ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์”ทร. ผุด บ้านพักรับรอง ผบ. ริมน้ำเจ้าพระยา – แจง 112 ล้าน ไม่แพง” และ “กระสุนนัดแรกทะลุอกผู้ประท้วง ผบ.ตร.ฮ่องกง ยัน ‘ถูกต้องตามกม.’”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์”ทร. ผุด บ้านพักรับรอง ผบ. ริมน้ำเจ้าพระยา – แจง 112 ล้าน ไม่แพง” และ “กระสุนนัดแรกทะลุอกผู้ประท้วง ผบ.ตร.ฮ่องกง ยัน ‘ถูกต้องตามกม.’”

5 ตุลาคม 2019


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 28 ก.ย. – 4 ต.ค. 2562

  • ทร. ผุด บ้านพักรับรอง ผบ. ริมน้ำเจ้าพระยา – แจง 112 ล้าน ไม่แพง
  • ประยุทธ์ แจง ถูกขยายความ ไม่ได้ว่าคนไทยใช้กูเกิลไม่เป็น
  • อนุทิน ยัน สิ้นปีไทยเลิกใช้ 3 สารพิษ
  • สมคิดสั่งอัดงบ “ชิมช้อปใช้” เฟสสอง
  • กระสุนนัดแรกทะลุอกผู้ปะท้วงฮ่องกง ผบ.ตร.ฮ่องกง ยัน “ถูกต้องตามกฎหมายและสมเหตุสมผล”

ทร. ผุด บ้านพักรับรอง ผบ. ริมน้ำเจ้าพระยา – แจง 112 ล้าน ไม่แพง

ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด (http://bit.ly/31M8EHd)

เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 3 ต.ค. 2562 พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ได้มอบหมายให้ พล.ร.ต. อภินันท์ เพ็งศรีทอง เจ้ากรมช่างโยธาทหารเรือ, พล.ร.ต. พาสุกรี วิลัยรักษ์ เลขานุการกองทัพเรือ และ น.อ. เมธีชัย แก้วนิล ผู้อำนวยการบริหาร กองบริหารงบประมาณ สำนักงานปลัดบัญชีทหารเรือ ร่วมกันแถลงชี้แจงรายละเอียดต่อสื่อมวลชน ที่กรมช่างโยธาทหารเรือ ต่อเรื่องเสียงวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณของกองทัพเรือสร้างบ้านพักรับรองผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) จำนวน 112 ล้านบาท

พล.ร.ต. อภินันท์ กล่าวว่า บ้านพักรับรอง ผบ.ทร.เดิมก่อสร้างมาเป็นเวลากว่า 30 ปี และเมื่อปี 2554 เกิดน้ำท่วมขัง ทำให้โครงสร้างของบ้านชำรุดและเสียหาย เนื่องจากมีพื้นที่ต่างระดับกับแม่น้ำเจ้าพระยา คอนกรีตเสริมเหล็กผุพัง และไม่แข็งแรง ทำให้ในฤดูน้ำหลากมีน้ำท่วมขัง ทั้งนี้ กรมช่างโยธาทหารเรือได้เข้าไปตรวจสอบบ้านดังกล่าว พบว่ามีสภาพชำรุดและไม่คุ้มค่าต่อการซ่อมแซม จึงขออนุมัติตามหลักการ สร้างบ้านพักรับรอง ผบ.ทร.ขึ้นใหม่ และเพิ่มวัตถุประสงค์ให้เป็นอาคารรับรองแขกระดับวีไอพีของกองทัพเรือ โดยเฉพาะห้องจัดเลี้ยงที่จะต้องปรับปรุงขยายให้มีความสง่างาม

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดการก่อสร้างจึงเกิดขึ้นเร็วมากนั้น เนื่องจากในเดือนพ.ย. ต้องใช้เป็นพื้นที่รองรับการประชุมอาเซียนซัมมิท ในวันที่ 11 พ.ย. 2562 รวมถึงการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนพร้อมคู่เจรจา 18 ประเทศ ในวันที่ 17 พ.ย. 2562 จึงเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จสมเกียรติในวันที่ 1 พ.ย. 2562 นี้

“ทั้งนี้ ผบ.ทร.ให้นโยบายว่า อาคารหลังนี้ไม่ใช่เพียงแค่บ้านพักรับรองของ ผบ.ทร.เพียงอย่างเดียว ที่ผ่านมาตั้งแต่ พล.ร.อ. ลือชัย รับตำแหน่งก็ไม่เคยเข้าพักที่บ้านหลังดังกล่าว เพราะท่านมีบ้านของท่านเองอยู่แล้ว และเมื่ออาคารนี้สร้างเสร็จเชื่อว่า ผบ.ทร.คงไม่ได้มาใช้งานบ้านหลังนี้เป็นประจำ จากวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคือสร้างไว้เพื่อใช้รับรองแขกระดับวีไอพีของกองทัพเรือ แต่เมื่อรื้อถอนอาคารเดิมจึงจำเป็นต้องใช้ชื่อเหมือนเดิม คือบ้านพักรับรอง ผบ.ทร.” พล.ร.ต. อภินันท์ กล่าว

