นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าปีที่แล้วเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ของทั่วทั้งยุโรป ทำลายสถิติอุณหภูมิสูงสุดครั้งก่อนหน้าไปไกลมาก
โดยอุณหภูมิทั่วทั้งยุโรปสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวระหว่างปี 1981-2010 ถึง 1.9 องศาเซลเซียส และสูงกว่าสถิติอุณหภูมิสูงสุดครั้งก่อน 0.5 องศาเซลเซียส
จากรายงานเมื่อต้นปีนี้ยืนยันว่าปี 2020 เป็นปีที่ร้อนที่สุดของยุโรปและติด 1 ใน 3 ที่ร้อนที่สุดจากทั่วโลก
ดร.โรเบิร์ต ดันน์ นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศอาวุโส จากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งสหราชอาณาจักร (UK Met Office) กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องที่ต้องลุกขึ้นมาให้ความสนใจ ไม่ใช่เพียงแค่อุณหภูมิที่สูงขึ้น ยังมีเหตุการณ์รุนแรง คลื่นความร้อนที่เราได้เห็นทั้งในปีนี้และปีที่แล้ว เราได้เห็นถึงผลกระทบเหล่านี้ทั่วโลก”
รวมถึงนักวิจัยคนอื่น ๆ ยังเห็นพ้องกันว่าระดับความร้อนที่ทำลายสถิติในยุโรปนั้นน่าหนักใจ
ความร้อนทั่วยุโรปทำให้เกิดความแตกต่างของอุณหภูมิเฉลี่ยระยะยาวในบางประเทศกับเอสโตเนีย ฟินแลนด์ และลัตเวีย ถึง 2.4 องศาเซลเซียส
โดยรวมแล้ว ตั้งแต่ปี 2014 ถือว่าเป็น 5 ปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ของยุโรป
นอกจากนี้อีกส่วนหนึ่งของโลกที่กำลังประสบกับภาวะโลกร้อนอย่างรวดเร็วคืออาร์กติก
รายงานสถานะสภาพภูมิอากาศปี 2020 (State of the Climate 2020) จากสมาคมอุตุนิยมวิทยาอเมริกัน (American Meteorological Society: AMS) กล่าวว่าอุณหภูมิในแถบอาร์กติกก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
อุณหภูมิบนพื้นดินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยปี 1981-2010 ถึง 2.1 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึกเมื่อ 121 ปีที่แล้ว และยังเป็นปีที่ 7 ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีสูงกว่าค่าเฉลี่ย 1 องศาเซลเซียส
การค้นพบหลักของรายงานสถานะสภาพภูมิอากาศปี 2020 (State of the Climate 2020)
แม้ว่าปริมาณน้ำฝนทั่วโลกจะไม่ได้สูงผิดปกติในช่วงปี 2020 แต่ไอน้ำในบรรยากาศโดยรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งความชื้นที่สูงขึ้นจะไปเพิ่มผลกระทบต่อมนุษย์
เมื่อนำตัวชี้วัดเหล่านี้มารวมกัน แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่งานวิจัยหนึ่งเรียกว่า “ความปกติใหม่ของเรา”
ดร.เคท วิลเล็ตต์ จากสำนักงานอุตุนิยมวิทยา (Met Office) กล่าวว่า “สภาพอากาศของเราเปลี่ยนแปลงไปแล้วและมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงต่อไปอีก เว้นแต่ว่าตัวขับเคลื่อนหลักอย่างก๊าซเรือนกระจกจะถูกควบคุม”