พรรคเสรีประชาธิปไตย( Liberal Democratic Party)ซึ่งครองเสียงข้างมากในรัฐบาล ได้ลงคะแนนให้นาย โยชิฮิเดะ สึกะ เป็นประธานพรรคคนใหม่ ซึ่งมีผลให้ก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของญี่ปุ่น แทนนายชินโซ อาเบะ ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ในการประชุมสมาชิกพรรคซึ่งเป็นสมาชิกของทั้งสองสภา นายสึกะได้คะแนนเหนือคู่แข่งอีกสองคน คือ นายชิเกรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม และ นายฟูมิโอะ คิชิดะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ อย่างลอยลำ โดยนายซูกะได้คะแนน 377 คะแนน นายคิชิดะได้ 89 คะแนน และนายอิชิบะได้ 68 คะแนน
จะมีการเสนอชื่อนายสึกะให้สภาลงมติในการประชุมครั้งพิเศษของสภาไดเอ็ตวันที่ 16 กันยายนนี้ ซึ่งคาดว่าจะผ่านการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ไม่ผิดจากความคาดหมาย เพราะพรรครัฐบาลคุมสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งเป็นสภาล่างที่มีอำนาจมากกว่า และยังมีเสียงข้างมากในวุฒิสภา(House of Councillors) กับพรรคร่วมรัฐบาลโคไมโตะ
การประชุมเพื่อลงคะแนนเป็นเพียงการสนับสนุนการตัดสินใจของกลุมต่างๆภายในพรรคอย่างเป็นทางการที่จะเลือกนายสึกะ ซึ่งมีวัย 71 ปี
การลงคะแนนมีสส.ส.พรรค LDP เข้าร่วม 394 ราย และมีตัวแทนระดับท้องถิ่นอีก 141 ราย แต่ขาดลูกพรรค เพื่อให้กระบวนการกระชับและรวดเร็ว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
การเลือกประธานพรรคคนใหม่เกิดขึ้นหลังการประกาศลาออกของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีที่ประกาศลาออกเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยปัญหาสุขภาพ และหลังจากทำสถิติผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของญี่ปุ่นได้เพียง 4 วัน
นายคิชิดะ วัย 63 ได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะลงแข่งประธานพรรคในการประชุมครั้งก่อนเพื่อเปิดทางให้นายอาเบะ แต่ครั้งนี้เขาได้ขอให้นายอาเบะสนับสนุน ส่วนนายอิชิบะ วัย 63 เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน แต่ได้รับการสนับสนุนจากส.ส.ของพรรคไม่มากนัก แสดงความสนใจที่จะลงแข่งประธานพรรคครั้งนี้
นายสึกะ ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มใดในพรรค กลับมาแซงโค้งทั้งๆที่ไม่เคยแสดงความต้องการที่จะที่จะลงแข่งประธานพรรคมาก่อน และเมื่อผ่านการคัดเลือกแล้ว นายสึกะให้คำมั่นว่าจะยังคงดำเนินนโยบายตามที่นายอาเบะทำไว้ รวมทั้งนโยบาย “Abenomics” มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการคลังและการปฏิรูป
หลังจากนี้เป็นที่จับตาการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายซูกะ แม้ยังไม่ชัดเจนว่า จะดำรงตำแหน่งอีกนานเท่าไร ทั้งนั้นระยะการรับตำแหน่งของนายสึกะ เท่ากับระยะเวลาการทำหน้าที่ที่เหลือของนายอาเบะ ซึ่งมีวาระ 3 ปี ไปสิ้นสุดเดือนกันยายน 2021 และการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรต้องมีขึ้นก่อนวันที่ 21 ตุลาคมในปีหน้า
นายสึกะ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน ซึ่งถูกมองว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายอาเบะและมีความเป็นได้ที่จะสานต่อนโยบายของนายอาเบะ