พล.ร.ต. อภินันท์ กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนที่เป็นตึกสูงสามชั้นที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นโรงแรมหรือไม่นั้น ยืนยันว่าเป็นอาคารพักของผู้ติดตาม เพราะต้องเตรียมไว้รองรับประมาณ 20-30 คน เปรียบเป็นโรงแรมขนาดย่อม ถือเป็นการใช้พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับงบประมาณในการก่อสร้างจำนวน 112 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1. ตัวอาคารบ้านพักรับรองจำนวน 65 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมถึงการหรือถอนบ้านพักหลังเดิม การก่อสร้างตัวอาคารใหม่ งานสถาปัตยกรรม งานเดินท่อ ระบบไฟฟ้า เครื่องไฟฟ้าฉุกเฉิน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ครบถ้วน

2. ค่าตกแต่งภายในจำนวน 32.5 ล้านบาท ครอบคุมพื้นที่กว่า 300 ตารางเมตร รวมถึงอาคารผู้ติดตามงานจัดเลี้ยง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่เกี่ยวกับพื้น ผนัง ฝ้า เพดาน ห้องสุขา และอื่นๆ

3. งานภูมิสถาปัตยกรรมจำนวน 15 ล้านบาท ได้แก่ การปรับภูมิทัศน์ภายนอกทั้งหมด เช่น การถมดินงานถนนกำแพงกันน้ำท่วม การสร้างศาลาริมน้ำเพื่อรองรับงานจัดเลี้ยงบริเวณภายนอกที่เชื่อมต่อจากตัวอาคารภายใน และป้อมรักษาการณ์

ส่วนเหตุผลที่ต้องแยกเป็น 3 ส่วนนั้น เนื่องจากมีการเร่งรัดงานก่อสร้างให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันวันที่ 11 พ.ย. และวันที่ 17 พ.ย. 2562 เพราะฉะนั้นวงเงินค่าก่อสร้างทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานราคาที่สำนักงบประมาณกำหนด และการก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐานที่ถูกต้อง ยืนยันว่าไม่แพงและสามารถชี้แจงรายละเอียดได้

“ผมเชื่อว่าศักยภาพพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยาเราพัฒนาไปถึงจุดนี้ได้จะเป็นหน้าตาของประเทศ โดยเฉพาะการรองรับการจัดประชุมอาเซียนซัมมิต เมื่อเราเปิดใช้อาคารหลังนี้ก็จะสอดคล้องกับอาคารหอประชุมกองทัพเรือ อยากให้นึกภาพหากอาคารรับรองมีน้ำท่วมขังเมื่อถึงวันจัดงานจะรู้สึกอย่างไร” พล.ร.ต. อภินันท์ กล่าว

เมื่อถามถึงบริษัทที่เข้าร่วมประมูลก่อสร้างอาคารครั้งนี้ พล.ร.ต. อภินันท์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. 2560 ซึ่งบริษัทอิตาเลียนไทยเป็นบริษัทชั้นนำที่มีความน่าเชื่อถือและมีผลงาน เคยก่อสร้างอาคารให้กับกองทัพเรือมาแล้ว ในส่วนของบริษัทรัชดา แฟบริค เฮ้าท์ ที่เกี่ยวข้องกับการตกแต่ง ก็มีผลงานกับกองทัพเรือ เช่น งานเอเปก 2003  ไม่มีประวัติการทำงานล่าช้า

ด้าน น.อ. พาสุกรี กล่าวว่า ในแต่ละเดือนกองทัพเรือมีแขกต่างประเทศมาเยี่ยมเยือน 2-3 ราย ทุกครั้งจะต้องจัดที่พักโรงแรม ทำให้มีค่าใช้จ่าย ขณะที่กองทัพเรือซึ่งมีความพร้อมทั้งเรื่องดนตรีและพลาธิการ ขาดเพียงแต่สถานที่ เมื่ออาคารหลังนี้แล้วเสร็จก็จะตอบโจทย์ทั้งหมด ทำให้มีพื้นที่รองรับแขกบ้านแขกเมืองได้ตลอด รวมถึงในอนาคตข้างหน้า หากรัฐบาลหรือเหล่าอื่นต้องการใช้สถานที่ก็สามารถดำเนินการได้

