ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 13-19 ส.ค. 2559: “ปล่อยเงียบ ผู้ต้องสงสัยเผาโลตัสเมืองคอน” และ “ฝากขัง 15 ผู้ต้องหา คีดตั้งพรรค นปป.”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 13-19 ส.ค. 2559: “ปล่อยเงียบ ผู้ต้องสงสัยเผาโลตัสเมืองคอน” และ “ฝากขัง 15 ผู้ต้องหา คีดตั้งพรรค นปป.”

20 สิงหาคม 2016


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 13-19 ส.ค. 2559

  • ปล่อยเงียบ ผู้ต้องสงสัยเผาโลตัสเมืองคอน
  • เล็งใช้ “ซิมนักท่องเที่ยว” หวังโยกเงินค้างในระบบเป็นของแผ่นดิน
  • ครม. อนุมัติ 2.5 พันล้าน สร้างระบบระบายน้ำท่วม กทม.
  • “สมชัย” เผย อาจได้เลือกตั้งวัน รธน. ปีหน้า
  • ฝากขัง 15 ผู้ต้องหา คดีตั้งพรรค นปป.
  • ปล่อยเงียบ ผู้ต้องสงสัยเผาโลตัสเมืองคอน

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1471599261)
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1471599261)

    หลังจากมีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 บุกจับนายศักรินทร์ (สงวนนามสกุล) กลางแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย ในฐานะว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันวางเพลิงห้างเทสโก้ โลตัส สาขานครศรีธรรมราช

    ล่าสุด เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์รายงานในวันที่ 19 สิงหาคม 2559 ว่า ทางตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ปล่อยตัวนายศักรินทร์ในคืนวันที่ 18 ส.ค. 2559 โดยซื้อตั๋วเครื่องบินจากนครศรีธรรมราช-ดอนเมือง แล้วซื้อตั๋วต่อเครื่องไปยังสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีการจัดกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบไปส่งนายศักรินทร์ ถึงสนามบินนครศรีธรรมราชแบบเงียบๆ ไม่มีใครรู้ และรายงานข่าวแจ้งว่า หลังได้รับการปล่อยตัว นายศักรินทร์ก็เดินทางกลับบ้านเกิดที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้นายศักรินทร์ได้รับอิสรภาพโดยสิ้นเชิง หลังจากนั้น นายศักรินทร์บอกกับตำรวจชุดคลี่คลายคดีว่า อาจจะบวชพราหมณ์นุ่งขาวห่มขาวเพื่อล้างซวยที่บ้านเกิด 7 วัน แต่ต้องปรึกษาญาติก่อนว่าจะบวชกันที่วัดไหน หลังจากนั้นจะกลับไปทำงานตามเดิม

    เล็งใช้ “ซิมนักท่องเที่ยว” หวังโยกเงินค้างในระบบเป็นของแผ่นดิน

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์วอยซ์ทีวี (http://news.voicetv.co.th/thailand/400008.html)
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์วอยซ์ทีวี (http://news.voicetv.co.th/thailand/400008.html)

    วันที่ 13 ส.ค. 2559 เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2559 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ชี้แจงถึงแนวคิดเรื่องการจัดให้มีซิมนักท่องเที่ยว (tourist sim) โดยแยกซิมนักท่องเที่ยวกับซิมการ์ดของผู้ใช้งานของคนไทยออกจากกันว่า เจตนารมณ์สำคัญในเรื่องนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุม 2016 ATRC Dialogue ระหว่างวันที่ 1-3 ส.ค. 2559 ที่ จ.ภูเก็ต ที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ตาม หากจะมีการออกประกาศต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว ทางสำนักงาน กสทช. ได้มีการเตรียมการเพื่อรับฟังความคิดเห็นสาธารณะอีกไม่น้อยกว่า 5-6 ครั้ง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน โดยจะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเข้าร่วมด้วย เช่น สถานทูต ผู้ให้บริการโทรศัพท์ สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หน่วยงานความมั่นคง ตลอดจนกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวและประชาชน

    ทั้งนี้ เมื่อรับฟังความคิดเห็นต่างๆ อย่างรอบด้านแล้ว ทางสำนักงาน กสทช. จะเลือกดำเนินการตามแนวทางที่ดีที่สุด เช่น อาจจะดำเนินการตามหลักการเดิมที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน หรือดำเนินการจัดให้มีซิมนักท่องเที่ยว โดยกำหนดแต่เพียงเรื่องระยะเวลาสิ้นสุดการใช้งานและเงินคงเหลือในระบบเท่านั้น เป็นต้น ในการนี้ สำนักงาน กสทช. จึงขอแจ้งให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศรับทราบโดยทั่วกันว่า ในปัจจุบัน ทางสำนักงาน กสทช. ยังมิได้บังคับใช้เรื่องซิมนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด เพราะต้องดำเนินการศึกษาให้รอบด้านเสียก่อน เพื่อประโยชน์สูงสุดในการดำเนินการต่อไป

