
ค่าเฉลี่ยอุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคก่อนอุตสาหกรรม (1850-1900) ในแต่ละปี ในช่วง 5 ปีข้างหน้า และมีโอกาส 20% ที่อย่างน้อยหนึ่งปีที่อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.5 องศาเซลเซียส
ข้อมูลข้างต้นมาจากรายงานคาดการณ์สภาพภูมิอากาศประจำปี Global Annual to Decadal Climate Update สำหรับปี 2020-2024 ขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization: WMO)
รายงานดังกล่าวมีสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษเป็นแกนนำในการจัดทำ ได้ให้แนวโน้มสภาพภูมิอากาศในอีก 5 ปีข้างหน้าและอัปเดตรายปี ซึ่งเป็นผลจากความเชี่ยวชาญของนักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและคอมพิวเตอร์รุ่นที่ดีที่สุด จากศูนย์ภูมิอากาศชั้นนำทั่วโลก เพื่อเป็นข้อมูลที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจสามารถนำไปใช้ได้
อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า 1 องศาเซลเซียสจากช่วงยุคก่อนอุตสาหกรรมไปแล้ว โดยช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วง 5 ปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์
“รายงานฉบับนี้ที่จัดทำจากทักษะทางวิทยาศาสตร์ระดับสูงแสดงให้เห็นว่า มีความท้าทายใหญ่รออยู่ข้างหน้าในการที่จะบรรลุข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่มีเป้าหมายรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกในศตวรรษให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียสจากระดับยุคก่อนอุตสาหกรรม และความพยายามที่จะจำกัดอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส” นายเพตเทอรี ทาลาส เลขาธิการ WMO กล่าว
การคาดการณ์ได้คำนึงถึงความผันแปรตามธรรมชาติ รวมถึงอิทธิพลที่มนุษย์มีต่อสภาพอากาศ เพื่อให้การคาดการณ์ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ของอุณหภูมิ ตลอดจนปริมาณน้ำฝน รูปแบบของลมและตัวแปรอื่นๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้า แบบจำลองการคาดการณ์ไม่ได้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและละอองลอยในอากาศ อันเป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส
“WMO ได้ตอกย้ำมาต่อเนื่องว่า การชะลอตัวของอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 ไม่ใช่สิ่งทดแทนการดำเนินงานร่วมกันอย่างยั่งยืนด้านสภาพอากาศ เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีอายุนานในชั้นบรรยากาศ จึงไม่คาดว่าการลดลงของการปล่อยก๊าซในปีนี้จะส่งผลต่อให้ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศลดลง” นายทาลาสกล่าว
“ขณะที่โควิด-19 ได้ก่อให้เกิดวิกฤติสุขภาพทั่วโลกและวิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรง ความล้มเหลวในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจคุกคามความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ระบบนิเวศ และเศรษฐกิจนานนับหลายศตวรรษ รัฐบาลควรใช้โอกาสในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูและเพื่อให้สามารถกลับไปเติบโตได้ดีกว่าเดิม” นายทาลาสกล่าว
ศาตราจารย์อดัม สไคฟ์ หัวหน้าโครงการจากศูนย์ฮัดเลย์ของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาอังกฤษกล่าวว่า “นี่คือความสามารถทางวิทยาศาสตร์ใหม่ที่น่าตื่นเต้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์เพิ่มมากขึ้น และทวีความสำคัญมากขึ้นสำหรับรัฐบาลและผู้มีอำนาจตัดสินใจที่จะเข้าใจความเสี่ยงของสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันบนพื้นฐานการอัปเดตรายปี”
สาระสำคัญจากรายงาน
ความสามารถในการคาดการณ์ระยะสั้นที่ดีขึ้นได้รับการสนับสนุนจากโครงการวิจัยสภาพภูมิอากาศโลก (World Climate Research Programme)
ในการคาดการณ์แนวโน้มสภาพภูมิอากาศครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากสเปน เยอรมนี แคนาดา จีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก ซึ่งการคาดการณ์จากศูนย์พยากรณ์สภาพอากาศหลายแห่งรวมกัน ทำให้การคาดการณ์มีคุณภาพมากกว่าการจะใช้แหล่งข้อมูลเดียว