
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2559 ราวเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แจ้งผู้สื่อข่าวว่า จะมีการแถลงข่าวด่วนเกี่ยวกับคดีของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายใน 1 ชั่วโมงเศษ
ต่อมา เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีกล่าวหาว่านายธาริตร่ำรวยผิดปกติ พร้อมด้วยนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ร่วมกันแถลงมติที่ประชุม ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ 7:0 ชี้มูลความผิดนายธาริตในคดีดังกล่าว พร้อมส่งสำนวนต่ออัยการสูงสุดให้ยื่นต่อศาลที่มีเขตอำนาจให้พิพากษาให้ทรัพย์สินของนายธาริต คู่สมรส และผู้เกี่ยวข้อง จำนวนกว่า 346,652,588 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน
นายวรวิทย์กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีประชาชนเข้าร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบกรณีข้าราชการระดับสูงสร้างบ้านบนเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา รุกล้ำที่สาธารณะหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ภรรยาของนายธาริต เป็นผู้ครอบครอง ป.ป.ช. จึงตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายธาริตที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ว่ามีบ้านหลังดังกล่าวหรือไม่ ผลปรากฏว่าไม่พบรายการดังกล่าว จึงมีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. ขึ้นมาตรวจสอบ ก่อนพบว่ามีความพยายามในการยักย้าย แปรสภาพ ซุกซ่อน ทรัพย์สินต่างๆ ป.ป.ช. จึงออกคำสั่งอายัดทรัพย์สินไว้ 2 ครั้ง (เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2558 และวันที่ 30 ธันวาคม 2558) รวมจำนวน 90,260,687 บาท
“ต่อมา ที่ประชุม ป.ป.ช. ได้มีมติแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งนายธาริตก็มารับทราบข้อกล่าวหา แต่ไม่ยอมมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่เข้าใจข้อกล่าวหาของคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ และอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยที่คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้เปรียบเทียบรายได้ของนายธาริต และพบว่าทรัพย์สินหลายรายการไม่มีที่มาที่ไป ที่ประชุม ป.ป.ช. ชุดใหญ่จึงมีมติชี้มูลความผิดนายธาริต ฐานร่ำรวยผิดปกติ” นายวรวิทย์กล่าว
สำหรับรายการทรัพย์สินของนายธาริต คู่สมรส และผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุม ป.ป.ช. ชุดใหญ่ มีมติให้ตกเป็นของแผ่นดิน มีจำนวน 20 รายการ ประกอบด้วย
- เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 1,254,673.52 บาท
- เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 236,827.91 บาท
- เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 2,010,350.03 บาท
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 2394 ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท กรรมสิทธิ์ในชื่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 28532 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี พร้อมบ้านเลขที่ 414 ต.หลักหก อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 8078 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 9326 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 9917 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์
- บ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น เลขที่ 444 และสิ่งปลูกสร้างไม่มีเลขที่จำนวน 5 หลัง ในชื่อ “ฟิออเร่ ปาร์ค” หมู่ที่ 11 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 8078, 9326 และ 9917 กรรมสิทธิ์ในชื่อนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์
- รถยนต์ยี่ห้อ MERCEDES BENZ รุ่น E 250 เลขทะเบียน ญฉ 414 กรุงเทพมหานคร ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในชื่อนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์
- รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น ALPHARD เลขทะเบียน ฆฐ 515 กรุงเทพมหานคร ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในชื่อนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 8139 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อนายสนชัย ศรีทองกุล
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 71289 ต.คลองม่วง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อนายสนชัย ศรีทองกุล
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 69674 ต.คลองม่วง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อนายสนชัย ศรีทองกุล
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 9327 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อนายสนชัย ศรีทองกุล