    ทั้งนี้ แนวความคิดเรื่องซิมนักท่องเที่ยวดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นจากเจตนารมณ์ที่ดี เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการจัดสรรเลขหมายโทรคมนาคม กล่าวคือ ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการเลขหมายโทรคมนาคมอย่างมาก เนื่องจากมีเลขหมายที่จัดสรรไปแล้วเป็นจำนวนมากถึง 170 ล้านเลขหมาย แต่เป็นเลขหมายที่มีการใช้งานจริงเพียง 103 ล้านเลขหมายเท่านั้น ทั้งนี้ ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากการที่นักท่องเที่ยวใช้งานซิมในระยะเวลาอันสั้น

    นอกจากนี้ก็เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเงินคงเหลือในระบบ กล่าวคือ แม้ว่าปัจจุบัน กสทช. จะได้กำหนดว่า เมื่อมีการเลิกใช้งานเลขหมายแล้ว ให้ผู้ใช้บริการสามารถขอคืนเงินที่ค้างอยู่ในระบบได้ก็ตาม แต่เนื่องจากปัจจุบันเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางกลับประเทศตนและไม่มีการใช้งานเลขหมายนั้นๆ แล้ว ก็จะไม่มีการขอคืนเงินที่ค้างในระบบดังกล่าว ทำให้เงินดังกล่าวตกเป็นของผู้ให้บริการ ดังนั้น จึงมีแนวความคิดที่จะกำหนดให้เงินดังกล่าวเป็นรายได้ของแผ่นดินต่อไป

    ครม. อนุมัติ 2.5 พันล้าน สร้างระบบระบายน้ำท่วม กทม.

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ (http://www.thairath.co.th/content/693401)
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ (http://www.thairath.co.th/content/693401)

    วันที่ 17 ส.ค. 2559 เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. ได้อนุมัติงบประมาณ 2,525.4 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำในจุดต่างๆ 11 เส้นทาง ในพื้นที่ กทม. เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยรูปแบบของโครงการจะเป็นลักษณะท่อคอนกรีต ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5-2 เมตร ฝังลึกลงใต้ผิวจราจร 3-5 เมตร และจะมีบ่อสูบน้ำในตำแหน่งต่างๆ ที่เหมาะสม เพื่อระบายน้ำจากท่อดังกล่าวผันลงคลอง ซึ่งเบื้องต้นได้มีการศึกษามาพอสมควรว่า โครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มดำเนินการจะมีการตรวจสอบอีกครั้งว่าจะมีผลกระทบมากน้อยอย่างไรบ้าง แต่ยืนยันว่าจะไม่กระทบระบบขนส่งมวลชน ทั้งนี้ โครงการนี้จะดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่ถนนสุขุมวิท 7 โครงการ โดยมีคลองแสนแสบเป็นคลองหลักในการระบายน้ำ ส่วนพื้นที่อื่นก็จะเป็น สามแยกเกษตร ถนนนราธิวาส และถนนเจริญกรุง โดยจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำได้ประมาณ 26 ตารางกิโลเมตร

    “สมชัย” เผย อาจได้เลือกตั้งวัน รธน. ปีหน้า

    ที่มาภาพ: เฟซบุ๊กบีบีซีไทย (https://goo.gl/FNuSxr)
    ที่มาภาพ: เฟซบุ๊กบีบีซีไทย (https://goo.gl/FNuSxr)

    วันที่ 17 ส.ค. 2559 เฟซบุ๊กบีบีซีไทยรายงานว่า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า เขามีความเห็นส่วนตัวซึ่งยังไม่ใช่มติของคณะกรรมการ กกต. ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปได้ในวันที่ 10 ธ.ค. 2560 อย่างไรก็ดี จะต้องพิจารณาเงื่อนไขหลายอย่างประกอบกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.บ.) ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่ง ส.ส., พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว., พ.ร.บ.พรรคการเมือง และ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง

    นายสมชัยกล่าวว่า หากการจัดทำกฎหมายดังกล่าวแล้วเสร็จและประกาศใช้เป็นที่เรียบร้อย กกต. ก็จะมีเวลาในการจัดการเลือกตั้ง 150 วัน ซึ่งหากพิจารณาจากกำหนดเวลาต่างๆ แล้ว จึงเห็นว่าหากให้มีการเลือกตั้งในต้นเดือนธันวาคมปีหน้าจึงน่าจะเหมาะสม

