ThaiPublica > ประเด็นร้อน > เชื่อมโลกให้ไทยแล่น > กพอ.ไฟเขียวแผนลงทุน “อีอีซี” เฟส 2 ดันไทยข้ามกับดักรายได้ปานกลางปี’72

กพอ.ไฟเขียวแผนลงทุน “อีอีซี” เฟส 2 ดันไทยข้ามกับดักรายได้ปานกลางปี’72

7 มกราคม 2022


ข่าวประชาสัมพันธ์

ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

กพอ.ไฟเขียวแผนขับเคลื่อนการลงทุนในพื้นที่ “อีอีซี” เฟส 2 วงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท เดินหน้าใช้ “เงินไทย-บริษัทไทย-คนไทย” ดัน GDP โตปีละ 5% ตั้งเป้านำพาประเทศก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางภายในปี 2572

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบ Video Conference ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมได้มอบหมายให้ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก แถลงผลการประชุม กพอ. และความคืบหน้าของการดำเนินโครงการต่าง ๆในพื้นที่อีอีซี โดยในวันนี้ ที่ประชุม กพอ. รับทราบภาพรวมการดำเนินงานของอีอีซี รวมทั้งผลประโยชน์ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับจากการขับเคลื่อนโครงการลงทุนต่างๆในอีอีซี

ดร.คณิศ กล่าวว่า หลังจาก พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีผลบังคับใช้ ช่วงปี 2561 – 2564 ถือเป็นช่วงของการวางเสาเอก และคัดเลือกภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในพื้นที่ ถึงแม้ใน 2 ปีหลังจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ 4 ปีผ่านมา ทาง สกพอ.ก็ได้อนุมัติโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชนไปแล้ว 1.7 ล้านล้านบาท (ภาคเอกชนลงทุน 80% และภาครัฐ 20%) แบ่งเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 654,921 ล้านบาท การลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย 924,734 ล้านบาท และการจัดสรรงบบูรณาการเข้ามาลงในพื้นที่อีก 82,000 ล้านบาท โดยการขับเคลื่อนโครงการลงทุนดังกล่าวส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจดังนี้

  • เกิดการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี เฉลี่ยสูงถึง 2.6 แสนล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2559 (ก่อนมี อีอีซี) มีมูลค่าลงทุนแค่ 1.7 แสนล้านบาท (คิดจากมูลค่าการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ หรือ BOI)
  • เกิดสัดส่วนการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี ต่อประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 52% จาก 36% ก่อนมี อีอีซี
  • เกิดการลงทุนตรงจากต่างประเทศ (FDI) ปี 2561 เพิ่มขึ้นถึง 59% (ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์สงครามการค้า Trade war และโควิด-19 ในช่วงปี 2562-ปัจจุบัน)
  • เกิดการริเริ่ม พัฒนาทักษะบุคลากร สร้างคนตรงกับงาน (อีอีซี โมเดล) ทำให้ประชาชนมีงานทำเพิ่มขึ้นถึง 14,467 คน พร้อมมีแผนขยายผลผูกพันเพิ่มเติมอีกกว่า 150,000 คน
  • เกิดความร่วมมือกับสถาบันการเงินของรัฐ เสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ ชุมชนคนพื้นที่ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำไปฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบช่วงโควิด-19 โดยได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อธุรกิจประชาชนไปแล้ว 7,672 ราย คิดเป็นมูลค่า 1,052.7 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการขนาดรายเล็ก 1,359 ราย คิดเป็นมูลค่า 1,986.8 ล้านบาท
  • เกิดการพัฒนาและยกระดับชีวิตชุมชนครบมิติ อาทิ แผนเกษตรสมัยใหม่ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ดี มั่นคง โดยใช้เทคโนโลยีผลิตสินค้าตรงความต้องการของตลาด ส่งเสริมการลงทุนศูนย์บริการจีโนมิกส์ในอีอีซี รักษาตรงจุด เข้าถึงได้ทุกคน และแผนการพัฒนาท่องเที่ยว NEO Pattya สร้างเศรษฐกิจชุมชนที่ยั่งยืน เสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ ชุมชนคนพื้นที่ เข้าถึงแหล่งเงินทุนต่อยอดกิจการคลายผลกระทบช่วงโควิด-19 เป็นต้น

