวโน้มจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 

หลังผ่านพ้นช่วงวิกฤติการเเพร่ระบาดของโควิด-19 เเละกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ทั่วโลกกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ โดยธุรกิจประกันวินาศภัยจะได้รับประโยชน์จากยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ใน ปี 2566 ที่คาดว่าจะเติบโตเป็นบวกต่อเนื่องเป็นปีที่สอง เเละการขยายตัวของประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว หลังจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติเเละชาวไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงยังมีนโยบายจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในอัตรา 150-300 บาทต่อคน ซึ่งคาดว่าค่าธรรมเนียมส่วนหนึ่งจะนำมาเป็นเบี้ยประกันภัยสุขภาพของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ด้านตลาดการรับประกันภัยต่อ ยังคงมีการปรับอัตราเบี้ยประกันภัยขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนเเรงและมีความถี่สูงขึ้นจากปัญหา Climate Change ตลอดจนอัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลให้ต้นทุนการชดใช้ค่าสินไหมทดเเทนเพิ่มสูงขึ้น บริษัทประกันภัยจึงมีโอกาสได้รับเบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันการเเข่งขันด้านราคามีเเนวโน้มลดลง โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์ ภายหลังจากที่บริษัทประกันภัยหลายแห่งต้องถูกปิดกิจการเเละประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ในปีที่ผ่านมา ผนวกกับการเตรียมรับมือกับอัตราค่าสินไหมทดเเทนของประกันภัยรถยนต์ที่มีเเนวโน้มจะเริ่มกลับมาสูงขึ้น เมื่อการเดินทางเเละการใช้ชีวิตของผู้คนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

จากปัจจัยที่สนับสนุนข้างต้น สมาคมประกันวินาศภัยไทยประเมินว่า ธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2566 คาดว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 4.5 – 5.0 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ท่ามกลางปัจจัยที่ท้าทายหลายประการ เช่น กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับเพิ่มขึ้น เเละอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ที่อาจได้รับผลกระทบจากการยกเลิกผ่อนปรนมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย เเละราคาบ้านอยู่อาศัยที่ปรับเพิ่มขึ้นจากต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อปริมาณเบี้ยประกันอัคคีภัย เช่นเดียวกับประกันภัยทางทะเลเเละขนส่งที่ย่อมได้รับผลกระทบจากการส่งออกของประเทศที่หดตัวลงตามการชะลอของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ประกันภัยสุขภาพ เเม้จะได้รับผลบวกจากการที่ผู้บริโภคตระหนักถึงความเสี่ยงด้านการเจ็บป่วยเเละภาระค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น เเต่บริษัทประกันภัยมีเเนวโน้มจะเพิ่มความระมัดระวังในการขยายงานประเภทนี้มากขึ้น ภายหลังเริ่มบังคับใช้มาตรฐานใหม่ของการประกันภัยสุขภาพ ส่งผลให้ความเสี่ยงของบริษัทประกันภัยในการรับประกันจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย Year of Resilience towards Sustainable Growth ปีแห่งการพลิกฟื้นธุรกิจ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

แม้เศรษฐกิจโลกจะยังมีความเปราะบาง แต่ก็ได้ผ่านพ้นแรงกระแทกใหญ่ๆ ไปแล้ว จึงกลายเป็นความท้าทายที่มาพร้อมกับโอกาส เปรียบเสมือนช่วงเวลาแห่งการพลิกฟื้นประสิทธิภาพสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยปีนี้ถือเป็น Year of Resilience ที่องค์กรจะสะท้อนกลับไปสู่เป้าหมายที่ไกลกว่า บริษัทฯ พร้อมที่จะกลับไปสู่จุดที่แข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งกว่าเดิม ผ่านการเรียนรู้จากวิกฤติเพื่อให้เกิดการพัฒนาและปรับตัวให้ดียิ่งขึ้น โดยยึดหลักสร้าง “ดุลยภาพ” ในการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพและการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติ (ESG) โดยคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล ส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกค้า คู่ค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น พร้อมมุ่งทำประโยชน์เพื่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม

ในปี 2566 นี้ กรุงเทพประกันภัยตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท เติบโตที่ร้อยละ 12.5 แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประมาณ 13,096 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์หรือ Non-Motor ประมาณ 16,904 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ ที่แตกต่างและความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับการบริการให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ “ให้มากกว่า” เเละความคุ้มครอง “พิเศษมากขึ้น” ขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อย่างรับผิดชอบ ปรับกระบวนการคิดและการออกแบบความคุ้มครองให้สอดคล้องกับบริบทสังคมยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนเเปลงอยู่ตลอดเวลา 