    กรรมการ กกต. ขอไม่แสดงความเห็นต่อคำถามที่ว่าจะเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองเริ่มหาเสียงได้เมื่อใด โดยกล่าวเพียงว่าเป็นสิ่งที่ คสช.จะเป็นผู้กำหนด

    ทั้งนี้ นายสมชัย กล่าวก่อนหน้านี้ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับแนวคิดในการให้พรรคการเมืองต้องเริ่มต้นจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองกันใหม่ แต่เห็นว่าการจัดตั้งพรรคการเมืองในอนาคตควรยึดหลักว่าทั้งการจัดตั้งและการยุบพรรคเป็นเรื่องยาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพรรคการเมืองจำนวนมาก

    ฝากขัง 15 ผู้ต้องหา คดีตั้งพรรค นปป.

    เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า วันที่ 19 ส.ค. 2559 เวลา 16.35 น. ศาลทหารอนุญาตฝากขัง 15 ผู้ต้องหาคดีร่วมกันตั้งพรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย (นปป.) ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ครั้งแรก 12 วัน เริ่มตั้งแต่ 19-30 ส.ค. โดยศาลให้เหตุผลว่า คำแถลงคัดค้านของทนายความในประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพของจำเลยเป็นเหตุผลในการประกันตัว ส่วนประเด็นผู้ต้องหาไม่อาจไปยุ่งเกี่ยวกับพยานที่ตำรวจจะเรียกมาสอบคำให้การได้นั้น ศาลให้เหตุผลว่าการสอบสวนของพนักงานสอบสวนไม่เกี่ยวกับการฝากขัง ศาลจึงมีคำสั่งให้นำตัวผู้ต้องหาไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลาง

    ทั้งนี้ ในคำร้องขอให้ศาลฝากขังของพนักงานสอบสวนระบุว่า หน่วยเฉพาะกิจฝ่ายข่าวกรองของ คสช. สืบทราบว่ากลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงร่วมกันชุมนุมจัดตั้งพรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย เพื่อร่วมมือกับมวลชนพื้นที่ต่างๆ ที่มีแนวคิดต่อต้านรัฐบาล วันที่ 13 ส.ค. 2559 เจ้าหน้าที่รักษาความสงบของ คสช. จึงอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 ควบคุมตัวทั้ง 17 คน มาซักถามที่ มทบ.11 ปรากฏว่าผู้ต้องหาได้ร่วมกันจัดตั้งพรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตยโดยมีวัตถุประสงค์จะล้มล้างเปลี่ยนแปลงการปกครองด้วยวิถีที่ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ จึงมีความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 และร่วมกันชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คน ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 ข้อ12 จริง พล.ต. วิจารณ์ จดแตง (ผู้กล่าวหา) จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจ

    ผู้ต้องหาในคดีนี้มีทั้งหมด 17คน ได้แก่ 1. ด.ต. ศิริรัตน์ มโนรัตน์ อายุ 71 ปี 2. นายวีระชัฏฐ์ จันทร์สะอาด อายุ 62 ปี 3. นายประพาส โรจนพิทักษ์ อายุ 67 ปี 4. นายปราโมทย์ สังหาญ อายุ 63 ปี 5. นายสรศักดิ์ ดิษปรีชา อายุ 49 ปี 6. นางสาวมีนา แสงศรี อายุ 39 ปี 7. นาย ศิริฐาโรจน์ จินดา อายุ 56 ปี 8. ร.ต.ต.หญิง วิลัยวรรณ คูณสวัสดิ์ อายุ 54 ปี (ได้รับการปล่อยตัวก่อนถูกออกหมายจับ) 9. นายชินวร ทิพย์นวล อายุ 71 ปี 10. นายณรงค์ ผดุงศักดิ์ อายุ 60 ปี 11. ร.ต.ท. สมัย คูณสวัสดิ์ อายุ 57 ปี (ได้รับการปล่อยตัวก่อนถูกออกหมายจับ) 12. นายศรวัชษ์ กุระจินดา อายุ 60 ปี 13. นายเหนือไพร เซ็นกลาง อายุ 41 ปี 14. นายวิเชียร เจียมสวัสดิ์ อายุ 59 ปี 15. นายบุญภพ เวียงสมุทร อายุ 61 ปี 16. นางสาวรุจิยา เสาสมภพ อายุ 52 ปี 17. นายวิโรจน์ ยอดเจริญ อายุ 67 ปี