ThaiPublica > Sustainability > NaTive AD > K-SUSTAIN-UI ลงทุนวิถีใหม่ รับผลตอบแทน
บนเมกะเทรนด์ความยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ LONG – SHORT กองแรกของไทย

K-SUSTAIN-UI ลงทุนวิถีใหม่ รับผลตอบแทน
บนเมกะเทรนด์ความยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ LONG – SHORT กองแรกของไทย

31 พฤษภาคม 2021


นางสาวศิริพร สุวรรณการ Managing Director – Financial Advisory Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย

ความยั่งยืนกำลังเป็นเมกะเทรนด์ในโลกการลงทุน…ใน ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นปัญหามากขึ้นอันเป็นผลจากการใช้พลังงาน ใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลือง ในการสร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในรอบหลายสิบปี รวมทั้งยังเห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่รุนแรงมากขึ้นในทั่วทุกมุมโลก หากไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว โลกที่เราอยู่ในปัจจุบันจะไม่ยั่งยืน การขับเคลื่อนไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อโลกที่สะอาดและยั่งยืนกว่าจึงกลายเป็นกระแสหลักที่เกิดขึ้นกับผู้คนทั่วโลก ภาคธุรกิจต้องขยับปรับตัว และส่งผลต่อภาคการลงทุนที่จะต้องอยู่ในเมกะเทรนด์นี้ด้วยเช่นกัน

เจาะกรณีศึกษาจาก KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) ผู้ให้บริการการบริหารความมั่งคั่งอย่างครบวงจร แก่ลูกค้าธนาคารกสิกรไทย ที่มีเงินฝากและเงินลงทุนกับธนาคาร ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้งดำเนินธุรกิจโดยใช้ กลยุทธ์ 3S ประกอบด้วย Sustainability ผลักดันให้เกิดการลงทุนที่สนับสนุนระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน Sharing ถ่ายทอดความรู้เรื่องการบริหารจัดการกองทุนมูลนิธิแก่องค์กรของไทย เอื้อให้เกิดผลตอบแทนต่อเนื่อง และสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมต่อได้อย่างเต็มศักยภาพและ S-curve ให้ความสำคัญในการปรับตัว สร้างโอกาสในการกลับมาเติบโตใหม่ หรือ S-Curve ใหม่ เข้าสู่ New Economy

จะพบว่าที่ผ่านมาเคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ได้นำเสนอกองทุนภายใต้ธีมความยั่งยืนแก่ลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวโน้มที่กำลังมาแรง จากเงินทุนไหลเข้าและกองทุนใหม่ ๆ ในตลาด ไม่ว่าจะเป็น K-HIT K-CHANGE และ K-CLIMATE ซึ่งเป็นแสดงให้เห็นว่าการลงทุนอย่างยั่งยืน ไม่ได้จำกัดเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ บริการทางการเงิน และโอกาสทางการศึกษา เพื่อช่วยยกระดับสังคม และความเป็นอยู่ของคนในสังคมให้เท่าเทียมกันด้วย

ล่าสุด เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง เดินหน้าตอกย้ำแนวทางการขับเคลื่อนภาคการลงทุนไทยสู่ความยั่งยืนทั้งในมิติของกระบวนการและเป้าหมาย ร่วมกับ บลจ.กสิกรไทย โดยได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับโลก JP Morgan Asset Management อีกครั้ง แนะนำกองทุน K-SUSTAIN-UI (K Sustainable Long-Short Fund Not for Retail Investors) ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่สร้างกำไร ทั้งจากหุ้นที่ได้รับประโยชน์และเสียประโยชน์จากการเปลี่ยน แปลงแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นไปสู่ความยั่งยืน

นางสาวศิริพร สุวรรณการ Managing Director – Financial Advisory Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้งเชื่อว่าเทรนด์ลงทุนด้านความยั่งยืนเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว จึงได้ผลักดันแนวคิดการลงทุนในธีมธุรกิจเพื่อความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันทุกเม็ดเงินที่ลงทุนยังสนับสนุนธุรกิจที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้แก่โลกอย่างแท้จริง”

ลงทุนใน 5 กลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ความยั่งยืน

K-SUSTAIN-UI จะทำการลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds – Multi-Manager Sustainable Long-Short Fund, Class JPM S2 (perf) (acc) – USD ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ซึ่งกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนใน 5 กลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงและสร้างความเติบโตโดยไม่ทิ้งความเสียหายไว้กับโลก (Sustainability Megatrend) ได้แก่

1. การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) การปรับเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาดเช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ
2. การดูแลสุขภาพ (Health and Wellness) การพัฒนาเทคโนโลยีทางการแทพย์ให้รักษาโรคได้เร็วและตรงจุด รวมทั้งสามารถเข้าถึง เช่น บริการทางแพทย์ทางไกล
3. โอกาสในการเข้าถึงการศึกษาหรือบริการทางการเงินอย่างเท่าเทียม (Empowerment) ลงทุนในบริษัทที่ส่งเสริมยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมความเท่าเทียมทางสังคม ความเป็นอยู่ของชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้งการเข้าถึงบริการทางการเงิน
4. การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Resource Efficiency) การผลักดันการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่คุ้มค่า ประหยัด การปลูกป่าทดแทน การรักษาคุณภาพดินและน้ำ รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการจัดการน้ำ เทคโนโลยีบำบัดน้ำ
5. เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Technology for Sustainability) ซึ่งนับว่าเป็น backbone ของทุกการพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน ช่วยผลักดันความยั่งยืนได้เร็วขึ้น เช่น การผลิตชิป การปรับการผลิตให้ดีขึ้นลดการสิ้นเปลืองพลังงาน หรือเทคโนโลยีการปกป้องข้อมูลทางไซเบอร์

กองทุนยั่งยืนแรกและหนึ่งเดียวของไทยที่ใช้ LONG – SHORT Strategy

K-SUSTAIN-UI กองทุนยั่งยืนกองแรกและกองเดียวของไทย ที่ใช้ LONG – SHORT Strategy เน้นลงทุนสร้างกำไร ทั้งจากหุ้นที่ได้รับประโยชน์และเสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นไปสู่ความยั่งยืน

โดยทั่วไปกลุ่มธุรกิจที่สามารถปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้ จะได้รับประโยชน์จากกำไร และการเติบโตที่มากขึ้น จะกลายเป็นผู้ชนะ ในขณะที่บริษัทที่ไม่สามารถปรับตัวได้จะเผชิญกับความเสี่ยงกับการถดถอย และกำไรที่ลดลงของบริษัท แล้วกลายเป็นผู้แพ้ได้ในที่สุด

“K-SUSTAIN-UI ต่างจากกองทุนอื่นๆ คือ เน้นโอกาสมหาศาลจากกระแสการพัฒนาไปสู่ความยั่งยืนด้วยกลยุทธ์ Long-Short และเราเชื่อใน การเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างสู่ความยั่งยืน สร้างสรรค์เศรษฐกิจไปพร้อมๆ กับดูแลสิ่งแวดล้อมและชีวิต องค์กรที่ดำเนินการตามหลักการยั่งยืน จะสร้างกำไรที่มั่นคงในอนาคต และจะเป็นหุ้นที่จะอยู่รอดในอนาคต และเป้าหมายการลงทุนไม่ได้เพื่อหวังผลตอบแทนอย่างเดียว แต่คาดหวังว่าเงินจะสร้างความยั่งยืน ที่ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิต”

นางสาวศิริพร กล่าวว่า จุดเด่นของ K-SUSTAIN-UI ข้อแรก คือ การใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ Long-Short โดยจะซื้อ (Long) หุ้นที่จะสร้างผลการดำเนินงานที่ดีในอนาคตจากการปรับเปลี่ยนสู่ความยั่งยืน ซึ่งยังไม่สะท้อนในราคาหุ้น และจะขาย Short หุ้น หรือธุรกิจที่เป็นผู้แพ้ในอนาคต ซึ่งราคาปัจจุบันซึ่งยังอยู่ในระดับสูง เพราะธุรกิจยังไม่ถดถอย แต่ไม่มีความสามารถปรับตัวไปสู่ความยั่งยืน แต่ระยะยาวราคาจะลดลงจากการเป็นผู้แพ้ รวมทั้งดัชนีตลาดเพื่อลดความเสี่ยงช่วงขาลง

ตัวอย่างหุ้นที่จะขาย Short คือ หุ้นที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยมลพิษ น้ำเสีย ส่วนหุ้นที่จะซื้อหรือ Long คือ หุ้นที่ในธีม Energy Transition ปรับเปลี่ยนไปสู่ ธุรกิจพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น

จากข้อมูลย้อนหลัง กลยุทธ์ Long-Short ทำผลตอบแทนได้ดีกว่า โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดผันผวน เพราะราคาหุ้นยั่งยืนจะลดลงน้อยกว่าตลาดและหุ้นทั่วไป และเมื่อตลาดขาขึ้นราคาก็จะปรับขึ้นมากว่าตลาดและหุ้นทั่วไป เช่น ในปี 2558 หุ้นพลังงานทั่วไปใน MSCI Energy ลดลงกว่า 20% แต่หุ้นพลังงานหมุนเวียนใน MSCI Renewable ปรับตัวสูงขึ้น การ long 100% ในหุ้น พลังงานหมุนเวียนและการ short 40% ในหุ้นพลังงานทั่วไป หรือมีสถานะสุทธิ net long 40% กลยุทธ์ long-short ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าการลงทุนทั่วไป