  • แผนประกันภัยรถยนต์ 2+ Super Special

จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ผู้บริโภครัดเข็มขัด ควบคุมค่าใช้จ่ายมากขึ้น ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้บริโภคให้ความสนใจและตัดสินใจเลือกทำประกันภัยจนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ 2+ Super Special ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคผ่านความคุ้มครองที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น และคุ้มค่าในราคาที่เหมาะสมกับสภาวะ ค่าครองชีพปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมภัยธรรมชาติ ได้แก่ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ลูกเห็บ และลมพายุ รวมถึงคุ้มครองทั้งตัวรถ ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอก ล่าสุดกับความพิเศษที่มากขึ้นด้วยการบวกเพิ่มความคุ้มครองความเสียหายจากการพลิกคว่ำหรือตกข้างทาง และพิเศษยิ่งขึ้นกับความคุ้มครองความเสียหายต่อกระจกบังลมรถยนต์ อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการชน เช่น หินกระเด็นใส่ กิ่งไม้หล่นใส่ หรือกระทบกับวัตถุต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้ ประกันภัยรถยนต์ 2+ Super Special ของกรุงเทพประกันภัยถือเป็นเจ้าเเรกในตลาดประกันวินาศภัยไทยที่เพิ่มความคุ้มครองความเสียหายต่อกระจกบังลมรถยนต์ โดยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 7,300 บาท

  • แผนประกันภัยรถยนต์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

  กระเเสความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่มาเเรงที่สุดในช่วงนี้ เห็นได้ชัดจากยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ปี 2565 ที่มีจำนวนกว่า 9,729 คัน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 402.8 จากปี 2564 ซึ่งนอกเหนือจากปัจจัยการตื่นตัวด้านปัญหาสิ่งเเวดล้อมแล้ว ราคาน้ำมันที่ยังสูงก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 ซ่อมห้างสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ได้กระแสตอบรับที่ดีและมีจำนวนผู้ทำประกันภัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความไว้วางใจในความมั่นคง คุณภาพการบริการ การดูแลเอาใจใส่และอู่ซ่อมที่มีมาตรฐาน และความคุ้มครองแบบครบวงจรและครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้าถึง 33 รุ่นจาก 20 แบรนด์ชั้นนำ ซึ่งการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของบริษัทฯ นั้นมีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมียอดสะสม (งานใหม่รวมต่ออายุ) ราว 2,000 คัน เป็นเบี้ยประกันภัยรวมมากกว่า 100 ล้านบาท (ณ มี.ค. 66) และคาดว่าทั้งปี 2566 จะมีเบี้ยประกันภัยรวมไม่ต่ำกว่า 120-140 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีแผนจะพัฒนาความคุ้มครองใหม่ๆ พร้อมเพิ่มจำนวนรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่รับประกันภัยอย่างต่อเนื่องตามความต้องการและรูปแบบความเสี่ยงภัย โดยได้เตรียมความพร้อมด้านบริการต่างๆ  ทั้งด้านสินไหมทดแทนยานยนต์ การสนับสนุนข้อมูลทางเทคนิคเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าแก่ฝ่ายรับประกันภัย รวมถึงจัดอบรมให้ความรู้แก่อู่ในสัญญาเพื่อเสริมศักยภาพในการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างเชี่ยวชาญเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า