ขณะที่ น.อ. เมธีชัย กล่าวว่า ในส่วนของงบประมาณที่ได้รับ เป็นการจัดสรรตามแผนปฏิบัติราชการประจำปี 2562 ของกองทัพเรือ ที่เกี่ยวข้องกับค่าซ่อมบำรุง ปรับปรุงสิ่งก่อสร้างและระบบสาธารณูปโภคที่สามารถใช้จ่ายได้ในกรณีเร่งด่วน ซึ่งอาคารนี้เมื่อดำเนินการไปแล้วไม่ได้กระทบต่อการปฏิบัติงาน และภารกิจอื่นของกองทัพเรือที่ได้รับการจัดสรรตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี

ประยุทธ์ แจง ถูกขยายความ ไม่ได้ว่าคนไทยใช้กูเกิลไม่เป็น

“พวกเราเป็นนักบริหารจะเปิด (กูเกิล) ส่วนใหญ่ ประชาชนจะไม่ค่อยเปิด (กูเกิล) นั่นแหละที่ทำให้ปัญหามันเกิดขึ้น เพราะเขาไม่เรียนรู้ เพราะงั้นการเรียนรู้จากโทรศัพท์ จากโซเชียลมีเดียมีประโยชน์”

นั่นคือข้อความตอนหนึ่งที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด กล่าวในปาฐกถาที่สถาบัน Asia Society ในหัวข้อ “การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนระหว่างประเทศ จากความแข็งแกร่งภายในสังคมไทย” และกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาในโซเชียลมีเดีย (ดูคลิปคำกล่าวดังกล่าวได้ที่นี่)

ต่อมา วันที่ 30 ก.ย. 2562 เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวชี้แจงระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงต่อขยายหัวลำโพ-บางแค ว่า กรณีที่ให้คนไทย ใช้กูเกิลพื่อเป็นประโยชน์ระหว่างพูดกับคนไทยที่สหรัฐอเมริกา เป็นการให้ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ไม่ได้หมายความว่ามีคนใช้ไม่เป็น แต่ก็มีการนำไปบิดเบือนทุกเรื่องว่าตนเองไม่มีข้อมูลว่าคนไทยใช้โทรศัพท์หรือกูเกิลจำนวนเท่าไหร่ แต่ที่ตนพูดเป็นเพียงว่าจะรู้เรื่องประเทศไทยได้อย่างไร ต่อไปต้องไปเปิดกูเกิลถ้าไม่เปิดก็ไม่รู้

ส่วนตัวพูดแค่นี้แต่ก็มีการนำไปขยายความ ทำให้ทุกอย่างดูแย่ไปหมด ตนไม่อยากให้เป็นคู่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น

อนุทิน ยัน สิ้นปีไทยเลิกใช้ 3 สารพิษ

นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ทีมข่าวการเมืองเนชั่น รายงานถึงกรณีการเคลื่อนไหวให้มีการยกเลิกการใช้สารพาราควอต คลอไพริฟอส และไกลโฟเซต จนมีการขู่อาฆาต นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์ สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ น.ส.พวงรัตน์ ขจิตวิชยานุกูล นักวิชาการนักวิจัยของ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคการเกษตร

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรักฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า “เรื่องนี้ไม่บานปลาย พรรคภูมิใจไทยไม่ถอย และไม่กลัว ส่วนฝ่ายที่ข่มขู่นักวิชาการคือพวกหน้าตัวเมีย เป็นคนกระจอก ถ้าแน่จริงให้มาขู่ตน หรือ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ไปขู่นักวิชาการ มันเปลี่ยนแปลงความมุ่งมั่นของเราไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนฝ่ายที่โดนข่มขู่อยากให้สบายใจ เมื่อท่านทำดีความดีจะเป็นเกราะคุ้มครอง และขณะนี้กำลังประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปดูแลแล้ว และเมื่อไม่นานมานี้ มนัญญาลุยตรวจบริษัทเอกชนสองแห่งเพื่อตรวจสต็อกสองในสามสารเคมีที่พบข้อพิรุธอื้อและเตรียมที่จะไล่เรียงเช็กบิลเพื่อสะท้อนความโปร่งใสให้สังคมกระจ่าง”

ส่วนรัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้เปิดเผยถึงแนวทางการยกเลิกสารพิษทั้ง 3 ตัวว่า ยืนยันไม่ได้สนับสนุนให้ใช้สาร 3 ตัวนี้ เพียงแต่กระบวนการยกเลิกมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ พ.ร.บ.วัตถุอันตรายและคณะกรรมการวัตถุอันตรายกำกับดูแลเรื่องนี้อยู่ พร้อมบอกว่า คณะกรรมการชุดนี้แต่งตั้งก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง แต่ก็ได้มอบหมายงานให้ น.ส.มนัญญา รับผิดชอบเรื่องนี้ ได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนไม่เห็นด้วย ถือเป็นนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ จึงไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้เพราะมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลอยู่ หากคณะกรรมการมีมติให้ยกเลิกใช้ก็พร้อมดำเนินการทันที ส่วนขั้นตอนในการดำเนินการ คณะกรรมการวัตถุอันตรายได้ประชุมขยายระยะเวลาออกไป 60 วัน เพื่อศึกษาผลกระทบประกอบ และนำมาประกอบในการพิจารณาว่าจะใช้หรือยกเลิก 3 สารพิษดังกล่าว หากคณะกรรมการมีความเห็นยกเลิก กระทรวงเกษตรฯ พร้อมที่จะยกเลิกทันที ซึ่งสอดรับกับนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ที่เน้นเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องเกษตรกรและอุปโภคบริโภคสินค้าทางการเกษตรทุกชนิด

