ThaiPublica > ประเด็นร้อน > เชื่อมโลกให้ไทยแล่น > เปิดสัมปทาน “ศูนย์ซ่อมอากาศยาน” มิ.ย.65 ยก “อู่ตะเภา” สู่มหานครการบินครบวงจร

เปิดสัมปทาน “ศูนย์ซ่อมอากาศยาน” มิ.ย.65 ยก “อู่ตะเภา” สู่มหานครการบินครบวงจร

30 ธันวาคม 2021


EEC เตรียมชง กพอ.เปิดประมูลสัมปทานเช่าที่ดิน 905 ไร่ 30 ปี ก่อสร้าง “ศูนย์ซ่อมอากาศยาน” ภายใน มิ.ย.2565 เดินหน้ายกระดับ “สนามบินอู่ตะเภา” สู่มหานครการบินอย่างครบวงจร คาดสร้างเสร็จพร้อมให้บริการปี 2568 สร้างรายได้นำส่งคลังกว่า 10,000 ล้านบาท

หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) คัดเลือกบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์ เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) เป็นผู้ดำเนินในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกบนเนื้อที่ 6,500 ไร่ ให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ EEC เชื่อมโยงสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ด้วยโครงการรถไฟความเร็วสูง ถือเป็นสนามบินแห่งที่ 3 ของกรุงเทพมหานคร โดยใช้รูปแบบของการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน หรือ “PPP” ที่ประสบความสำเร็จและมีความคืบหน้าไปพอสมควร ซึ่งภายใต้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

ส่วนแรก ภาคเอกชนลงทุน ดำเนินการโดยบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์ เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) จะประกอบด้วย
1. ส่วนของอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 3 ซึ่งมีขนาดพื้นที่กว่า 450,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับผู้โดยสารกว่า 60 ล้านคนต่อปี ภายในอาคารจะติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ทันสมัย เช่น ระบบการเช็คอินอัตโนมัติ (smart airport) , ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (automate people mover: APM)
2. ส่วนของคลังสินค้า, cargo village และ free trade zone มีขนาดพื้นที่กว่า 470,000 ตารางเมตร รองรับการขนส่งสินค้าและศูนย์กระจายสินค้ากว่า 3 ล้านตันต่อปี
3. ศูนย์ขนส่งภาคพื้นดิน (ground transportation center: GTC) ขนาดพื้นที่ 30,000 ตารางเมตร เชื่อมโยงกับการเดินทางในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ รถไฟความเร็วสูง, รถบัส , แท็กซี่ เข้าสู่อาคารผู้โดยสารสนามบินอู่ตะเภาหลังใหม่ และพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ (commercial gateway) อย่างรวดเร็วและไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้าปลอดอากร , ภัตตาคาร , โรงแรม , อาคารศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้า , อาคารพักอาศัยและอาคารสำนักงาน เป็นต้น

  • “อีอีซี-บีบีเอส” เซ็นร่วมทุน 3 แสนล้าน ลุยพัฒนา “อู่ตะเภา” สนามบินนานาชาติแห่งที่ 3
  • “อู่ตะเภา มหานครการบิน” 50 ปี ฝันที่เป็นจริงของ “ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” เจ้าพ่อ Boutique Airline
  • ส่วนที่ 2 ภาครัฐลงทุน ประกอบด้วย ทางวิ่งมาตรฐาน 2 ทางวิ่ง ความยาว 3,500 เมตร สามารถรองรับเครื่องบินพาณิชย์ได้ทุกขนาด ขึ้นลงได้ทั้ง 2 ทางวิ่งอย่างอิสระต่อกัน โดยมีหลุมจอดเครื่องบินประมาณ 170 หลุมจอด รวมทั้งลงทุนพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Aviation Technical Zone : ATZ) บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ สนับสนุนอุตสาหกรรมการบินอย่างครบวงจร ประกอบด้วย ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน , ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบินและอวกาศ , โรงผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น , โรงผลิตน้ำประปา , โรงบำบัดน้ำเสีย , บริการเติมเชื้อเพลิงอากาศยาน และก่อสร้างอาคารหอบังคับการบิน ดำเนินการโดยบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด สามารถให้บริการการขึ้นลงของอากาศยานได้สูงสุด 70 เที่ยวบินต่อชั่วโมง โดยการลงทุนทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างงแล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568

    ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

    ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้จัดทำ “International Market Sounding” ครั้งที่ 1 เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวน และสำรวจความต้องการของนักลงทุนจากต่างประเทศที่มีความสนใจจะเข้ามาลงทุนในพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ที่ สกพอ. เตรียมไว้ใช้ในการพัฒนา “ศูนย์ซ่อมอากาศยาน แบบครบวงจร” คาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลคัดเลือกเอกชนเข้ามาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวได้ภายในช่วงกลางปี 2565 โดย ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ. เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมการบิน (ATZ) ว่า ขณะนี้ สกพอ.ได้ทำ Market Sounding ครั้งที่ 1 ไปแล้ว มีนักลงทุนด้านอุตสาหกรรมการบินทั้งทางฝั่งยุโรปและเอเชียประมาณ 50 – 60 ราย ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังกิจกรรมต่าง ๆภายในพื้นที่อุตสาหกรรมการบิน โดยเป้าหมายของการจัดทำ Market Sounding ครั้งนี้ ก็เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม ATZ ภายในสนามบินอู่ตะเภา พร้อมทั้งถือโอกาสเชิญชวน และสำรวจตลาดต้องการต่าง ๆ ของนักลงทุน (Requirements) ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม ATZ เพื่อนำไปออกแบบแผนแม่บท , วางผังภายในพื้นที่ ATZ รวมทั้งยกร่างหนังสือเชิญชวน และกำหนดเงื่อนไขของ TOR ซึ่งจะมีการจัดทำ Market Sounding อีกครั้ง ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) และคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พิจารณาเห็นชอบ ให้เปิดดำเนินการคัดเลือกเอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาพื้นที่กิจกรรม ATZ ภายในเดือนมิถุนายน 2565 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 ถึงเดือนธันวาคม 2567 พร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2568

    นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สกพอ.

    สำหรับรายละเอียดของกิจกรรมในพื้นที่ศูนย์ซ่อมอากาศยาน แบบครบวงจรมีอะไรบ้างนั้น นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สกพอ. กล่าวว่า โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน แบบครบวงจร หรือ ที่เรียกว่า “Aviation Technical Zone” นั้น สกพอ.ได้จัดแบ่งพื้นที่ในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน เตรียมไว้ให้เอกชนเช่ากว่า 1,000 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ให้เช่าเพื่อประกอบกิจการให้บริการสาธารณูปโภคสนับสนุนกิจการภายในสนามบินประมาณ 154 ไร่ เช่น โรงไฟฟ้า , โรงผลิตน้ำประปา , โรงงานบำบัดน้ำเสีย และกำจัดขยะ เป็นต้น รวมทั้งกันพื้นที่เอาไว้ก่อสร้างถนนส่วนกลางประมาณ 44 ไร่ เหลือพื้นที่ที่จะนำมาพัฒนาเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแบบครบวงจรอีกประมาณ 905 ไร่ซึ่งโครงการนี้ถูกบรรจุอยู่ในแผนพัฒนาอุตสาหกรรมอากาศยานของกระทรวงคมนาคม โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ทำการศึกษาและมีความเห็นในเบื้องต้นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความเหมาะสมที่จะนำมาจัดตั้งเป็น “นิคมอุตสาหกรรมการบิน” อันได้แก่ กิจกรรมซ่อมบำรุง (MRO) , กิจกรรมผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน (OEM) และกิจกรรมพัฒนาบุคลากรด้านการบิน (Human Resource: HR) เป็นต้น

    “อุตสาหกรรมซ่อมบำรุงอากาศยานนั้น ถือเป็นกิจกรรมที่ใหญ่ การซ่อมบำรุงเครื่องบิน 1 ลำ มีทั้งซ่อมหนัก-ซ่อมเบา , ซ่อมตัวถังเครื่องบิน หรือ “Body” , ซ่อมเครื่องยนต์ , อุปกรณ์ควบคุมเครื่องบิน , อุปกรณ์ตบแต่งภายในอากาศยาน และมีอะไหล่ชิ้นส่วนต่าง ๆมากมาย ดังนั้น นักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานนั้นต้องมีประสบการณ์ และมีมาตรฐานด้านเทคนิคการซ่อมบำรุงขั้นสูง และที่สำคัญต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานทักษะขั้นสูง ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ”นายโชคชัย กล่าวว่า

    ดังนั้น สกพอ.จึงได้จัดทำผัง เพื่อแบ่งพื้นที่สำหรับประกอบกิจการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน แบบครบวงจร หลักๆก็แบ่งออกเป็น 4 โซน สนับสนุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกให้เป็น “ศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมอากาศยานในภูมิภาคนี้” มีรายละเอียดดังนี้

