เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2548 ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุด แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ถึงแนวทางให้บริการวัคซีนโควิด 19 แบบปูพรมทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ระบาด พร้อมแผนคาดประมาณการจัดสรรวัคซีน AstraZeneca เดือนมิถุนายน – กันยายน 2564
โดยมีใจความว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้มีนโยบายให้ทุกคนในประเทศไทยได้รับวัคชีนเพื่อป้องกันโรคโควิด 19 ตามความสมัครใจครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 70 ของประชากร โดยกำหนดให้มีช่องทางการลงทะเบียนและการเข้ารับวัคซีน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) จองผ่าน “หมอพร้อม” (Line OAและ Application) 2) นัดหมายผ่านสถานพยาบาล หรือ อสม. หรือ ผ่านองค์กร และ 3) ลงทะเบียน ณ จุดฉีด (On-site Registration) ตามมติคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 และคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้กำหนดให้การบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ของแต่ละพื้นที่ อยู่ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร นั้น
กรมควบคุมโรค ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ พิจารณาแล้วเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการการให้วัคซีนภายใต้กลไกคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร และให้การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดจึงขอให้จังหวัดดำเนินการ ดังนี้
1.เตรียมความพร้อมจุดให้บริการวัคซีนทั้งในและนอกโรงพยาบาล เช่น ศูนย์การค้าสนามกีฬา ศูนย์ประชุม โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ โดยยึดหลักการป้องกันการแพร่เชื้อในจุดให้บริการมีการสังเกตอาการหลังได้รับวัคซีน 30 นาที เตรียมอุปกรณ์กู้ชีพ และรถพยาบาลพร้อมส่งโรงพยาบาลได้เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน
2. กำหนดช่องทางการลงทะเบียนและการเข้ารับวัคซีน 3 ช่องทาง ดังนี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร สามารถพิจารณาปรับสัดส่วนได้ตามความเหมาะสม
3. จัดระบบการให้บริการฉีดวัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมายจำเพาะ เช่น กลุ่มคณะทูตานุทูต และองค์กรระหว่างประเทศ กลุ่มชาวไทยที่จะขอรับวัคซีนก่อนไปศึกษาต่อ/ทำงานในต่างประเทศ
4. จัดการประชาสัมพันธ์เรื่องช่องทางการรับบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 และการให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมายจำเพาะ ให้ทราบโดยทั่วกัน
ทั้งนี้ ให้สามารถดำเนินการฉีดวัคซีนตามแนวทางให้บริการวัคซีนโควิด 19 แบบปูพรมทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ระบาด พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2564
ประมาณการการจัดสรรวัคซีนมิ.ย.-ก.ย.
พร้อมกันนี้ยังได้ส่งแผนคาดประมาณการจัดสรรวัคซีน AstraZeneca เดือนมิถุนายน – กันยายน 2564 ณ วันที่ 17 พฤษภาคม มาด้วย โดยในแผนระบุว่า ประชากรทะเบียนราษฎร์และแฝงทั่วประเทศมีจำนวน 72,081,042 คน และจากนโยบายให้ทุกคนในประเทศไทยได้รับวัคชีนเพื่อป้องกันโรคโควิด 19 ตามความสมัครใจครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 70 ของประชากรนั้นจะต้องประชากรที่ได้วัคซีนจำนวน 50,456,732 คน
ทั้งนี้ประมาณการว่าประชากรที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนมีนาคม-พฤษภาคมมี 2,040,641 คน จำนวนประชากรที่รอการจัดสรรวัคซีน 47,122,483 คน
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติฯประมาณการการจัดสรรวัคซีน AstraZeneca ทั่วประเทศเข็มที่ 1 มิถุนายน-กันยายน 2564 ไว้ดังนี้ คือในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคมจะได้รับการจัดสรรวัคซีน AstraZeneca โดยเดือนมิถุนายน จัดสรรวัคซีน 6,333,000 คน กรกฎาคม 9,627,000 คน สิงหาคม 9,860,000 แต่ในเดือนกันยายนจะจัดสรรวัคซีน AstraZeneca, Johnson&Johnson และPfizer รวมกัน 21,283,000 คน
