ThaiPublica > เกาะกระแส > WHO ประกาศเตือนภัยระดับสูงสุด ‘ฝีดาษลิง’ ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

WHO ประกาศเตือนภัยระดับสูงสุด ‘ฝีดาษลิง’ ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

24 กรกฎาคม 2022


การแถลงข่าวเพื่ออัพเดทรายงานการประชุมครั้งที่ 2 ของคณะกรรมการฉุกเฉินด้าน IHR เกี่ยวกับการระบาดของโรคฝีดาษในหลายประเทศ ขององค์การอนามัยโลกวันที่ 23 ก.ค. 2565 ที่มาภาพ:https://photos.hq.who.int/galleries/928/monkeypox-press-conference-23-july-2022

องค์การอนามัยโลกได้ประกาศการแจ้งเตือนระดับสูงสุด ให้การระบาดของโรคฝีดาษลิงที่กำลังขยายวง เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานการแจ้งเตือนระดับสูงสุดที่เกิดขึ้นได้ยากนี้หมายความว่า WHO ในขณะนี้มองว่าการระบาดเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อสุขภาพของโลก ที่จำเป็นต้องมีการตอบสนองระหว่างประเทศ ด้วยการประสานความร่วมมือเพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายต่อไปอีก และอาจทวีความรุนแรงขึ้นสู่การแพร่ระบาดใหญ่

แม้ว่าการประกาศจะไม่ได้กำหนดข้อกำหนดให้กับรัฐบาลประเทศต่างๆ แต่เป็นการเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน องค์การอนามัยโลกสามารถออกคำแนะนำและข้อเสนอแนะให้กับประเทศสมาชิกเท่านั้น ไม่สามารถออกคำสั่งได้ ประเทศสมาชิกต้องรายงานเหตุการณ์ที่เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของโลก

หน่วยงานของสหประชาชาติเมื่อเดือนที่แล้ว ปฏิเสธที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วโลกจากการระบาดของโรคฝีดาษลิง แต่การติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ประกาศเตือนภัยระดับสูงสุด

ก่อนประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพระดับโลก คณะกรรมการฉุกเฉินของ WHO จะประชุมเพื่อประเมินข้อมูลและจัดทำข้อเสนอแนะต่อผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก คณะกรรมการไม่สามารถสรุปได้ว่า โรคฝีดาษลิงถือเป็นภาวะฉุกเฉินหรือไม่ ดร.เทดรอส ในฐานะผู้บริหารสูงสุด ได้ตัดสินใจที่จะประกาศการแจ้งเตือนระดับสูงสุด โดยพิจารณาจากการระบาดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก

“เรามีการระบาดที่แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ผ่านรูปแบบการแพร่เชื้อแบบใหม่ ซึ่งเราเข้าใจน้อยมาก” ดร.เทดรอสกล่าว “ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ผมจึงตัดสินว่า การระบาดของโรคฝีดาษลิงทั่วโลกถือเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในระดับนานาชาติ

ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่ามีรายงานผู้ป่วยโรคฝีดาษในลิงมากกว่า 16,000 รายในกว่า 70 ประเทศจนถึงปีนี้ และจำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันเพิ่มขึ้น 77% ช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายมีความเสี่ยงสูงสุดที่จะติดเชื้อในตอนนี้

มีรายงานผู้เสียชีวิตจากไวรัส 5 รายในแอฟริกาในปีนี้ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตนอกแอฟริกา

ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา(Centers for Disease Control and Prevention:CDC) คนส่วนใหญ่ฟื้นตัวจากโรคฝีดาษลิงใน 2 ถึง 4 สัปดาห์ ไวรัสทำให้เกิดผื่นที่สามารถแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสกล่าวว่า ผื่นที่ดูเหมือนสิวหรือแผลพุพองนั้น เจ็บมาก