สมคิดสั่งอัดงบ “ชิมช้อปใช้” เฟสสอง

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562 ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวในงานประชุมผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจ ที่ห้องประชุมชั้น 4 กระทรวงการคลัง

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รัฐบาลจะเดินหน้าเฟสสองโครงการชิมช้อปใช้ โดยอัดงบประมาณเข้าไปเพิ่มเติม เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่สี่ของปีนี้ ซึ่งจะเป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลง

“โครงการชิมช้อปใช้เฟสสองจะเริ่มภายในไตรมาสที่สี่ของปีนี้ เพื่อทำให้ไตรมาสที่สี่ของปีนี้เป็นไตรมาสแห่งการเปลี่ยนแปลง เพราะขณะนี้เศรษฐกิจโลกไม่ดี ซึ่งกระทบการส่งออกของไทย ขณะที่ เรื่องการเมืองภายในประเทศก็มีเสียงดัง ดังนั้น เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจ จึงต้องให้ภาคการท่องเที่ยวเข้ามามีบทบาท”

สำหรับโครงการชิมช้อปใช้เฟสสองนี้ นายสมคิดระบุว่าตนต้องการให้นำร้านค้าชุมชนที่ปัจจุบันมีอยู่กว่าแสนร้านค้าเข้าร่วมโครงการ เพื่อสร้างการหมุนเวียนในเศรษฐกิจชุมชนให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังสั่งการให้หน่วยงานรัฐ ที่มีการจัดสัมมนาในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้า ให้มาจัดสัมมนาในพื้นที่ชุมชนต่างจังหวัด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนอีกทางหนึ่ง

นายสมคิดกล่าวอีกว่า เรื่องงบประมาณที่จะใช้ในโครงการเฟสสองนี้ไม่เป็นปัญหา และกระทรวงการคลัง ก็เป็นผู้ควบคุมให้เป็นไปตามวินัยการเงินการคลัง นอกจากนั้น ตนยังสั่งให้กระทรวงการคลัง พิจารณาในเรื่องสวัสดิการที่จะให้กับคนชั้นกลาง ซึ่งที่ผ่านมารัฐช่วยเหลือคนที่มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการประชารัฐ

ส่วนนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาจำนวนคนที่จะได้สิทธิ์ในโครงการเฟสสองว่าควรจะมีจำนวนเท่าไหร่ จากโครงการแรกที่กำหนดเป้าหมาย 10 ล้านคน

กระสุนนัดแรกทะลุอกผู้ประท้วงผบ.ตร.ฮ่องกง ยัน “ถูกต้องตามกฎหมายและสมเหตุสมผล”

เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า เกิดเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใข้กระสุนจริงยิงผู้ชุมนุมประท้วงในฮ่องกง โดยเหตุยิง ซึง จื่อ เจี้ยน ผู้ประท้วงวัย 18 ปี ด้วยกระสุนจริงที่ถูกบันทึกไว้เป็นวิดีโอและเผยแพร่ในโลกออนไลน์นั้น เป็นกระสุนจริงนัดแรกของการยิงทั้งหมด 6 นัดเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2562 หลังจากที่มีการใช้กระสุนยางในการประท้วงก่อนหน้านี้

รัฐบาลฮ่องกงรายงานในเวลาต่อมาว่า อาการของผู้ประท้วงคนดังกล่าวนั้นคงตัวแล้ว

สตีเฟน โล ผู้บัญชาการตำรวจฮ่องกง กล่าวถึงการยิงกระสุนจริงดังกล่าวว่า “ถูกต้องตามกฎหมายและสมเหตุสมผล” เพราะว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นคิดว่าชีวิตเขาและเพื่อนตำรวจกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง

เมื่อถามว่าทำไมถึงยิงผู้ประท้วงในระยะเผาขน นายโลบอกว่า “เขา[เจ้าหน้าที่ตำรวจ] ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องระยะห่างระหว่างเขาและตัวผู้โจมตี”

เติ้ง ปิ่ง ชาง รองผู้บัญชาการตำรวจ บอกว่า “เขา[เจ้าหน้าที่ตำรวจ] มีทางเลือกเดียว นั่นคือการยิงเพื่อคลี่คลายสถานการณ์อันตรายโดยทันที”