นายสึกะกล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสเป็นวิกฤติแห่งชาติ “เราต้องสืบทอดและสานต่อความพยายามที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะได้ทำไว้ เพื่อที่ประชาชนจะได้ก้าวพน้นวิกฤตินี้และดำรงชีวิตอย่างปลอดภัยและมั่นคง”
นายสึกะกล่าวอีกว่า จะเดินหน้าปฏิรูปรัฐบาลและผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆในญี่ปุ่น“ผมจะตั้งคณะรัฐมนตรีที่ทำงานเพื่อประชาชน”
ก่อนการลงคะแนนเลือกประธานพรรค นายสึกะให้คำมั่นว่าจะขยายการทดสอบหาเชื้อโควิดและจัดหาวัคซีนให้กับญี่ปุ่นภายในครึ่งแรกของปี 2021 รวมทั้งจะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ส่งเสริมการปฏิรูปการเกษตรและส่งเสริมการท่องเที่ยว
สำหรับนโยบายด้านต่างประเทศ คาดว่าจะดำเนินตามรอยนายอาเบะ ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์อันยาวนานที่ญี่ปุ่นมีกับสหรัฐฯ และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน
นอกจากนี้การที่มีบทบาทเป็นกลางภายใต้การบริหารของคณะรัฐมนตรีปัจจุบัน ทำให้คาดว่าจะทำหน้าที่คุมคณะรัฐมนตรีเฉพาะกาลได้อย่างราบรื่นไปจนถึงการเลือกตั้งในปีหน้า
นายสึกะ เกิดในครอบครัวทำไร่สตรอเบอร์รี่ และเป็นนักการเมืองที่มีประสบการณ์คนหนึ่ง
“ชินโซ อาเบะ และผู้บริหารพรรคคนอื่นๆต่างเลือกและตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายกับนายซูกะ เพราะ นายสึกะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการรับช่วงบริหารรัฐบาลของอาเบะในช่วงที่ไม่มีอาเบะ” โคอิจิ นากาโน คณะบดี คณะรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยโตเกียวโซเฟียให้ความเห็น อีกทั้งนายสึกะเป็นคนที่มีความสามารถและทำงานจริง
นายสึกะเป็นที่จดจำของประชาชน เนื่องจากเป็นผู้ที่ต้องประกาศรัชศกใหม่ “เรวะ” Reiwa ของญี่ปุ่นต่อสาธารณชน อันเนื่องจากการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ นารุฮิโต หลังจากสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตทรงสละราชสมบัติ ในปี 2562
การประกาศรัชศกใหม่ ทำให้มีการขนานนามนายสึกะใหม่ว่า “คุณลุงเรวะ” Uncle Reiwa
แม้นายสึกะได้รับเห็นชอบให้ทำหน้าที่ผู้นำพรรคหลังนายอาเบะลาออก แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะนำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้งในปีหน้าอย่างไร
ผู้สังเกตการณ์รายหนึ่งมองว่า เมื่อถึงเวลานั้น พรรคอาจจะสรรหาคนที่ดึงคะแนนการเลือกตั้งมาทำหน้าที่
นอกจากนี้ยังจับตาแนวโน้มการเมืองญี่ปุ่น เพราะเป็นการเปลี่ยนตัวผู้นำในช่วงที่ประเทศกำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวครั้งใหญ่จากการระบาดของไวรัส ขณะเเดียวกันนโยบายเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ หรือ Abenomics ที่นายอาเบะริเริ่มไว้ก่อนการระบาดของไวรัสก็ยังเดินหน้าต่อเนื่องมาหลายปี ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศมีทั้งถดถอย ภาวะเงินฝืดและเติบโตช้า รวมไปถึงแผนการปฏิรูป โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะขยายบทบาทของกองกำลังป้องกันของญี่ปุ่น ให้สามารถนอกจากใช้การป้องกันตนเองแล้วยังปกป้องพันธมิตรได้ แม้จะไม่มีการโจมตีญี่ปุ่นโดยตรง
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
