ThaiPublica > เกาะกระแส > “พรรคอนาคตใหม่” ย้ำพร้อมร่วมงาน หาก “จุดยืนการเมือง” ตรงกัน – ผู้ท้าชิงนายกฯ ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน

“พรรคอนาคตใหม่” ย้ำพร้อมร่วมงาน หาก “จุดยืนการเมือง” ตรงกัน – ผู้ท้าชิงนายกฯ ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน

8 กุมภาพันธ์ 2019


เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 พรรคอนาคตใหม่ โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ได้กล่าวแถลงการณ์ต่อกรณีการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐและพรรคไทยรักษาชาติ รายละเอียดดังนี้

จากกรณีที่พรรคพลังประชารัฐมีมติเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคไทยรักษาชาติมีมติเสนอทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ มหิดล ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ พรรคอนาคตใหม่มีความเห็นต่อกรณีดังกล่าว ดังนี้

พรรคอนาคตใหม่ขอเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ลาออกจากทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ด้วยเหตุผล 2 ประการ

  • ประการแรก การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ของ พล.อ.ประยุทธ์ในขณะจัดการเลือกตั้งทั่วไปนั้น ไม่สามารถเทียบได้กับบรรทัดฐานสากลเนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ยังคงอนุญาตให้รัฐบาลมีอำนาจเต็ม ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการที่มีอำนาจจำกัด และหัวหน้า คสช. ยังมีอำนาจเผด็จการตามมาตรา 44 ด้วย
  • ประการที่สอง หัวหน้าคสช. มีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการลงคะแนนให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีในรัฐสภาหลังการเลือกตั้ง

ดังนั้น การดำรงตำแหน่งนายกฯ และหัวหน้าคสช. ของ พล.อ. ประยุทธ์ พร้อมกับเป็นผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนและส่งผลให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สามารถดำเนินไปได้โดยเสรีและเป็นธรรม

ในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 24 มีนาคม 2562 พรรคอนาคตใหม่ยืนยันเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่และผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่หนึ่งของพรรคอนาคตใหม่ เป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคอนาคตใหม่ยังยืนยันในข้อเสนอทางการเมือง 3 ข้อ ได้แก่ (1) หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. (2) แก้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ทั้งฉบับ และ (3) ลบล้างผลพวงรัฐประหาร

พรรคอนาคตใหม่เชื่อว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยและการบรรลุข้อเสนอทั้ง 3 ข้อนั้น จะเป็นไปได้ก็ด้วยแนวทางที่มั่นคงในหลักการประชาธิปไตยที่ประชาชนต้องถูกรวมเข้าไปในกระบวนการตัดสินใจทางการเมือง ผลประโยชน์ของประชาชนจะต้องไม่ถูกลืม และสิทธิเสรีภาพของประชาชนต้องได้รับการค้ำประกัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า การตกลงรอมชอมกันเองระหว่างชนชั้นนำไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางการเมืองได้เลย

ผลพวงของการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ประการหนึ่ง คือ การปูทางไปสู่การสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารผ่านรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่เปิดช่องทางให้พรรคการเมืองสามารถเสนอชื่อบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นนายกรัฐมนตรีได้ พรรคอนาคตใหม่เห็นว่า พรรคการเมืองที่ยืนหยัดกับหลักการประชาธิปไตยจะต้องยึดถือหลักการ “นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.”

หลักการ “นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.” คือ มรดกของเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 เป็นผลพวงจากการต่อสู้ของประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยต่อระบอบ “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” ตามรัฐธรรมนูญ 2521 และ 2534 ที่ต้องการให้การเลือกตั้งเป็นเพียง “เครื่องประดับ” และหลังเลือกตั้งกลับเชิญ “คนนอก” เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกับมีวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง ประกอบไปด้วยนายทหารและข้าราชการประจำ เราต้องแลกเลือดเนื้อชีวิตของประชาชนไปจำนวนมาก กว่าประเทศไทยจะสถาปนาหลักการ “นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.” ลงไปในรัฐธรรมนูญ 2540 ก่อนจะถูกฉีกโดยการรัฐประหาร 2549