การระบาดของโรคฝีดาษของลิงในปัจจุบันเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก เนื่องจากมีการแพร่กระจายในวงกว้างในประเทศแถบอเมริกาเหนือและยุโรปซึ่งปกติจะไม่พบไวรัส ในอดีต โรคฝีดาษลิงได้แพร่กระจายในระดับต่ำในพื้นที่ห่างไกลของแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง ซึ่งมีหนูและสัตว์อื่นๆ เป็นพาหะของไวรัส

ปัจจุบันยุโรปเป็นศูนย์กลางของการระบาดทั่วโลก โดยรายงานผู้ติดเชื้อมากกว่า 80% ของการติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันทั่วโลกในปี 2565 ส่วนสหรัฐฯ รายงานผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมากกว่า 2,500 รายใน 44 รัฐ วอชิงตัน ดี.ซี. และเปอร์โตริโก

ดร.เทรดอสกล่าวว่า ความเสี่ยงที่เกิดจากโรคฝีดาษลิงนั้นอยู่ในระดับปานกลางทั่วโลก แต่การคุกคามในยุโรปนั้นสูง เห็นได้ชัดว่ามีความเสี่ยงที่ไวรัสจะยังคงแพร่กระจายไปทั่วโลก แม้ตอนนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการค้าหรือการเดินทางทั่วโลก

เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม สหราชอาณาจักรได้รายงานการพบผู้เป็นโรคฝีดาษลิงในคนที่เพิ่งกลับจากการเดินทางไปไนจีเรีย หลายวันต่อมา สหราชอาณาจักรรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 3 ราย ที่ดูเหมือนจะติดเชื้อในประเทศ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในยุโรป แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ก็เริ่มมีการการติดเชื้อที่ยืนยันเช่นกัน แต่ไม่ชัดเจนว่าการระบาดเริ่มต้นขึ้นที่ไหน

องค์การอนามัยโลกได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพทั่วโลกครั้งล่าสุดในเดือนมกราคม 2563 เพื่อตอบสนองต่อการระบาดของไวรัสโควิด-19 และอีกสองเดือนต่อมาได้ประกาศให้เป็นการระบาดใหญ่ องค์การอนามัยโลกไม่มีกระบวนการอย่างเป็นทางการในการประกาศการระบาดใหญ่ภายใต้กฎหมายขององค์กร ซึ่งหมายความว่าคำนี้ถูกบัญญัติขึ้นอย่างหลวมๆ ในปี 2563 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ โควิด เป็นการระบาดใหญ่ เพื่อเตือนรัฐบาลเกี่ยวกับ “ระดับการแพร่กระจายและความรุนแรงที่น่ากังวล” ของไวรัส

ดร.โรซามุนด์ เลวิส หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญโรคฝีดาษลิงของ WHO กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อเดือนพฤษภาคมว่า องค์การอนามัยโลกไม่กังวลเรื่องโรคฝีฝีดาษว่าจะก่อให้เกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลก เพราะหน่วยงานด้านสาธารณสุขมีโอกาสที่จะยับยั้งการแพร่ระบาด

แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อกังวลว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ และโรคฝีดาษลิงจะระบาดหนักในประเทศที่ไม่เคยพบผู้ติดเชื้อไวรัสมาก่อน ยกเว้นกรณีที่เชื่อมโยงกับการเดินทาง

วันที่ 23 ก.ค. 2565 ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ในการแถลงข่าวเพื่ออัพเดทรายงานการประชุมครั้งที่ 2 ของคณะกรรมการฉุกเฉินด้าน IHR เกี่ยวกับการระบาดของโรคฝีดาษในหลายประเทศ ที่มาภาพ:https://photos.hq.who.int/galleries/928/monkeypox-press-conference-23-july-2022

ฝีดาษลิงไม่ใช่ไวรัสใหม่

ฝีดาษลิงไม่ใช่ไวรัสใหม่ตรงกันข้ามกับ โควิด-19 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบโรคฝีดาษในลิงครั้งแรกในปี 2501 ในลิงที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อใช้ในการวิจัยในเดนมาร์ก และมีการติดเชื้อยืนยันรายแรกในคนในปี 2513 ในประเทศซาอีร์ ซึ่งปัจจุบันคือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก

ฝีดาษลิง เกิดจากไวรัสกลุ่มเดียวกันกับไข้ทรพิษ แม้ไม่รุนแรงเท่า องค์การอนามัยโลกและหน่วยงานด้านสุขภาพแห่งชาติมีประสบการณ์หลายสิบปีในการต่อสู้กับไข้ทรพิษ ซึ่งมีการประกาศว่าถูกกำจัดหมดแล้วในปี 2522 ความสำเร็จในการต่อสู้กับไข้ทรพิษและเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นเพื่อต่อต้านไข้ทรพิษ จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีความรู้ที่สำคัญในการต่อสู้กับโรคฝีดาษลิง

ในอดีต การแพร่ระบาดของฝีดาษลิงจากคนสู่คนเกิดขึ้นค่อนข้างยาก และโดยปกติไวรัสจะกระโดดจากสัตว์สู่คน แต่โรคฝีดาษลิงที่กำลังแพร่กระจายมากขึ้นจากคนสู่คน องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ประชาคมระหว่างประเทศไม่ได้ลงทุนทรัพยากรเพียงพอในการต่อสู้กับโรคฝีดาษลิงในแอฟริกาก่อนการระบาดทั่วโลก

ดร. ไมค์ ไรอัน หัวหน้าโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพของ WHO กล่าวว่า “การแพร่ระบาดนี้เกิดขึ้นในประเทศแอฟริกา โดยเฉพาะในสองพื้นที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเราไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนการแพร่เชื้อในประเทศเหล่านั้น” “ยังต้องมีการสอบสวนอีกมาก และการลงทุนอีกมากมายเพื่อทำความเข้าใจปัญหา”

เกย์ กลุ่มชายรักชายเสี่ยงสูงสุด

ฝีดาษลิงส่วนใหญ่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสทางผิวหนังระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายมีความเสี่ยงสูงสุดในขณะนี้ เนื่องจากการแพร่กระจายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในแวดวงเกย์ อย่างไรก็ตาม WHO และ CDC ได้เน้นย้ำว่าทุกคนสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้ไม่ว่ามีรสนิยมทางเพศแบบไหน

นักวิทยาศาสตร์ในสเปนและอิตาลีตรวจพบ DNA ไวรัสโรคฝีดาษลิงในน้ำอสุจิจากผู้ป่วยที่มีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวก แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าไวรัสสามารถแพร่กระจายผ่านน้ำอสุจิระหว่างมีเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ นักวิทยาศาสตร์ชาวสเปนยังตรวจพบ DNA ของฝีดาษลิง ในตัวอย่างน้ำลาย

อีกทั้งยังไม่ชัดเจนว่าไวรัสสามารถแพร่กระจายได้หรือไม่เมื่อมีคนติดเชื้อ แต่ไม่มีอาการหรือที่เรียกว่าการแพร่เชื้อแบบไม่แสดงอาการ

ดร.โรซามุนด์ ผู้เชี่ยวชาญโรคฝีดาษลิงของ WHO กล่าวว่า 99% ของผู้ติดเชื้อนอกแอฟริกาอยู่ในกลุ่มผู้ชาย และ 98% ของการติดเชื้ออยู่ในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย โดยหลักแล้วคือผู้ที่มีคู่นอนหลายคน คนที่ไม่รู้จักหรือคู่นอนใหม่ แม้มีพบผู้ติดเชื้อไวรัสที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงเกย์ แต่การแพร่เชื้อยังอยู่ในระดับต่ำจนถึงขณะนี้ เมื่อวันศุกร์(22 ก.ค.) CDC ยืนยันพบเด็กที่ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 คน

องค์การอนามัยโลกและ CDC ได้เตือนหลายครั้งเกี่ยวกับการประณามชายที่เป็นเกย์และชายรักชาย ในขณะเดียวกันก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารความเป็นจริงว่าไวรัสกำลังแพร่กระจายอย่างไรในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้คนในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุดสามารถดำเนินการเพื่อปกป้องสุขภาพของตนเองได้