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 9328 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อนายสนชัย ศรีทองกุล
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 16529 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อนายสนชัย ศรีทองกุล
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 21038 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อนายสนชัย ศรีทองกุล
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 28765 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อนายสนชัย ศรีทองกุล
- โฉนดเลขที่ 8090 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงมติชี้มูลความผิดนายธาริต มีกรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 2 คน ที่ไม่ได้ร่วมลงมติด้วย ประกอบด้วยนางสุวณา สุวรรณจูฑะ ที่ติดภารกิจ และ พล.ต.อ. สถาพร หลาวทอง ที่ขอไม่เข้าร่วมประชุม เนื่องจากมีนามสกุลเดียวกับทนายความของนายธาริต เกรงว่าจะมีส่วนได้ส่วนเสีย
“ธาริต” โต้อนุ ป.ป.ช. รวมทรัพย์สินผิดหลักบัญชี เตรียมตั้งทนายความสู้คดี
หลังจากทราบผลการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. ในคดีกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ นายธาริตก็ได้ส่งคำชี้แจงมาให้กับสื่อมวลชนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ มีข้อความดังนี้
ข้อ 1 อนุกรรมการไต่สวนฯ ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อข้าพเจ้าถึง 2 ครั้ง ทั้งนี้ อนุกรรมการได้นำเอาเงินฝากหมุนเวียน ผ่านบัญชีของข้าพเจ้าและภรรยา ที่เปิดไว้กับธนาคารต่างๆ ซึ่งเป็นการฝากและใช้จ่ายตามปกติทุกรายการที่ปรากฏในบัญชีธนาคาร ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ (พ.ศ. 2552-2557) และย้อนหลังไปก่อนดำรงตำแหน่งหลายปีบวกทบๆ กัน โดยไม่ได้พิจารณาว่าเป็นเงินทุนหมุนเวียนและเป็นการคิดคำนวณที่ไม่เป็นตามหลักบัญชี รวมทั้งทรัพย์สินอื่นมาบวกรวมกันให้เห็นว่า ข้าพเจ้ามีทรัพย์สินที่มากเกินความเป็นจริง แล้วกล่าวหาข้าพเจ้าว่าร่ำรวยผิดปกติ ทั้งทรัพย์สินส่วนใหญ่ก็ไม่มีอยู่จริงและทุกรายการก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การมีหรือได้มาซึ่งทรัพย์สินตามที่กล่าวหานั้น เป็นการไม่ชอบหรือไม่มีเหตุอันควร หรือมีพฤติการณ์ที่ร่ำรวยผิดปกติอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น บัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ภรรยาของข้าพเจ้าใช้ฝากเงิน เพื่อหมุนเวียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 6 ล้านบาท ตลอดเวลา 5 ปี ที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่ง ย่อมมีการถอนออกแล้วฝากเข้าเป็นปกติของการซื้อขายหุ้น แต่อนุกรรมการ ป.ป.ช. ใช้วิธีนำเอาเฉพาะรายการฝากทุกๆ ครั้งบวกทบๆ กัน จึงทำให้ยอดบัญชีสูงถึง 86 ล้านบาท ทั้งที่ตัวเงินจริงมีเพียง 6 ล้านบาทที่หมุนเวียน เป็นต้น
การกล่าวหาว่าข้าพเจ้าร่ำรวยผิดปกติ จึงมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้เข้าใจข้อกล่าวหาได้ดี และไม่อยู่ในวิสัยที่วิญญูชนจะสามารถจดจำนำหลักฐานมาชี้แจงข้อกล่าวหาได้ ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยระเบียบตามข้อ 37 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 47 และมาตรา 125
ประการสำคัญ อนุกรรมการ ป.ป.ช. ใช้วิธีคิดคำนวณรายได้จากเงินเดือนและค่าตอบแทนเฉพาะการรับราชการของข้าพเจ้าและภรรยาเท่านั้น ไม่ได้ตรวจสอบถึงรายได้จากการทำธุรกิจ เช่น การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การซื้อขายที่ดิน และการลงทุนในทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทองคำ และอัญมณี ซึ่งในปัจจุบันการมีรายได้จากธุรกิจต่างๆ ของข้าราชการเป็นเรื่องปกติ ที่กระทำได้โดยชอบ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีพยานหลักฐานหรือพฤติการณ์ใดๆ เลยที่แสดงว่า ข้าพเจ้ามีทรัพย์สินเหล่านั้น หรือได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือโดยไม่ถูกต้อง
ข้อ 2 ข้าพเจ้าขอตั้งคำถามต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังต่อไปนี้
(1) วิธีคิดคำนวณทรัพย์สินของข้าพเจ้าเป็นไปตามหลักการทางบัญชีที่คนปกติเขาใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันหรือไม่
(2) การปฏิบัติต่อข้าพเจ้าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
(3) ได้ปฏิบัติกับข้าพเจ้าเท่าเทียมกับปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ หรือไม่
ข้อ 3 ข้าพเจ้าจะได้แต่งตั้งทนายความขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลยุติธรรมต่อไป และหากในที่สุดศาลตัดสินว่า ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำผิดตามที่ ป.ป.ช. มีมติแล้ว ถึงตอนนั้น ป.ป.ช. จะรับผิดชอบต่อความไม่เป็นธรรมที่ได้กระทำกับข้าพเจ้าหรือไม่ อย่างไร