พรรคอนาคตใหม่เรียกร้องให้การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องดำเนินไปอย่างเสรี เป็นธรรม และแข่งขันกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียม บุคคล สื่อมวลชน ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และพรรคการเมืองทุกพรรคต้องมีเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคขัดขวางในทางกฎหมายและในทางประเพณีค่านิยม เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นกระบวนการสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย

พรรคอนาคตใหม่มีความพร้อมกับการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 ทั้งในด้านบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี บุคคลที่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี ผู้สมัคร ส.ส. ตลอดจนนโยบายของพรรคที่มุ่งแก้ไขปัญหาโครงสร้างทั้งระบบ เรายืนยันว่า หากพรรคอนาคตใหม่ได้เสียงข้างมากเพียงพอ พรรคอนาคตใหม่พร้อมเป็นรัฐบาล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี แต่หากเกิดกรณีจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” ที่รวบรวมทุกพรรคการเมืองเข้าด้วยกัน พรรคอนาคตใหม่ก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ไม่ใช่เพียงเพราะว่ารัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 106 บังคับให้ต้องมีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น แต่ประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาจำเป็นต้องมีฝ่ายค้านที่คอยตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาลด้วย

สุดท้ายพรรคอนาคตใหม่เชื่อในการเปลี่ยนแปลงและความเป็นไปได้เราเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องเลือกอยู่ระหว่างการเมืองแบบเผด็จการทหารกับการเมืองแบบเก่า แต่การเมืองแบบใหม่เป็นไปได้ การเมืองที่เป็นของคนทุกคน ไม่ใช่การตกลงเจรจาโดยผู้มีอำนาจไม่กี่คน เป็นไปได้ การเมืองที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เป็นไปได้

“ถาม-ตอบ” ย้ำพร้อมร่วมงาน หาก “จุดยืนการเมือง” ตรงกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้ากรณีที่เสียงทั้ง 2 ฝ่ายสูสีกันและต้องเลือกระหว่างร่วมกับพรรคไทยรักษาชาติจัดตั้งรัฐบาล หรือยอมให้พรรคพลังประชารัฐสามารถตั้งรัฐบาลได้ พรรคอนาคตใหม่จะร่วมสนับสนุนพรรคไทยรักษาชาติและทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์หรือไม่ รวมไปถึงการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากบุคคลที่ไม่ได้เป็นสส.ด้วย? 

นายปิยบุตร กล่าวว่าเรายืนยันในแถลงการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ว่ามีจุดยืน 3 ข้อใหญ่ อันแรกยุติการสืบทอดอำนาจของคสช. อันที่ 2 คือแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางไปยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และอันสุดท้ายคือลบล้างผลพวงรัฐประหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการร่วมงานหรือร่วมรัฐบาลหรือไม่ แต่ถ้าสุดท้ายเสียงของพรรคเป็นตัวตัดสินว่าคสช.จะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ แล้วเราพร้อมจะเข้าไปร่วมกับพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่นั้น เรายืนยันว่าเรายืนจาก 3 ข้อนี้และพรรคอนาคตใหม่เสนอนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี และผลการเลือกตั้งวันนี้ยังไม่มีใครทราบ เรามั่นใจว่าเราจะได้เสียงในสภาผู้แทนราษฎรด้วยจุดยืนที่มั่นคงในทางประชาธิปไตยแบบนี้ ต้องย้ำว่าผลการเลือกตั้งยังไม่ออก วันการเลือกตั้งยังมาไม่ถึง เราจะรณรงค์จากจุดยืนของเราแบบนี้

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแสดงว่าถ้าเกิดกรณีแบบนี้ พรรคอนาคตจะไม่ร่วมทำงานกับพรรคเหล่านี้ เพราะขัดต่อจุดยืนของพรรค?

นายปิยบุตร กล่าวว่าตนได้อธิบายไปหมดเรียบร้อยแล้วว่าเรายืนหยัด 3 จุดยืนดังกล่าว แล้วเราเสนอนายธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี และยืดหยัดว่านายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องยึดหลักการเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ถ้าหลักการมันขัดแย้งกันเอง พรรคจะต้องเลือกอย่างไร เช่นระหว่างไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนอกหรือหยุดยั้งคสช.ที่จะเป็นรัฐบาล?