  • แผนประกันภัยที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

จากวิถีชีวิตของผู้คนยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กรุงเทพประกันภัยจึงมีความตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ให้เหมาะสมกับผู้บริโภคและสอดคล้องกับความเสี่ยงในการทำกิจกรรมต่างๆ ในรูปแบบ Personalized Insurance ที่มีความเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายให้มากที่สุด โดยก่อนหน้านี้ มีแผนประกันภัย 3 โรคกวนใจ คุ้มครองการเจ็บป่วยจากโรคไข้หวัดใหญ่ โรคมือ เท้า ปาก และโรคร้ายจากยุง ตามด้วยแผนประกันภัยไซเบอร์ และประกันภัยออฟฟิศซินโดรมที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และวัยทำงาน ล่าสุดเตรียมเสนอเเผนประกันภัยสุขภาพ + จิตเวช ท่ามกลางสภาวะทางสังคมที่ไม่แน่นอน เปราะบางเเละมีเเรงกดดันมากขึ้น จากข้อมูลของศูนย์โรคซึมเศร้าไทย กรมสุขภาพจิต ปี 2564 ระบุว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคน โดยผู้ป่วยจำนวน 100 คน สามารถเข้าถึงการรักษาเพียง 28 คนเท่านั้น บริษัทฯ จึงมุ่งให้ความสำคัญกับเรื่องจิตใจของคนในสังคมผ่านการเพิ่มความคุ้มครองด้านจิตเวชเข้ามาในเเผนประกันภัยสุขภาพเดิม ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล หรือค่าตรวจรักษาอาการของโรคที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะทางจิตใจ หรือพฤติกรรมหรือความผิดปกติทางบุคลิกภาพ ทั้งกรณีที่เป็นผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) โดยคาดว่าจะสามารถนำเสนอขายได้ในช่วงกลางปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีแผนประกันภัยนักดำน้ำ ที่จะสร้างความอุ่นใจให้กับกลุ่มนักดำน้ำ ทั้งผู้ที่เป็น มืออาชีพและมือสมัครเล่นในไทย ซึ่งความคุ้มครองได้ออกแบบมาเพื่อรองรับความเสี่ยงต่างๆ ของนักดำน้ำ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล การเคลื่อนย้ายเพื่อรักษาพยาบาลฉุกเฉิน เงินชดเชยต่างๆ เช่น อุปกรณ์ ดำน้ำเสียหาย การยกเลิกโปรเเกรมท่องเที่ยวดำน้ำ โดยมีให้เลือกทั้งเเบบรายทริป (ตามจำนวนวันที่เดินทาง) เเละรายปี (สูงสุด 30 วันต่อการเดินทางในเเต่ละครั้ง)

  •  เพิ่มศักยภาพการบริการ รวดเร็วเเละประทับใจมากยิ่งขึ้น

กรุงเทพประกันภัยมุ่งยกระดับการบริการที่ตอบโจทย์ด้านความสะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย ทุกที่ ทุกเวลาให้แก่ลูกค้าและคู่ค้า เพื่อส่งมอบบริการที่มีคุณภาพและได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น ดังนี้ 

  • อู่ชวนซ่อม

เพื่อยกระดับอู่ซ่อมในสัญญาที่มีมากกว่า 580 แห่ง ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงได้ต่อยอดความสำเร็จของโครงการอู่ชวนซ่อมที่สร้างความประทับใจแก่ลูกค้ามายาวนานกว่าทศวรรษ โดยล่าสุดได้มีการพัฒนาอู่ซ่อมในสัญญาของกรุงเทพประกันภัยมากขึ้น ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าได้พิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการได้อย่างมั่นใจ โดยอู่ชวนซ่อมที่ได้รับคะแนนในระดับสูงนั้นมาจากการประเมินความพึงพอใจหลังการซ่อมจากลูกค้าตามเกณฑ์การประเมินต่างๆ ใน 5 เรื่องสำคัญ ได้แก่ คุณภาพการซ่อม, การให้บริการที่ดี, การส่งมอบรถตรงเวลา, ความสะอาดหลังซ่อม และการจัดเตรียมสถานที่ห้องรับรองที่สะอาดและสะดวกสบาย ซึ่งอู่ชวนซ่อมได้มอบบริการพิเศษ เช่น มีบริการนัดหมาย, ทำความสะอาดภายนอกและภายใน รวมถึงบริการขัดสีให้หลังซ่อมเสร็จ เป็นต้น สำหรับโครงการอู่ชวนซ่อมจะมีการขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าในทุกพื้นที่ เเละเป็นโครงการที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาอู่ในสัญญาทั้งหมดให้เป็นอู่ชวนซ่อม

  • ปรับลดระยะเวลาการจ่ายค่าซ่อมอู่ในสัญญาภายใน 3 วันทำการ ส่งผลให้ลูกค้าได้รับความสะดวกรวดเร็วในการนำรถเข้าซ่อม

จากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เป็นผลต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้อู่ในสัญญาซึ่งเป็นคู่ค้าของบริษัทฯ หลายแห่งขาดสภาพคล่องทางการเงิน (Cash Flow) ดังนั้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้อู่ในสัญญาสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น และบริการลูกค้าให้ได้รับการจัดซ่อมที่รวดเร็วและมีคุณภาพ พร้อมตอกย้ำการเป็นบริษัทประกันภัยที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง บริษัทฯ ได้มีการปรับเร่งระยะเวลาการจ่ายค่าซ่อมให้กับอู่เหลือเพียง 3 วันทำการเท่านั้น จากเดิมที่บริษัทฯ ดำเนินการจ่ายภายในระยะเวลา 5 วันทำการ ซึ่งถือว่ารวดเร็วอย่างมาก เมื่อเทียบกับระยะเวลาการจ่ายโดยเฉลี่ยในตลาดประกันภัยซึ่งอยู่ที่ประมาณ 15-30 วันทำการ

  • อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าประกันภัยรถยนต์ ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD)

เพื่อเเบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย พร้อมอำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ลูกค้าและคู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์ และเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) โดยไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษา ซึ่งบริษัทฯ จะเริ่มนำร่องกับโรงพยาบาล 50 คู่สัญญาหรือกว่า 150 แห่ง ที่มีการทำจ่ายค่ารักษาพยาบาลเป็นประจำ จากนั้นจะขยายไปถึงกลุ่มโรงพยาบาลคู่สัญญาอื่นๆ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป

  • API Platform เชื่อมต่อกับ Partners

บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ พัฒนาปรับปรุงระบบ Web Partner สำหรับตัวแทน เพื่อขยายช่องทางการประกันภัยไปสู่กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมขยายธุรกิจกับคู่ค้ารายใหม่ด้วยการเชื่อมต่อเทคโนโลยี API ผ่านระบบ BKI Digital Platform ให้มากยิ่งขึ้น ประกอบกับในปัจจุบัน “กลุ่มสตาร์ทอัป” (Startup) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจประกันภัยมากขึ้น ทั้งในส่วนการขายกรมธรรม์และบริการที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย บริษัทฯ จึงมีแผนที่จะสนับสนุนสตาร์ทอัปให้เป็นช่องทางใหม่ที่ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของกรุงเทพประกันภัยได้ทางดิจิทัล พร้อมเปิดโอกาสให้กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและคู่ค้าต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกับระบบประกันภัยเพื่อนำเสนอประกันภัยให้แก่ลูกค้าได้ทันที ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ถูกออกแบบให้ครอบคลุมประกันภัยประเภทต่างๆ เช่น บริษัทส่งพัสดุที่ให้บริการประกันภัยขนส่งสินค้าแบบรายเที่ยว, บริษัททัวร์ต่างประเทศที่ให้บริการประกันภัยท่องเที่ยวแก่ลูกค้า และบริษัทให้บริการรถเช่าในการประกันภัยรถยนต์ให้แก่ผู้เช่า เป็นต้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงประกันภัยได้ง่ายยิ่งขึ้น

  • Cloud Claims Contact Center

ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาบริการและเพิ่มขีดความสามารถให้รองรับและดูแลลูกค้าให้หลากหลายและครอบคลุมทุกบริการมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงมีแผนดำเนินงานเพื่อยกระดับคุณภาพงานด้านสินไหมรถยนต์ โดยใช้เทคโนโลยี Cloud Contact Center เข้ามาช่วย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ สามารถให้บริการลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านระบบออนไลน์ เพื่อรองรับการขยายตัวของปริมาณงานในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

  • บริการ Self Service Notification สำหรับการเคลมประกันภัยรถยนต์

ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่นิยมทำธุรกรรมต่างๆ ให้ครบจบทีเดียวบนโลกออนไลน์ ประกอบกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทฯ จึงพัฒนาเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการทำงานสินไหมทดแทนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อนำเสนอเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า ให้สามารถเลือกได้ทั้งการเเจ้งอุบัติเหตุ เหตุฉุกเฉินเเละเเจ้งเคลมประกันภัย แบบ Self Service ด้วยตนเอง หรือเลือกติดต่อแจ้งอุบัติเหตุกับเจ้าหน้าที่ Call Center โดยตรงได้ทันที ตามความสะดวกใจของลูกค้า สำหรับระบบ Self Service ดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าของกรุงเทพประกันภัยที่เกิดเหตุฉุกเฉินและต้องการแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ เพียงกดสายด่วนกรุงเทพประกันภัย 1620 และเลือกช่องทางแจ้งเคลมอุบัติเหตุด้วยตนเอง จากนั้นระบบจะส่ง SMS เพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลเบื้องต้น เช่น เลขที่กรมธรรม์ ทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น โดยจะมีการประมวลผลและส่งพิกัดจุดเกิดเหตุ เข้าระบบ e-Surveyor เพื่อออกเลขเคลมโดยอัตโนมัติ และจ่ายงานให้เจ้าหน้าที่สำรวจภัยออกไปบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วทันใจ พร้อมพัฒนาระบบ Location Tracking ให้ลูกค้ามองเห็นความเคลื่อนไหวของทีมเจ้าหน้าที่สำรวจภัยได้เเบบ Real-Time ซึ่งลูกค้าไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมใดๆ

  • มุ่งยกระดับด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ต่อยอดการเป็น Data-Driven Organization ด้วยระบบความปลอดภัยสูงสุด

กรุงเทพประกันภัยมุ่งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการประกันภัยที่ทันสมัยและมีคุณภาพ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมทุกสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัลอย่างไร้ขีดจำกัด

  • ต่อยอด Data-Driven Organization

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการเป็น Data-Driven Organization ที่ใช้ฐานข้อมูลในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า โดยเน้นให้ผู้บริหารและพนักงานนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจทั้งในงานด้านการรับประกันภัย สินไหมทดแทน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่รองรับความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมายเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เช่น การออกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละคนด้วยการคาดการณ์ความต้องการลูกค้า และนำเสนอสิ่งที่ใกล้เคียงกับความต้องการลูกค้ามากที่สุด ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ กำลังสร้างฐานข้อมูลใหม่แบบองค์รวมบน High-End Technology เพื่อให้มีข้อมูลสำหรับใช้ในการวิเคราะห์อย่างละเอียดครบถ้วนทุกมิติ โดยได้นำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนหลายด้าน เช่น Self Service BI Visualization (Information on Demand)  และยังมี Customer Data Platform (CDP) ที่เชื่อมต่อกับระบบเว็บไซต์ เพื่อนำข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์รวบรวมข้อมูลภายในองค์กร ส่งต่อไปสู่การคิดแคมเปญส่งเสริมการขายแบบ Personalized Marketing

  • สร้างความเชื่อมั่นด้วยระบบ Cyber Security ที่เเข็งแกร่ง

จากภัยคุกคามและการโจมตีต่างๆ ทางไซเบอร์ที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้การเฝ้าระวังเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีมาตรฐาน บริษัทฯ มีแผนจะเพิ่มระดับการป้องกันความปลอดภัยผ่านการติดตั้ง Endpoint Detection and Response (EDR) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการตรวจสอบและตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัย ที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบ Real-Time พร้อมเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีอื่นๆ อย่าง Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning (ML) เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดจ้างศูนย์เฝ้าระวังความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ Security Operation Center (SOC) ซึ่งหากมีเหตุการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัย (Security Incident) เกิดขึ้น เช่น เหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล ระบบถูกบุกรุก หรืออื่นๆ ทางทีมผู้เชี่ยวชาญของ SOC จะมีการแจ้งเตือน พร้อมให้คำแนะนำในการแก้ไขเพื่อลดความเสี่ยง ผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที นับเป็นการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมเฝ้าระวังและปกป้องข้อมูลของลูกค้าทุกคนอย่างเต็มความสามารถ โดยบริษัทฯ ได้ลงทุนทางด้าน Cyber Security อย่างเต็มที่ เพื่อการบริหารจัดการด้านความเสี่ยง การป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ และมุ่งมั่นดูแลความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล รวมถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ป้องกันการโจรกรรมข้อมูล การรั่วไหลของข้อมูล รวมถึงการนำข้อมูลไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

  • มุ่งสู่ธุรกิจประกันภัยอย่างมีความรับผิดชอบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเป็นบริษัทประกันภัยที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความสมดุลด้วยการมีเสถียรภาพและความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล สังคม และสิ่งแวดล้อม ดูแลใส่ใจครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มผ่านการพัฒนา ส่งเสริม และสนับสนุนงานด้านการรับประกันภัย และงานสินไหมทดแทนที่เน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์อย่างรอบด้าน พัฒนาการทำงานอย่างมีคุณภาพเคียงคู่กับคุณธรรม และให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พนักงาน ดูแลทั้งสุขภาพกายและใจ เพื่อให้ทำงานอย่างมีความสุข มั่นคง และปลอดภัย พร้อมเปิดพื้นที่ความสร้างสรรค์ เพิ่มทักษะต่างๆ ให้ทันโลกยุคใหม่ และสนับสนุนกิจกรรมทางสังคม เพื่อช่วยเหลือและดูแลกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติต่างๆ 

ช่วงเวลาแห่ง Year of Resilience สะท้อนกลับไปสู่เป้าหมายที่ไกลกว่า นับเป็นโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญของกรุงเทพประกันภัยที่จะเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรเเละดูแลสังคมตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาลที่ยึดมั่นมายาวนานกว่า 7 ทศวรรษ