“ผู้คนต้องการข้อมูลเพื่อทราบวิธีการป้องกันตนเอง ในสถานการณ์ใดบ้างที่คนอาจมีความเสี่ยงหรือติดเชื้อ”ดร.โรซามุนด์ กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับหน่วยงานด้านสุขภาพและผู้จัดงาน ในการเผยแพร่ข้อมูลในวงกว้างเกี่ยวกับวิธีการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อก่อนงานเฉลิมฉลองและเทศกาลสำคัญในฤดูร้อนนี้

ดร.เทดรอสเตือนว่า การประณามและการเลือกปฏิบัติเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะบ่อนทำลายการตอบสนองต่อการระบาดของสาธารณสุข และเรียกร้องให้รัฐบาลแต่ละประเทศปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลในขณะที่ตอบสนองต่อไวรัส

ดร.โรซามุนด์ เลวิส หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญโรคฝีดาษลิงของ WHO ที่มาภาพ:https://photos.hq.who.int/galleries/928/monkeypox-press-conference-23-july-2022

อาการและปัจจัยเสี่ยง

CDC ของสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลที่มีผื่นที่ดูเหมือนโรคฝีดาษลิง และพิจารณาลดการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคนหรือคนที่ไม่รู้จัก และควรหลีกเลี่ยงปาร์ตี้เซ็กส์หรืองานอื่นๆ ที่คนสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น

ผู้ที่ตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์กับคู่ครองที่เป็นโรคฝีดาษลิงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของ CDC ในการลดความเสี่ยง

ในอดีต โรคฝีดาษลิงมักเริ่มมีอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หนาวสั่น อ่อนเพลีย และต่อมน้ำเหลืองบวม จากนั้นเกิดผื่นที่สามารถลามไปทั่วร่างกายได้ ผู้ป่วยจะถือว่าติดเชื้อมากที่สุดเมื่อมีผื่นขึ้น

แต่การระบาดในปัจจุบันอาการไม่เหมือนเดิม บางคนมีผื่นขึ้นก่อน ขณะที่คนอื่นๆ มีอาการผื่นขึ้นโดยไม่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เลย ผู้ป่วยจำนวนมากมีผื่นเฉพาะที่บริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก

CDC และ WHO กล่าวว่า ผื่นนี้สับสนได้ง่ายกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั่วไป และชี้ว่าผู้ให้บริการด้านสุขภาพไม่ควรมองข้ามว่าไม่เป็นฝีดาษลิง เพียงเพราะผู้ป่วยมีผลตรวจเป็นบวกสำหรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

CDC ระบุว่า แม้ว่าโรคฝีดาษลิงจะแพร่กระจายผ่านฝอยละอองทางเดินหายใจ แต่วิธีนี้ต้องมีปฏิสัมพันธ์แบบเจอหน้ากันเป็นเวลานาน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่เชื่อว่าฝีดาษลิงกำลังแพร่กระจายผ่านละอองลอยขนาดเล็กเหมือน โควิด ละอองในทางเดินหายใจนั้นหนักกว่าจึงอยู่ในอากาศไม่นานนัก ขณะที่โควิดเป็นไวรัสที่แพร่ในอากาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แพร่ระบาดได้มาก

โรคฝีดาษลิงสามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับวัสดุที่ปนเปื้อน เช่น ผ้าปูที่นอนและเสื้อผ้า

“โรคนี้ติดต่อได้ แต่ไม่สามารถแพร่เชื้อได้ขนาดนั้น เป็นโรคที่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้” ดร.ไรอันกล่าว “อย่างที่เราได้บอกในช่วงระบาดของโควิดว่า อย่าเป็นคนที่ส่งต่อโรคนี้”

ดร. ไมค์ ไรอัน หัวหน้าโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพของ WHO ที่มาภาพ:https://photos.hq.who.int/galleries/928/monkeypox-press-conference-23-july-2022