อย่างไรก็ตามแผนการจัดสรรวัคซีนดังกล่าว อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 และจำนวนวัคซีนที่จัดหาได้
แนวทางฉีดวัคซีนทั่วประเทศ
สำหรับแนวทางให้บริการวัคซีนโควิด 19 แบบปูพรมทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ระบาด ที่จะเริ่มพร้อมกัน 7 มิถุนายน 2564 มีดังนี้
1.เตรียมความพร้อมจุดให้บริการวัคซีนทั้งในและนอกโรงพยาบาล เช่น ศูนย์การค้า สนามกีฬา ศูนย์ประชุม โรงงานอุตสาหกรรม ฯล ฯ โดยยึดหลักการป้องกันการแพร่เชื้อในจุดให้บริการ มีการสังเกตอาการ หลังได้รับวัคซีน ๓0 นาที เตรียมอุปกรณ์กู้ชีพและรถพยาบาลพร้อมส่งโรงพยาบาลได้เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน
2. กำหนดกลุ่มเป้าหมายในการเข้ารับบริการ ดังนี้
3. กำหนดช่องทางการลงทะเบียนและการเข้ารับวัคซีน 3 ช่องทาง ดังนี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร สามารถพิจารณาปรับสัดส่วนได้ตามความเหมาะสม
4. ช่องทาง “หมอพร้อม” ปัจจุบันเปิดให้จองสำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม จะเริ่มขยายการเปิดจองสำหรับการฉีดวัคซีนสำหรับประชาชนทั่วไป ซึ่งช่องทาง “หมอพร้อม ” นี้มีแผนจะขยายเพื่อรองรับการจองรับวัคซีนของชาวต่างชาติในระยะถัดไป
5. ช่องทาง “นัดหมายผ่านสถานพยาบาล หรือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)หรือ ผ่านองค์กร”
1)การนัดหมายผ่านสถานพยาบาล หรือ อสม. ประชาชนสามารถติดต่อโดยตรงกับสถานพยาบาล หรือ อสม. เพื่อทำการนัดหมายฉีดวัคซีน
2)การนัดหมายผ่านองค์กร องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทย ที่มีความประสงค์ จะขอรับวัคซีนให้กับบุคลากรสามารถแจ้งความประสงค์ไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด (แจ้งหนังสือไปยังนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด) และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร (แจ้งหนังสือไปยังผู้อำนวยการสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร) ดังนี้
6.ช่องทาง “ลงทะเบียน ณ จุดฉีด (On-site Registration)” สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำการนัดหมายล่วงหน้า ให้คณะกรรมกาโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครกำหนดสถานพยาบาลในเขตรับผิดชอบที่จะให้บริการแบบลงทะเบียน ณ จุดฉีด (On-site Registration) ได้เองตามบริบทพื้นที่ ให้สามารถเปิดบริการได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ในกรณีที่จุดบริการใดมีความพร้อมสามารถเปิดให้บริการนำร่องก่อนได้
7. จัดระบบการให้บริการฉีดวัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมายจำเพาะ ดังนี้
1)กลุ่มคณะทูตานุทูตและองค์กรระหว่างประเทศ สามารถเข้ารับวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป
2)กลุ่มชาวไทยที่จะขอรับวัคซีนก่อนไปศึกษาต่อ/ทำงานในต่างประเทศ สามารถเข้ารับวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป
ประเภทผ่านองค์กร เช่น หน่วยงานผู้ให้ทุนการศึกษา สถานประกอบการ
กรณีประสงค์จะรับวัคซีนเป็นรายบุคคล สามารถลงทะเบียนและการเข้ารับวัคซีนได้นอกจาก 3 ช่องทาง หมอพร้อม นัดหมายผ่านสถานพยาบาล หรือ อสม.ลงทะเบียน ณ จุดฉีด (On-site Registration) แล้ว ในเขตกรุงเทพมหานคร ยังสามารถเข้ารับบริการได้ที่โรงพยาบาลบางรักอีกแห่งหนึ่ง โดยแสดงหลักฐานารศึกษาต่อหรือการทำงานในต่างประเทศ (หากมีสถานพยาบาลเพิ่มเติม สามารถตรวจสอบได้ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร)
8.ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร มีการประชาสัมพันธ์เรื่องช่องทาง การรับบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 และการให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมายจำเพาะ ให้ทราบโดยทั่วกัน