ThaiPublica > เกาะกระแส > “ทศวรรษของอินเดีย” มาถึงแล้ว มหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหญ่ที่ 3 ของโลก ในปี 2031

“ทศวรรษของอินเดีย” มาถึงแล้ว มหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหญ่ที่ 3 ของโลก ในปี 2031

22 มกราคม 2023


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

ที่มาภาพ : https://www.weforum.org/join-us/home

การประชุม World Economic Forum 2023 ที่เมืองดาวอส ระหว่างวันที่ 16-20 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ประชุมกลายเป็นศูนย์รวมผู้นำการเมืองและเศรษฐกิจของโลก นอกจากผู้นำจากหลายประเทศที่เข้าร่วมการประชุม ยังมี CEO ของบริษัท Amazon, JPMorgan Chase, Pfizer และ Moderna รวมทั้งประธานกรรมาธิการยุโรป เลขาธิการนาโต้ และผู้อำนวยการ IMF ทางการสวิสใช้ทหารกว่า 5 พันคน ดูแลความปลอดภัย

ส่วนเว็บไซต์ cnn.com รายงานว่า ในการประชุมประจำปี WEF 2023 อินเดียกลายเป็นดาวเด่นในที่ประชุมครั้งนี้ ตัวแทนจากอินเดียครองที่นั่งถึง 8 แถวของที่ประชุม Deepak Bagia หัวหน้าหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของอินเดียบอกกับ CNN ว่า

“เมื่อคุณเดินไปในทุก 10 ก้าว จะพบกับคนอินเดียเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาล หรือมาจากภาคเอกชน นักลงทุนคนหนึ่งบอกว่า ถนนสายหลักของที่ประชุม WEF คือ Little India”

ดาวรุ่งดวงใหม่ของเศรษฐกิจโลก

การที่อินเดียก้าวขึ้นมาโดดเด่นในเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่มีเหตุผล ปี 2023 ที่คาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอย อินเดียกลับเป็นประเทศที่เศรษฐกิจจะมีอัตราการเติบโตดีที่สุดในบรรดาประเทศชั้นนำ ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโต 6.6% ขณะที่สหรัฐฯ จะโตแค่ 0.6% และจีน 4.3%

สถาบันวิจัยในอังกฤษชื่อ The Center for Economics and Business Research (CEBR) คาดหมายว่า หากอินเดียสามารถรักษาการเติบโตเศรษฐกิจที่สูงได้ต่อเนื่อง ในปี 2026 เศรษฐกิจอินเดียจะล้ำหน้าเยอรมนี กลายเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลก ในปี 2032 เศรษฐกิจจะใหญ่กว่าญี่ปุ่น และกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก

โดยในปี 2035 เศรษฐกิจอินเดียจะมีมูลค่า 10 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ และอยู่อันดับ 5 ของโลก CEBR ยังคาดการณ์อีกว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 6.4% และใน 9 ปีต่อไป จะเติบโตปีละ 6.5%

กระแสการลงทุนในอินเดีย ได้แรงผลักดันจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ บรรดาผู้นำของธุรกิจชั้นนำของโลกล้วนพูดถึงเรื่อง “Nearshoring” หมายถึงการทำให้ห่วงโซ่อุปทานสั้นลง เพื่อลดความเสี่ยง และ “Friendshoring” คือการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ กับประเทศที่มีอุดมการณ์ค่านิยมอย่างเดียวกัน แนวคิดดังกล่าว ทำให้อินเดียกลายเป็นทางเลือก ที่มาทดแทนจีน

ที่มาภาพ : saudigazette.com

“ทศวรรษของอินเดีย”

เมื่อพฤศจิกายน 2022 ธนาคาร Morgan Stanley ได้เปิดเผยรายงานชื่อ The New India: Why It Is India’s Decade ว่า ก่อนสิ้นทศวรรษ 2020 อินเดียจะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก เพราะความรุ่งเรืองของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่มาจากการย้ายฐานการผลิต การลงทุนในอุตสาหกรรมประกอบการผลิต การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เจริญก้าวหน้า

รายงานของ Morgan Stanley มองว่า อินเดียกำลังเดินบนเส้นทาง ที่จะกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดที่ 3 ของโลก โดยในปี 2027 เศรษฐกิจอินเดียจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 7.5 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2030 ตลาดหลักทรัพย์อินเดีย จะมีมูลค่ามากที่สุดอันดับ 3 ของโลก โดยมีมูลค่า 10 ล้านล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้เมื่อนับจากปี 1991 เป็นต้นมา อินเดียใช้เวลานานถึง 31 ปี จึงสามารถยกระดับให้เศรษฐกิจมีมูลค่าถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ในอนาคตต่อไป อินเดียจะใช้เวลาแค่ 7 ปี ก็จะสามารถทำให้เศรษฐกิจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 3 ล้านล้านดอลลาร์

จุดนี้แสดงให้เห็นว่า อินเดียได้ก้าวมาถึงจุดที่รายได้เพิ่มขึ้นรวดเร็ว จากรากฐานการมีรายได้ที่สูงแล้ว

Chetan Ahya นักเศรษฐศาสตร์เอเชียของ Morgan Stanley กล่าวว่า “นับจากปี 2023 เป็นต้นไป อินเดียจะเป็น 1 ใน 3 ประเทศเท่านั้น นอกเหนือจากสหรัฐฯและจีน ที่สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ ได้เพิ่มขึ้นปีหนึ่งมากกว่า 400 พันล้านดอลลาร์ หลังจากปี 2028 มูลค่าจะเพิ่มเป็นปีหนึ่งมากกว่า 500 พันล้านดอลลาร์”