การทำผลตอบแทนจากกลยุทธ์ Long-Short ยังเห็นได้ชัดในปี 2561 และปี 2563 ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกตก หุ้นพลังงานทั่วไปตกแรง แต่หุ้นพลังงานหมุนเวียนตกเล็กน้อย จึงมีผลตอบแทนเป็นบวกจากการขาย Short

หรือแม้แต่ในปี 2562 ที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น หุ้นพลังงานหมุนเวียนและหุ้นพลังงานทั่วไปก็ปรับเพิ่มขึ้น การลงทุนด้วยกลยุทธ์ Long-Short ก็ยังเป็นบวก

ด้วยสภาพคล่องท่วมหลายตลาดหุ้นทำสถิติสูงสุด เกิดความกังวลเรื่องฟองสบู่ ไปจนถึงความกังวลว่าจะเกิดวิกฤติหรือไม่ กลยุทธ์ที่เหมาะกับสถานการณ์แบบนี้ คือ การซื้อหุ้นในธุรกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืน และขาย Short หุ้นที่แพงเกินไป และใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงช่วงตลาดขาลง

ผู้จัดการกองทุนเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และหลากหลาย

จุดเด่นของ K-SUSTAIN-UI ข้อสอง คือ การมีผู้จัดการกองทุนหลายคน ด้วยประสบการณ์ของ JP Morgan Asset Management ที่สามารถเฟ้นหาผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม มาเป็นผู้จัดการกองทุนย่อย หรือ Sub-Advisor ทั้งหมด 7 กอง
1.ตลาดเกิดใหม่
2.ตลาดจีน
3.ตลาดยุโรป
4.กลุ่มสุขภาพ
5.กลุ่มสาธารณูปโภค
6.กลุ่มผู้บริโภค เทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม และ
7.การมีส่วนร่วมการเปลี่ยนแปลงบริษัทผ่านการถือหุ้น

JP Morgan เป็นผู้จัดการกองทุนหลัก ใช้ประสบการณ์กว่า 25 ปีในการคัดเลือก Sub-Advisor จำนวน 7 ราย ผ่านการใช้ฐานข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กับผู้จัดการทั่วโลก แต่ละรายมีความเชี่ยวชาญสอดคล้องกับธีมการ ลงทุน ให้ K-SUSTAIN-UI ตามความเชี่ยวชาญ เช่น Asymmetry Capital Management ที่ตั้งขึ้นในปี 2554 มีผู้จัดการกองทุนเคยทำงานในอุตสาหกรรมยาและ สุขภาพมากว่า 20 ปี หรือ Temblant มีผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่ LyGh Capital เชี่ยวชาญตลาดจีน

“ผู้จัดการกองทุนเหล่านี้ จะมาช่วยบริหารการลงทุนภายใต้ 5 ธีมความยั่งยืนที่กล่าวข้างต้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้กลยุทธ์ Long – Short สามารถสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกในทุกวัฏจักร จัดการผ่านช่วงเวลาที่หุ้นมีความผันผวนได้ดี และสามารถทำกำไรจากการขายหุ้น (Short) ได้”

“ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนหลัก JPMorgan Funds – Multi-Manager Sustainable Long-Short Fund, Class JPM S2 (perf) (acc) – USD เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ให้ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 15.53% (ข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2564) และด้วยกลยุทธ์ Long-Short และความสามารถของ Sub-Advisor ในปี 2563 ในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดัชนีตลาดหุ้นโลก (MSCI World) ปรับลงไปกว่า 21% แต่กองทุนหลักปรับลงเพียง 9.44% เท่านั้น โดย KBank Private Banking แนะนำให้ลงทุนในระยะยาว เพราะยิ่งลงทุนระยะยาว และลงทุนผสม จะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตได้ เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น และ ช่วยโลกยั่งยืนได้อีกด้วย” นางสาวศิริพร กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจจะลงทุนใน K-SUSTAIN-UI ควรทำความเข้าใจกลยุทธ์ Long-Short ก่อน และทำความเข้าใจลักษณะสินค้า/เงื่อนไขผลตอบแทน/ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยเคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้งได้มีจัดทำคลิปสั้นๆ รวมทั้ง Infographic และผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน และขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทที่จัดการและผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน

กองทุน K-SUSTAIN-UI มีระดับความเสี่ยงกองทุน : ระดับ 8+ / ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน : การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน

K-SUSTAIN-UI สำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้น สอบถามข้อมูลบริการเพิ่มเติมติดต่อไพรเวทแบงค์เกอร์ที่ดูแลหรือติดต่อ KBank Private Banking Contact Center 02-8888811

ชมคลิป: สรุปจุดเด่นของ K-SUSTAIN-UI