เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2563 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ แถลงข่าวเปิด “โครงการ DR BIZ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคง” (โครงการดีอาร์บิส) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้สถาบันการเงินหลายรายให้ได้รับการบรรเทาภาระหนี้และให้มีกลไกในการจัดการหนี้กับสถาบันการเงินทุกแห่งได้อย่างบูรณาการ ซึ่งจะช่วยลดเวลาให้สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น ผ่านแนวทางแก้ไขหนี้ที่เจ้าหนี้ได้ตกลงร่วมกันในรูปแบบมาตรฐาน และการกำหนดบทบาทของเจ้าหนี้หลักในการดูแลลูกหนี้และประสานกับเจ้าหนี้อื่น ทำให้การตัดสินใจแก้ไขหนี้ทำได้รวดเร็วและเบ็ดเสร็จ ให้ธุรกิจของลูกหนี้สามารถฟื้นตัวได้ตามศักยภาพของตนเอง รวมทั้งปรับตัวให้เท่าทันกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ภาคธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจของประเทศสามารถฟื้นตัวได้ในระยะต่อไป
ลูกหนี้ธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการ DR BIZ เป็นกลุ่มที่ยังคงมีศักยภาพแต่ประสบปัญหาจากสถานการณ์เศรษฐกิจและผลกระทบจากโรคโควิด 19 โดยสถาบันการเงินจะมีเครื่องมือและแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจที่เหมาะสมกับศักยภาพของลูกหนี้แต่ละราย เช่น การขยายเวลาชำระหนี้ การลดค่างวด หรือการปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ให้สอดรับกับธุรกิจของลูกหนี้ รวมทั้งการพิจารณาให้สินเชื่อใหม่แก่ลูกหนี้ที่มีศักยภาพ มีแผนธุรกิจชัดเจน มีพฤติกรรมชำระหนี้ดี และมีความตั้งใจในการทำธุรกิจ
ในระยะแรกเพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมุ่งกลุ่มลูกหนี้ธุรกิจที่มีหนี้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินหลายรายวงเงินรวมกันตั้งแต่ 50-500 ล้านบาท และสามารถใช้แนวทางที่กำหนดร่วมกันดังกล่าวขยายผลไปยังกลุ่มลูกหนี้ธุรกิจที่มีวงเงินขนาดอื่นได้ต่อไป ทั้งนี้ การเข้าร่วมโครงการทำได้โดยลูกหนี้สามารถติดต่อสมัครโดยตรงกับสถาบันการเงินหลักที่ใช้บริการหรือสถาบันการเงินแจ้งเชิญลูกหนี้เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 เป็นต้นไป
ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทางสื่อสารและ call center ของสถาบันการเงินทุกแห่งที่ร่วมโครงการ เว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย www.bot.or.thและศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน โทร. 1213
สมาคมธนาคารไทยขานรับช่วยลูกค้าภาคธุรกิจแบบเบ็ดเสร็จ
สมาคมธนาคารไทย สนับสนุนโครงการ “DR BIZ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคง” ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยทุกสถาบันการเงินร่วมแก้ไขปัญหาด้านหนี้สินของลูกค้าอย่างรวดเร็วและเบ็ดเสร็จในคราวเดียวกัน ลูกค้าเพียงติดต่อกับสถาบันการเงินที่มีวงเงินกู้สูงสุดหรือสถาบันการเงินที่มีวงเงินกู้รายอื่น โดยสถาบันการเงินจะประสานงาน เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย ลูกค้าธุรกิจที่มีวงเงินสินเชื่อ 50-500 ล้านบาท สามารถติดต่อเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่ 1 กันยายน 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2564
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า โครงการ DR BIZ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคง เป็นโครงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับสถาบันการเงินต่างๆ บูรณาการความช่วยเหลือต่อเนื่องจากมาตรการช่วยเหลือในช่วงที่ผ่านมา โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับลูกค้าภาคธุรกิจที่มีเจ้าหนี้สถาบันการเงินหลายราย เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาด้านหนี้สินของลูกค้าอย่างรวดเร็วและเบ็ดเสร็จในครั้งเดียวกัน โดยลูกค้าเพียงติดต่อกับสถาบันการเงินที่มีวงเงินกู้เพียงแห่งเดียว หรือสถาบันการเงินที่มีวงเงินกู้แนะนำลูกค้าให้เข้าร่วมโครงการ โดยสถาบันการเงินจะประสานงานกัน เพื่อให้ความช่วยเหลือ และบรรเทาผลกระทบตามความหนักเบาของลูกค้าแต่ละราย โดยมีแนวทางในการช่วยเหลือลูกค้าภาคธุรกิจใน 3 มิติคือ
1. การบูรณาการความช่วยเหลือร่วมกันจากทุกสถาบันการเงิน ลูกค้าสามารถแก้ไขปัญหาภาระหนี้ได้อย่างรวดเร็ว และเบ็ดเสร็จในคราวเดียว ลดความซ้ำซ้อนในการเรื่องการติดต่อ การจัดส่งเอกสาร และการเจรจาแก้ไขปัญหา โดยได้ข้อยุติร่วมกันจากทุกสถาบันการเงิน
2. ลูกค้าได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสม ลูกค้าธุรกิจแต่ละรายมีปัจจัยการดำเนินธุรกิจและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน สถาบันการเงินทุกแห่งสามารถร่วมกันพิจารณาและวิเคราะห์ถึง Root Cause ของลูกค้าและหาแนวทางช่วยเหลือที่เหมาะสมกับลูกค้ารายนั้นๆ ที่สำคัญคือ เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อทำให้ธุรกิจอยู่รอดและฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวทางการช่วยเหลือที่หลากหลาย เช่น ปรับลดการผ่อนชำระ ยืดระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ หาผู้ร่วมทุน ตลอดจนเสริมสภาพคล่องให้กับลูกค้า ซึ่งหลักการช่วยเหลือจะเป็นไปตามความสามารถและบริบทของลูกค้าแต่ละราย
3. โอกาสทางการเงินและทางธุรกิจ ในกรณีที่ลูกค้ามีศักยภาพและแผนธุรกิจที่ชัดเจน โครงการนี้เปิดโอกาสให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินต่างๆ ได้รับสินเชื่อเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อของแต่ละสถาบันการเงิน
นายผยง ศรีวณิช กล่าวในตอนท้ายว่า ภาคการธนาคารตระหนักถึงภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง และเข้าใจถึงความจำเป็นรีบด่วนในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง และหลายระยะ ซึ่งเชื่อมั่นว่าการช่วยเหลือลูกหนี้ภายใต้โครงการ “DR BIZ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคง” ที่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน จะสามารถช่วยเหลือลูกค้าได้ทันท่วงที โดยสถาบันการเงินจะมีการหารือเพื่อให้ได้แนวทางที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายต่อไป