นายปิยบุตร กล่าวว่าคำถามนี้ง่ายจริงๆ เลือกพรรคอนาคตใหม่ใหเ้ป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรและธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจเป็นนายกรัฐมนตรี หลักการทั้งหมดจะทำได้หมด

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าพร้อมจะร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปปัตย์หรือไม่?

นายธนาธร กล่าวว่าได้ตอบไปหลายครั้งแล้ว ตัดชื่อพรรคออกไป ตัดชื่อคนออกไป เอาจุดยืนทางการเมืองเป็นตัวตั้ง ซึ่งคือจุดยืนของพรรคอนาคตใหม่ หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคสช. แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ ล้มล้างผลพวงรัฐประหาร ถ้าพรรคไหนเอาด้วยเราร่วมงานด้วย

นายปิยบุตร กล่าวเสริมว่าจากข่าวเห็นว่ามีผู้สมัครของพรรคประชาธิปปัตย์ออกมาชัดเจนว่าพร้อมจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ แบบนี้ก็ชัดเจนว่าเท่ากับไม่ตรงกับแนวทางที่เรายืดมั่นได้ ผมคิดว่าอย่ากังวลเลยว่าพรรคอนาคตใหม่จะร่วมงานกับพรรคประชาธิปปัตย์หรือไม่ แต่ไปกังวลว่าพรรคประชาธิปปัตย์จะร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าขณะนี้พรรคอนาคนใหม่ต้องการเป็นการแข่งขันต้องเป็นธรรมและเสมอภาค แต่วันนี้หลังจากที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ได้มาอยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักษาชาติ พรรคอนาคตใหม่คิดว่าเกิดความไม่เสมอภาคหรือไม่?

นายปิยบุตร กล่าวว่าเรายืนยันตามแถลงการณ์แล้วว่าการแข่งขันจะต้องเสรีและเป็นธรรม แข่งขันอย่างเสมอภาคเท่าเทียม บุคคลใดก็ตามที่เสนอตัวเข้ามาในแวดลงการเมืองแล้วก็ต้องถูกการอภิปรายโต้แย้งถกเถียงเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย อีกด้านหนึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าล่าสุดตัวทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ มหิดล ได้เขียนในอินสตราแกรมว่าท่านไม่ได้นิยมชมชอบกับระบอบอภิสิทธิ์ ในด้านนี้ก็แสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะแข่งขันกันอย่างเสรีและเป็นธรรม และผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีทุกคนจำเป็นต้องถูกวิพากย์วิจารณ์โต้แย้ง ทุกๆคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพราะเข้าสู่การแข่งขันแบบประชาธิปไตยแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดอย่างไรหลังพรรคไทยรักษาชาติเปิดตัวผู้ท้าชิงนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีใครคาดคิดและไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ รู้สึกอย่างไรบ้าง และมุมมองหลังจากนี้มองอย่างไรบ้าง?

นายธนาธร กล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเช้าวันนี้คือการ Set Zero สีเสื้อทางการเมืองที่ผ่านมาในอดีต ไม่สามารถใช้อธิบายความขัดแย้งในสังคมไทยได้อีกต่อไป นี่คือการเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกข้างทางการเมืองใหม่ และการเลือกข้างทางการเมืองครั้งนี้แตกต่างจากการเลือกตั้งทางการเมืองครั้งก่อนๆที่ผ่านมา เพราะการเลือกข้างทางการเมืองครั้งนี้มีพรรคอนาคตใหม่

ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/FWPthailand/

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าถ้าเป็นการ Set Zero แปลว่าจะนำไปสู่การปรองดองในอนาคตหรือไม่?

