ครม.เห็นชอบเก็บภาษีขายหุ้น 0.11% ทดลองปีแรกเก็บ 0.055%

ครม.ไปเขียวเก็บภาษีขายหุ้น 0.11% ช่วงปีแรกเก็บ 0.055% ก่อน โดยให้โบรกเกอร์หักเงินค่าภาษีนำส่งกรมสรรพากร คาดว่าจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มปีละ 15,000 – 16,000 ล้านบาท

ดร.อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่ากระกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่…) พ.ศ.. โดยการยกเลิกการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ในอัตรา 0.10% ของมูลค่าการขายหุ้น (Transaction Tax) และเมื่อรวมกับภาษีท้องถิ่นจะมีอัตรา 0.11% โดยให้จัดเก็บภาษีภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตรา 0.055% ของมูลค่าการขายหุ้น (รวมภาษีท้องถิ่น 10%) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนที่ 4 ถัดจากเดือนที่พระราชกฤษฎีกาประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือ “Grace Period” ประมาณ 90 วัน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเตรียมการในการจัดเก็บภาษี จากนั้นก็จะเริ่มเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะแบ่งออกแบ่งเป็น 2 ช่วง ดังนี้

ช่วงที่ 1

และช่วงที่ 2 จัดเก็บในอัตรา 0.11% (เมื่อรวมกับภาษีท้องถิ่น) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

โดยให้สมาชิกในตลาดหลักทรัพย์ หรือ “โบรกเกอร์” มีหน้าที่หักเงินค่าภาษีธุรกิจเฉพาะเงินจากการขายหลักทรัพย์นำส่งกรมสรรพากร แทนผู้ขายในนามของตนเอง ส่วนผู้ขายไม่ต้องนำรายได้จากการขายหุ้นไปยื่นแบบแสดงรายการภาษีต่อกรมสรรพากรอีก ให้ถือว่า Broker เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีดังกล่าว โดยการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้กรมสรรพากรมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 15,000-16,000 ล้านบาทต่อปี