      1) กันพื้นที่ 323 ไร่ เอาไว้ก่อสร้างทางวิ่ง (Taxi Way) และลานจอดเครื่องบินจำนวน 44 หลุมจอด เพื่อลำเลียงเครื่องบินเข้ามาจอดที่ลาน รอการซ่อมบำรุง หรือ จอดระยะยาวในกรณีที่ต้องซ่อมหนัก
      2) จัดแบ่งพื้นที่ 375 ไร่ สำหรับก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแบบครบวงจร (Aviation Technical Zone: ATZ) นอกจากนี้ยังสำรองพื้นที่เอาไว้อีก 100 ไร่ เตรียมไว้ให้บริษัท การบินไทย กรณีมีความประสงค์จะประกอบกิจการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO)
      3) กันแบ่งพื้นที่ 50 ไร่ ก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอุปกรณ์สนับสนุนการบิน หรือ “Aviation Support Equipment Maintenance Center)
      4) ก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน และพื้นที่ส่วนกลางต่าง ๆ รวมพื้นที่ 157 ไร่

    ส่วนรายละเอียดของแต่ละพื้นที่ที่ สกพอ.นำมาพัฒนาและจัดกิจกรรมภายในศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานนั้น ในเบื้องต้นจะประกอบไปด้วย

      1) กิจกรรมซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance Repair and Overhaul : MRO) เช่น ซ่อมบำรุงตามระยะเวลา , ซ่อมบำรุงเบา ,ซ่อมบำรุงหนัก , บริการพ่นสี , ซ่อมบำรุงเครื่องบินเสียมีปัญหา ,ดัดแปลงเครื่องยนต์ (Modification)
      2) กิจกรรมศูนย์บริการอะไหล่อากาศยาน (Spare Parts Center and Logistics) เช่น บริการจัดหาและขนส่งอะไหล่ชิ้นส่วนเครื่องบิน , เครื่องยนต์ , ล้อ และสต็อกอะไหล่อุปกรณ์ชิ้นส่วนเครื่องบิน สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอะไหล่ชิ้นส่วนเครื่องบินในอนาคต นอกเหนือจากการเป็นฐานการผลิตอะไหล่ชิ้นส่วนยานยนต์
      3) กิจกรรมศูนย์บริการอุปกรณ์ภาคพื้น (Ground Support Equipment : GSE) เช่น รถขนส่งผู้โดยสาร , รถขนส่งสินค้า , คลังสินค้า
      4) กิจกรรมการซ่อมบำรุงอุปกรณ์อากาศยาน (Aircraft Component Workshop) เช่น บริการเปลี่ยน หรือ ซ่อมล้อเครื่องบิน ผ้าเบรก แบตเตอรี่ น้ำมันเครื่องบิน

      5) กิจกรรมการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์อากาศยาน (Engine Workshop) เช่น ประกอบ หรือ ถอดเครื่องยนต์ เปลี่ยนโมดูล อะไหล่เครื่องยนต์ และตรวจสอบเครื่องยนต์
      6) กิจกรรมล้างทำความสะอาดเครื่องบิน (Aircraft Washing Facility)
      7) กิจกรรม Aircraft Long Term Parking Area สำหรับอากาศยานที่เสียและต้องใช้เวลาการซ่อมระยะยาว อากาศยานที่รอการจำหน่าย (Phase-Out and Part-Out Area)
      8) กิจกรรมฝึกอบรมช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน (Aircraft Mechanics Technical Training) โดยสถาบันการบินพลเรือน ดำเนินการฝึกอบรมบุคลากร ทั้งทางด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน และด้านการรักษาความปลอดภัย (Aviation Safety and Security) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมอุตสาหกรรมการบิน

    นายโชคชัย กล่าวต่อว่า สำหรับผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำพื้นที่ของรัฐมาพัฒนาเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงแบบครบวงจร โดยเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนเช่าพื้นที่เป็นเวลา 30 ปีนั้น คาดว่าจะทำให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ EEC คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท สร้างรายได้จากค่าเช่าให้กับรัฐบาลมากกว่า 10,000 ล้านบาท และที่สำคัญก่อให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้นำไปสู่การยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้มีความสามารถในการผลิตบุคลากรที่มีทักษะสูงตามมาตรฐานสากล ป้อนอุตสาหกรรมการบิน ทำให้เกิดการจ้างแรงงานทักษะสูงเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3,000 คน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนของการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมการบิน และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชีย (Aviation Hub) เป็นอีก 1 โครงการที่ สกพอ.จะดำเนินการในปีหน้านี้