ThaiPublica > เกาะกระแส > กรุงไทยลุยตรวจ 152 ร้านค้า โกง“เราชนะ” 3 แสนบาท พบบางรายซื้อก๋วยเตี๋ยว 40 ชาม ทุก 5 นาที

กรุงไทยลุยตรวจ 152 ร้านค้า โกง“เราชนะ” 3 แสนบาท พบบางรายซื้อก๋วยเตี๋ยว 40 ชาม ทุก 5 นาที

10 กุมภาพันธ์ 2021


กรุงไทยลุยตรวจ 152 ร้านค้า โกง“เราชนะ” 3 แสนบาท พบบางรายซื้อก๋วยเตี๋ยว 40 ชาม ทุก 5 นาที คลังแก้ปัญหาไม่มีมือถือ ใช้บัตรประชาชนแทนได้

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง (ซ้าย) พร้อมด้วยนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) แถลงความคืบหน้าโครงการเราชนะ ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 4 กระทรวงการคลัง

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ชี้แจงถึงสาเหตุที่ธนาคารต้องปิดระบบการใช้จ่ายเงินโครงการเราชนะเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ว่าเกิดจากเนื่องจากระบบขัดข้อง การใช้สิทธิไทยชนะจะแตกต่างจากระบบเดิมตรงที่สามารถสะสมสิทธิได้ จึงเขียนโปรแกรมเสริมเข้ามา เมื่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตกระตุ๊ก ทำให้ระบบประมวลผลข้อมูลเกิดช่องว่างสามารถใช้จ่ายเงินเกินสิทธิได้ ซึ่งธนาคารตรวจพบผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 25,000 ราย ใช้จ่ายเงินเกินวงเงินไปประมาณ 0.7% ของวงเงินที่ได้รับ ในส่วนนี้เกิดจากระบบขัดข้อง ส่วนที่ใช้จ่ายเกินวงเงินก็จะไปถูกหักเงินในงวดถัดไป

“นอกจากนี้ธนาคารกรุงไทยยังได้ตรวจพบการใช้จ่ายเงินที่ผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ มีผู้ถือบัตรสวัสดิการของรัฐ 167 ราย ใช้จ่ายเงินผ่านร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ 152 แห่ง ถี่มาก และเป็นจำนวนเงินมากผิดปกติ เช่น ผู้ถือบัตรฯบางรายชำระเงินค่าก๋วยเตี๋ยวถี่ทุก ๆ 5 นาที จ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวไป 30-40 ชาม ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคารสามารถตรวจพบได้อย่างรวดเร็ว จึงมีมูลค่าไม่มากนัก ประมาณ 3 แสนบาท ขณะนี้ได้สั่งระงับการใช้จ่ายเงินของร้านค้ากลุ่มนี้ไว้ทั้งหมดแล้ว พร้อมกับประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง และกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้า หากพบว่ามีการกระทำความผิด ก็จะดำเนินคดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป” นายผยงกล่าว

ด้่านนางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายละเอียดการเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะ (โครงการฯ) สำหรับประชาชนกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตไม่มีสมาร์ทโฟนทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ ผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง อาทิ ผู้สูงอายุ ผู้พิการทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถเดินทางไปลงทะเบียนเองหรือเดินทางไปใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ที่ได้รับผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ เป็นต้น โดยประชาชนกลุ่มดังกล่าวสามารถลงทะเบียนได้ระหว่างวันที่ 15 – 25 กุมภาพันธ์ 2564 ณ สาขาธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทย) หรือ จุดบริการเคลื่อนที่รับลงทะเบียน ซึ่งกระทรวงการคลังได้ขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการร่วมกับธนาคารกรุงไทยในการให้มีจุดบริการเคลื่อนที่เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงพื้นที่รับลงทะเบียนให้แก่บุคคลกลุ่มดังกล่าว

นางสาวกุลยา กล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนในกลุ่มดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี โดยในเบื้องต้นประชาชนกลุ่มดังกล่าว ต้องนำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด(Smart Card) ไปใช้ประกอบการลงทะเบียนขอรับสิทธิ์โครงการฯ โดยต้องพิสูจน์และยืนยันตัวตนโดยการเสียบบัตรประจำตัวประชาชน (Dip Chip) ผ่านเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Capture หรือ EDC) พร้อมกำหนดรหัส (PIN Code) ได้ที่สาขาของธนาคารกรุงไทย หรือจุดบริการที่ธนาคารกรุงไทยกำหนด ทั้งนี้ ประชาชนที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติและได้รับอนุมัติวงเงินสิทธิ์จะได้รับวงเงินสิทธิ์สนับสนุนเป็นรายสัปดาห์ จำนวนไม่เกิน 3,500 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยสามารถใช้จ่ายวงเงินผ่านบัตรประจำตัวประชาชน

สำหรับการซื้อสินค้า หรือ ชำระค่าบริการจากร้านค้าในโครงการธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ร้านค้าในโครงการคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ และผู้ประกอบการ/ร้านค้า/บริการที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยวงเงินที่ได้รับจากโครงการฯ สามารถสะสมได้ แต่จะสามารถใช้จ่ายได้ไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 สำหรับกลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com แล้วพบว่า “ไม่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ” สามารถยื่นขอทบทวนสิทธิ์ผ่านทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ได้ ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติเรื่องเงินได้พึงประเมิน และมีความประสงค์ให้ตรวจสอบข้อมูลเงินได้พึงประเมินในปีภาษี 2563 ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2563 ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ยื่นขอทบทวนสิทธิ์ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินวันที่ 8 มีนาคม 2564 สำหรับผู้ที่ได้ยื่นขอทบทวนสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 8 – 9 กุมภาพันธ์ 2564 จะต้องยื่นแบบฯ ภายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการคลังพบว่ามีประชาชนหรือร้านค้าที่ใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ซึ่งกระทรวงการคลังได้มีการประสานขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการติดตาม ตรวจสอบ และดำเนินการทางกฎหมายในประเด็นดังกล่าวแล้ว หากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริงจะระงับการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้าตลอดจนระงับการจ่ายเงินให้กับร้านค้าทันที รวมถึงระงับการใช้แอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ด้วย และจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงขอความร่วมมือประชาชนรักษาสิทธิ์ของตนเอง และขอให้ร้านค้าและประชาชนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการฯ สำหรับประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ สามารถแจ้งเบาะแส รวมถึงส่งหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการฯ ถึง “คณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการฯ” ทางไปรษณีย์มาได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail Account) [email protected]