ดร.คณิศ กล่าวต่อว่า สำหรับในปี 2565 อีอีซียังคงเดินหน้าสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งต่อไป ตามขับเคลื่อนแผนลงทุนในพื้นที่อีอีซี ระยะที่ 2 (ปี 2565-2569) ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาโครงการลงทุนเพิ่มอีก 2.2 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี จากการต่อยอดโครงสร้างพื้นฐาน 2 แสนล้านบาท ดึงดูดการลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ปีละ 4 แสนล้านบาท เพื่อให้เกิดการลงทุนนวัตกรรมใหม่เคียงคู่สิ่งแวดล้อม รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจประเทศขยายตัวได้ตามเป้าหมาย (GDP) 5% ต่อปี ซึ่งจะช่วยผลักดันการส่งออกสินค้าและบริการของไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ จะเกิดการพลิกโฉมการศึกษาพัฒนาทักษะบุคลากรโดยเฉพาะด้านดิจิทัล ที่จะสร้างตำแหน่งงานใหม่ รายได้มั่นคง โดยอีอีซี ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างเศรษฐกิจให้มีความมั่นคงจากฐานราก ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางก้าวสู่ประเทศพัฒนาภายในปี 2572 รวมทั้งยกระดับคุณภาพชุมชนในมิติต่างๆ ต่อเนื่อง สร้างรายได้ที่มั่นคง สร้างชุมชนที่มั่งคั่ง ให้กับคนไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต พร้อมทั้งเป็นองค์กรต้นแบบการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษทั่วประเทศในอนาคตต่อไป

ที่ประชุม กพอ.รับทราบ ความก้าวหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลัก ซึ่งถือเป็นความสำเร็จสำคัญของอีอีซีในการผลักดันการลงทุนร่วมภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) จนครบทุกโครงการ โดยในไตรมาส 1 ปี 2565 นี้ ทุกโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูง , สนามบินอู่ตะเภา , ท่าเรือมาบตาพุด และแหลมฉบัง จะสามารถเดินหน้าก่อสร้างได้ตามแผนงานทั้งหมด ถือเป็นต้นแบบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ไม่ต้องพึ่งพิงเงินกู้ต่างประเทศเหมือนในอดีต โดยใช้เงินไทย ใช้บริษัทไทย ใช้คนไทย ร่วมสร้างประเทศไทยที่แข็งแกร่งผ่านโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนไทย ซึ่งเป็นแกนหลักในการนำพันธมิตรต่างชาติมาร่วมลงทุน สร้างงาน สร้างเงินให้คนไทย คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 654,921 ล้้านบาท ซึ่งจะทำให้รัฐได้รับผลตอบแทนสูงถึง 210,352 ล้้านบาท

นอกากนี้ที่ประชุม กพอ. ยังรับทราบความก้าวหน้าโครงการพัฒนาศูนย์บริการทดสอบการแพทย์จีโนมิกส์ในพื้นที่ อีอีซี เพื่อยกระดับให้ชุมชนได้เข้าถึงบริการสาธารณสุข และแผนการขับเคลื่อนการรักษาแบบการแพทย์แม่นยำ โดยเร่งส่งเสริมให้เกิดการลงทุนศูนย์บริการจีโนมิกส์ในอีอีซี และบริการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจุบันสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และ สกพอ. ได้ลงนามในสัญญาจ้าง และสัญญาเช่าที่กับกิจการร่วมค้าไทยโอมิกส์ เพื่อถอดรหัสพันธุกรรมประชาชน 50,000 ราย ในระยะเวลา 5 ปี และจัดเก็บเป็นข้อมูลรหัสพันธุกรรมมาใช้ในการวินิจฉัยโรค และเลือกวิธีการรักษาโรคที่ถูกต้อง ทั้งนี้ เพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับการวินิจฉัยโรคที่แม่นยำ รักษาได้ตรงอาการ และมีสุขภาพดี