นายธนาธร กล่าวว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่เชื่อว่าประชาธิปไตยสามารถสร้างได้โดยการพูดคุยเจรจาต่อรองกันระหว่างชนชั้นนำเป็นอย่างเดียว เราเชื่อว่าประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืน จะต้องมีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างและออกแบบร่วมกัน ประวัติศาสตร์พิสูจน์หลายครั้งแล้วว่าประชาธิปไตยที่สร้างโดยกลุ่มชนชั้นนำเจรจาต่อรองกันเองไม่ยั่งยืน แต่ผมไม่สามารถทราบได้ว่ามีการเจรจาอะไรหรือไม่อย่างไร แต่ต้องบอกว่าพรรคอนาคตใหม่ตั้งแต่ตั้งพรรคมาปีที่แล้วจนถึงวันนี้ไม่เคยมีการเจรจาต่อรองใดๆกับคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือคุณทักษิณ ชินวัตร แต่ใครจะเจรจาต่อรองอย่างไร สุดที่ผมจะรู้ได้ เราเรียกร้องเรื่องจุดยืนมาตลอดและจุดยืนทางการเมืองจะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะร่วมงานกับใคร

นายปิยบุตร กล่าวว่าการเลือกตั้งจะส่งผลได้อย่างแท้จริง เป็นการเลือกตั้งที่ทำให้เห็นว่าประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดอย่างแท้จริง จะต้องเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ได้เกิดหลังการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เราไม่ควรพูดเรื่องเจรจาจัดตั้งรัฐบาลก่อน เพราะแปลว่าเป็นการดูถูกประชาชนว่าคุณเลือกตั้งไปเถอะ เราเจรจารัฐบาลเสร็จแล้ว แต่ต้องเลือกตั้งให้เสร็จก่อน แล้วผลการเลือกตั้งจะบอกเราเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าการเปิดตัวผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติจะทำให้กระบวนการหาเสียงมันอึดอัดหรือไม่?

นายธนาธร กล่าวว่าเราชี้แจงไปแล้วในแถลงการณ์ว่าสิ่งที่พรรคอนาคตใหม่ต้องการเห็นคือผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทุกคนควรจะเสมอภาคกันต่อหน้ากฎหมาย ต่อหน้าประชาชน

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการนำการเมืองกลับไปสู่ความปกติอีกครั้งหนึ่ง หลังจากอยู่ในระบบพิเศษ ระบบข้อยกเว้น เป็นบันไดขั้นแรกที่จะก้าวไปสู่การเมืองแบบปกติ อยากให้พี่น้องสื่อมวลชนนำเสนอให้การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เป็นปกติอย่างที่นานาอารยประเทศทำกัน คือทำได้อย่างเต็มที่ไม่ว่าใครจะเข้าสู่ภาคการเมือง ไม่ว่าพรรคนั้นจะสนับสนุนขั้วการเมืองใดก็ตาม ทำให้มีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม ทำให้การเลือกตั้งนี้ได้มาตรฐาน และจะเป็นกระบวนการสำคัญที่จะเปลี่ยนผ่านกลับไปสู่ประชาธิปไตยได้ และย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าอย่าทำให้เป็นเรื่องผิดปกติ ยิ่งคำถามว่าจะวิจารณ์ได้หรือไม่เหล่านี้เกิดขึ้นมากเท่าไหร่ ความผิดปกติจะเกิดขึ้นมากเท่านั้น ทำให้ทำให้เป็นเรื่องปกติของการแข่งขันของการเลือกตั้ง ที่ผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทุกคนต้องแข่งขันภายใต้กติกาที่เท่าเทียมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าผิดหวังหรือไม่ที่สื่อไทยหลายวันที่ผ่านทราบแล้วว่าผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติคือใคร แต่ยังปฏิเสธที่จะนำเสนอ แต่สื่อต่างชาติได้นำเสนอไปล่วงหน้าแล้ว มันน่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าการนำเสนอของสื่อไทยอาจจะเป็นปัญหาของการวิพากย์วิจารณ์หรือตรวจสอบตามระบบประชาธิปไตย?

นายปิยบุตร กล่าวว่าคิดไม่เป็นอะไร แต่สื่ออาจจะกำลังปรับตัว แต่ที่เมื่อกี้เน้นย้ำว่าพยายามทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรืองปกติและถ้ายึดมาตรฐานเดียวกันทุกคนเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน

  • พรรคไทยรักษาชาติเสนอทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯเป็นนายกฯ – “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” รับเสนอชื่อเป็นนายกฯพรรคพลังประชารัฐ
  • 8 กุมภาพันธ์ 2562 …จุดเปลี่ยนการเมืองไทย