“เขมทัตต์” ยันทำตามมติบอร์ดมาตั้งแต่ต้น ที่ให้ไปเจรจากับกสทช ย้ำไม่เคยระบุแบ่งเงินเยียวยากับคู่สัญญา 50 : 50 เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการแจ้งวงเงินอย่างเป็นทางการจาก กสทช. แต่การยืนยันขอให้ กสทช.กำหนดสัดส่วนวงเงิน ให้ชัดเจนเท่าๆกัน ก็เพื่อความเป็นธรรม และไม่นำไปสู่การฟ้องร้องจากคู่สัญญา ซึ่งอาจอ้างสัญญาได้ โดยเสนอให้แยกเงินเป็นสองส่วน และไม่ควรให้วงเงินของ อสมท ไปผูกกับการเยียวยาให้คู่สัญญา ชี้ กสทช. ควรรับผิดชอบ และเตรียมเดินหน้าอุทธรณ์ หากเงินเยียวยาที่ได้รับไม่เป็นธรรมกับ อสมท
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวชี้แจง กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าไม่รักษาผลประโยชน์ให้ บมจ.อสมท ในการเยียวยาการเรียกคืนคลื่นความถี่ 2600 เมกะเฮิรตซ์ ตามที่ปรากฎเป็นข่าวผ่านสื่อมวลชนว่า
1)ตนได้รับการเห็นชอบจากมติคณะกรรมการมาตั้งแต่ต้นนับจากถูกเรียกคืนคลื่น และทำตามมติอย่างเคร่งครัดในการเจรจากับ กสทช. และคู่สัญญา พร้อมรายงานให้บอร์ดรับทราบมาต่อเนื่องในการเจรจาเพื่อให้อสมทได้ผลประโยชน์มากที่สุด
2)ในระหว่างการเจรจากับกสทช. ได้ทราบว่า มีแนวทางเลือกเพียง2 ทาง คือ แนวทางศึกษาของคณะอนุกรรมการเยียวยา ที่กำหนดในสัดส่วนที่เท่าๆกัน และแนวทางของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กำหนดให้ อสมทได้น้อยกว่าคู่สัญญา
ในนามของฝ่ายบริหาร จึงต้องเลือกแนวทางที่ดีที่สุดซึ่งอสมทได้ประโยชน์มากกว่า โดยได้นำหลักอ้างอิงมาจากคณะอนุกรรมการเยียวยา ไปร้องขอให้กสทช.เร่งพิจารณาดังกล่าว การที่มีกรรมการบางคนและผู้นำพนักงานออกมาทักท้วง โดยไม่เข้าใจกระบวนการของ กสทช. จึงเป็นสิ่งที่คลาดเคลื่อน ส่งผลความเสียหายต่อภาพลักษณ์บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
“ผมไม่เคยยอมรับจำนวนเงินเยียวยากว่า 3,200 ล้านบาท ตามที่ปรากฎเป็นข่าว ซึ่งที่ผ่านมา อสมท ได้ทำการประมาณรายได้และค่าเสียโอกาสส่งให้กสทช. โดยมูลค่าที่ได้ส่งไปคือ 50,000 ล้านบาท บนระยะเวลาถือครองคลื่นความถี่ 15 ปี ซึ่งผมได้มีการไปชี้แจงกับสำนักงาน กสทช. หลายครั้ง และได้ยืนยันมูลค่าเสียโอกาส โดยมูลค่าที่เหมาะสมที่ อสมท ควรจะได้รับคือ การชดใช้และค่าตอบแทนในการเสียโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงการคำนวณจำนวนมูลค่าของเงินต้องขึ้นอยู่กับอายุที่เหลือของคลื่นด้วย”
ทั้งนี้ กสทช. ควรระบุจำนวนเงินเยียวยาให้ชัดว่า อสมท ควรได้รับเงินเยียวยาในสัดส่วนเท่าใด โดยไม่ใช่การแบ่งเงินกับคู่สัญญา ทั้งนี้ บมจ.อสมทได้ส่งประเมินรายได้รวมในการประกอบกิจการเป็นเวลา 15 ปี ให้กับ กสทช. แล้ว และในการเข้าไปชี้แจงกับสำนักงานกสทช. และอนุกรรมการเยียวยาฯ ของ กสทช. นั้น ตนไม่เคยทราบเลยว่าจะได้ค่าชดเชยมูลค่าเท่าใด จนสุดท้ายในการพิจารณาของกรรมการกสทช. ตนก็ได้ไปชี้แจง แต่กรรมการ กสทช.มีความเห็นว่าการชี้แจงยังไม่ชัดเจน ขอให้ทำหนังสือชี้แจงกลับมา 2 ประเด็น คือ อำนาจของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ในการชี้แจง และการจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับคู่สัญญา ซึ่งได้เรียนชี้แจงไปแล้ว
นายเขมทัตต์ กล่าวย้ำว่า จุดยืนของเรื่องนี้ คือ กสทช. ต้องมีหน้าที่เยียวยาคืนคลื่นความถี่ โดยแบ่งการเยียวยาออกเป็นสามส่วนคือ มูลค่าที่ต้องทดแทน ชดใช้ และจ่ายค่าตอบแทน และขอให้กสทช.เร่งพิจารณาตามสัดส่วนที่เป็นธรรมตามที่คณะอนุกรรมการเยียวยาฯ มีความเห็น
“อสมท จะเรียกร้องในส่วนที่ อสมท จะต้องได้ ขอย้ำว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยทราบวงเงินเลยว่าจะได้รับเงินเยียวยาเท่าใด หาก กสทช. ได้ส่งหนังสือมีมติเป็นทางการ และอสมท พิจารณาแล้วว่า วงเงินและวิธีการการแบ่งสัดส่วนไม่เหมาะสม หรือ เป็นธรรม ก็จะเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาดำเนินการโต้แย้งต่อไป”นายเขมทัตต์กล่าว