การที่เศรษฐกิจโดยรวมของอินเดียมีมูลค่าสูงขึ้น จะเป็นชนวนกระตุ้นการบริโภคด้วย เพราะรายได้เหลือใช้จะมีเพิ่มมากขึ้น เมื่อสิ้นปี 2030 ครัวเรือนที่รายได้ต่อปีมากกว่า 35,000 ดอลลาร์ จะเพิ่ม 5 เท่าเป็นจำนวนทั้งหมด 25 ล้านครัวเรือน ส่วนรายได้ต่อคนของอินเดีย จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัวจาก 2,257 ดอลลาร์ในปี 2021 เป็น 5,242 ดอลลาร์ต่อคนในปี 2031

ที่มาภาพ : World Economic Forum

ปัจจัยที่สร้าง “ทศวรรษของอินเดีย”

Morgan Stanley กล่าวถึงปัจจัยที่จะสร้างความสำเร็จทางเศรษฐกิจของ “ทศวรรษอินเดีย” ว่า ประกอบด้วย

1) การเป็น “สำนักงานโลก” (office of the world) นับตั้งแต่ยุคเริ่มต้นอินเทอร์เน็ต บริษัททั่วโลกได้จ้างอินเดียทำงานบริการแทน (outsource) เช่น การพัฒนา software และการบริการลูกค้า ปัจจุบัน การควบคุมด้านแรงงานมากขึ้น ทำให้อินเดียกลับมามีบทบาทเป็นสำนักงานโลกอีกครั้ง โลกหลังโควิด ผู้บริหารธุรกิจชื่นชมทั้งการทำงานที่บ้าน และทำงานจากอินเดีย (work from India) ใน 10 ปีข้างหน้า คนอินเดียที่ทำให้งานให้กับ “งานต่างประเทศ” จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 11 ล้านคน โลกจะใช้เงินด้าน outsource จากปีละ 180 พันล้านดอลลาร์ เป็น 500 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030

2) การเป็น “โรงงานโลก” อินเดียกำลังปรับตัวเอง ที่จะกลายเป็น “โรงงานโลก” (factory of the world) การลดภาษีธุรกิจ มาตรการส่งเสริมการลงทุน และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน จะช่วยขับเคลื่อนการลงทุนด้านการประกอบการผลิต สัดส่วนการผลิตอุตสาหกรรมของอินเดียอยู่ที่ 15.6% ในปัจจุบัน จะเพิ่มเป็น 21% ในปี 2031 ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดการส่งออกของอินเดียเพิ่มขึ้นเท่าตัว

3) โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล สินเชื่อ และผู้บริโภค โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของอินเดียได้รับการสนับสนุนโดยโครงการชื่อว่า India Stack ที่เป็นแพลตฟอร์มทำให้ประชากรอินเดียเข้าสู่ยุคดิจิทัล เมื่อสิบปีที่แล้ว อินเดียปูพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยโครงการบัตรประชาชนดิจิทัล ระบบนี้สร้าง Biometric ID โครงการ India Stack อื่นๆ ได้แก่ ระบบดิจิทัลที่ทำให้สินเชื่อมีต้นทุนลดลง และการเข้าถึงสินเชื่อที่ง่ายขึ้น ทั้งต่อผู้บริโภคและธุรกิจ การเข้าถึงสินเชื่อจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ปัจจุบัน อัตราส่วนสินเชื่อต่อ GDP ของอินเดียอยู่ที่ 57% สามารถเพิ่มเป็น 100% ภายในเวลา 10 ปีข้างหน้า ส่วนกำลังซื้อของผู้บริโภคอินเดียจะเพิ่มจาก 2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2022 เป็น 4.9 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นทศวรรษ ภาคส่วนที่ได้ประโยชน์คือ ร้านค้าปลีก เสื้อผ้า สินค้าครัวเรือน และกิจกรรมสันทนาการ

4) การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ใน 10 ปีข้างหน้า ความต้องการพลังงานในแต่ละวันของอินเดียจะเพิ่มขึ้น 60% อินเดียยังต้องอาศัยพลังงานจากฟอสซิล เพื่อสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น แต่คาดการณ์กันว่า 2 ใน 3 ของการบริโภคพลังงานใหม่นี้ จะมาจากไบโอก๊าซ เอธานอล ลม แสงแดด และพลังงานไฟฟ้าจากน้ำ เมืองที่มีมลพิษมากสุดในโลก 20 เมือง อยู่ในอินเดีย 14 เมือง หมายความว่าอินเดียต้องการทางออกใหม่ๆ ด้านไฟฟ้า เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ดังนั้น การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของอินเดียจึงหมายถึงโอกาสการลงทุน

Chetan Ahya นักเศรษฐศาสตร์ของ Morgan Stanley กล่าวสรุปเรื่อง “ทศวรรษของอินเดีย” ว่า ใน 10 ปีข้างหน้า เมื่อเศรษฐกิจอินเดียเกิดการเปลี่ยนแปลง อินเดียจะมีความสำคัญต่อนักลงทุนทั่วโลก เหมือนกับที่จีนเป็นอยู่ในปัจจุบัน อินเดียจะให้โอกาสการเติบโตที่มีพลังมากที่สุดในเอเชีย สำหรับปีที่กำลังจะมาถึง”

เอกสารประกอบ
India flexes its muscle at Davos as China’s star fades, January 19, 2023, cnn.com
India’s Impeding Economic Boom, November 8, 2022, morganstanley.com