วัคซีน

เนื่องจากโรคฝีดาษลิงไม่ใช่ไวรัสชนิดใหม่ มีวัคซีนและยาต้านไวรัสอยู่แล้ว ในการป้องกันและรักษาโรค แม้ว่าจะขาดแคลนก็ตาม สหรัฐฯ ได้แจกจ่ายวัคซีนที่เรียกว่า Jynneos หลายหมื่นโดส เพื่อคุมการระบาด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา( Food and Drug Administration )อนุมัติให้ใช้วัคซีน 2 เข็มในปี 2562 สำหรับผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อฝีดาษลิงหรือไข้ทรพิษ

ฝ่ายบริหารของไบเดนได้แจกจ่ายยา Jynneos มากกว่า 300,000 โดสไปยังรัฐและเมืองต่างๆ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และอีก 786,000 โดสถูกส่งไปยังสหรัฐอเมริกา กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐได้สั่งซื้อยาอีก 5 ล้านโดสจนถึงปี 2566

ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการ CDC กล่าวว่า ความต้องการวัคซีนฝีดาษลิงนั้นแซงหน้าอุปทานที่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนำไปสู่การต่อแถวยาวในสถานที่ต่างๆ เช่น นิวยอร์กซิตี้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการระบาด

Jynneos ผลิตโดยบาวาเรียนอร์ดิก(Bavarian Nordic) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในเดนมาร์ก ตอนนี้ Bavarian Nordic มีปริมาณวัคซีนมากถึง 5 ล้านโดส สำหรับประเทศอื่นๆ ของโลก ไม่รวมสหรัฐอเมริกา แต่บาวาเรียนอร์ดิกมีความสามารถในการผลิตแบบ liquid frozen จำนวน 40 ล้านโดสและแบบ freeze dried อีก 8 ล้านโดสแห้งเยือกแข็งต่อปี โฆษกกล่าว

สหรัฐอเมริกายังมีวัคซีนไข้ทรพิษรุ่นเก่ากว่า 100 ล้านโดสที่มีชื่อ ACAM2000 ซึ่งผลิตโดย Emergent BioSolutions ซึ่งน่าจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคฝีดาษลิง แต่ ACAM2000 อาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรง และไม่แนะนำให้ใช้กับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ รวมทั้งผู้ป่วยเอชไอวี ผู้ที่มีสภาพผิวบางอย่าง และสตรีมีครรภ์

ACAM2000 ใช้เชื้อไวรัสที่ไม่รุนแรงในกลุ่มกับโรคฝีดาษลิงและไข้ทรพิษเป็นตัวตั้งต้นในการสร้างภูมิคุ้มกัน แต่เชื้อที่ไม่รุนแรงที่ใช้เป็นวัคซีนสามารถจำลองตัวเองเพิ่มจำนวนได้ ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ได้รับ ACAM2000 ต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อไวรัสให้กับผู้อื่น หรือมีผื่นลุกลามจากบริเวณที่ฉีดไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย วัคซีนของ Jynneos ไม่มีความเสี่ยงนี้เนื่องจากไม่ได้ใช้เชื้อไวรัสที่เพิ่มจำนวนได้

รายงานของ CDC ชี้ว่ายังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงในการระบาดในปัจจุบัน

องค์การอนามัยโลกไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนในวงกว้างในขณะนี้ และขณะนี้สหรัฐฯ กำลังสำรองวัคซีนไว้สำหรับผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันหรือสันนิษฐานว่ามีความเสี่ยงต่อโรคฝีดาษลิง วัคซีนป้องกันไข้ทรพิษและโรคฝีดาษลิงนั้นแตกต่างจากโควิด ตรงที่สามารถใช้ได้หลังจากมีการสัมผัสเนื่องจากระยะฟักตัวของไวรัสใช้เวลานาน แต่ต้องได้รับวัคซีนการบริหารภายในสี่วันหลังจากการสัมผัสเพื่อโอกาสที่ดีที่สุดในการป้องกันการโจมตีของโรคตาม CDC