ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 20-26 ธ.ค. 2558: “รัฐแบก ‘บัตรทอง’ ไม่ไหว ปี ’59 ส่อเค้าร่วมจ่าย” และ “ศาลสมุยพิพากษา ‘ประหารชีวิต’ 2 จำเลยฆาตกรรมเกาะเต่า”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 20-26 ธ.ค. 2558: “รัฐแบก ‘บัตรทอง’ ไม่ไหว ปี ’59 ส่อเค้าร่วมจ่าย” และ “ศาลสมุยพิพากษา ‘ประหารชีวิต’ 2 จำเลยฆาตกรรมเกาะเต่า”

26 ธันวาคม 2015


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 20-26 ธ.ค. 2558

  • รัฐแบก “บัตรทอง” ไม่ไหว ปี ’59 ส่อเค้าร่วมจ่าย
  • สื่อนอกสงสัย ประชาชนพอใจรัฐบาลเกือบ 99 เปอร์เซ็นต์
  • ศาลนัดตัดสิน “มือปืนป๊อปคอร์น” – แกนนำ กปปส. ยัน “ไม่เคยรู้จัก”
  • อภิมหาของขวัญ แคมเปญชาวนอร์เวย์ มอบยอดเขาให้ฟินแลนด์
  • ศาลสมุยพิพากษา “ประหารชีวิต” 2 จำเลยฆาตกรรมเกาะเต่า
  • รัฐแบก “บัตรทอง” ไม่ไหว ปี ’59 ส่อเค้าร่วมจ่าย

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เนชั่น (http://www.nationtv.tv/main/content/social/378482657/)
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เนชั่น (http://www.nationtv.tv/main/content/social/378482657/)

    ทำท่าจะไปไม่ไหว กับนโยบายอย่างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือที่คุ้นเคยกันในฐานะ “บัตรทอง” ซึ่งมีแนวโน้มการใช้งบประมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนถึง 4.6 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) กล่าวว่าหลายประเทศที่มีระบบเช่นนี้สามารถอยู่ได้เพราะมีการร่วมกันรับผิดชอบ ประเทศไทยต้องมาร่วมกันคิดว่าจะดำเนินการแบบไหนอย่างไร เพราะจะให้รัฐบาลรับผิดชอบฝ่ายเดียวคงไม่ไหว ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการจัดทำแนวทางเพื่อระดมทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพ (คณะกรรมการฯ) ได้เสนอภาพรวมว่าต้องดำเนินการแบบ SAFE คือ ยั่งยืน (Sustainable) เข้าถึงได้ (Accessible) มีความเป็นธรรม (Fairness) และมีประสิทธิภาพ (Efficiency)

    ส่วนเรื่องการใช้ระบบร่วมจ่าย ซึ่งประชาชนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองส่วนหนึ่งนั้น รมว.สธ. ยืนยันว่าแม้จะทำให้ถูกต่อต้านก็ต้องยอม เพราะถ้าไม่ยอมก็จะไม่มีการปรับปรุงระบบ และถ้าปล่อยไว้ระบบก็จะไปต่อไม่ได้ ถ้าร่วมจ่ายไม่ดีก็ต้องบอกว่าที่ดีต้องทำอย่างไร ต้องเดินหน้าอยู่บนความจริง การจะประชารัฐร่วมกันทำได้หลายรูปแบบ อยากให้มาคุยกันด้วยเหตุและผล

    “และในวันที่ 29 ธันวาคม 2558 จะเชิญคณะกรรมการฯ ที่มี นพ.สุวิทย์ (วิบุลผลประเสริฐ) เป็นประธานมาประชุมร่วมกัน จากนั้นจะตั้งคณะทำงานเพื่อเดินหน้าต่อทันที และยินดีมากหากภาคประชาชนจะเข้ามาร่วมเสนอแนวทาง เพราะทุกคนเป็นเจ้าของประเทศเหมือนกัน ปัญหาต้องได้รับการแก้ไข”

    ส่วนกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าสวัสดิการข้าราชการใช้งบประมาณมากกว่าหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นพ.ปิยะสกลบอกว่า ข้าราชการเงินเดือนน้อยกว่าเอกชน การให้สิทธิการรักษาพยาบาลก็เป็นการให้สวัสดิการ หากจะปรับปรุงก็ต้องเพิ่มเงินเดือนให้ข้าราชการแล้วมาจ่ายรักษาพยาบาลเท่ากัน

    อ่านเพิ่มเติม: เว็บไซต์เนชั่น

    สื่อนอกสงสัย ประชาชนพอใจรัฐบาลเกือบ 99 เปอร์เซ็นต์

    พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัว คสช. ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์ (http://www.dailynews.co.th/foreign/368926)
    พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัว คสช.
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์ (http://www.dailynews.co.th/foreign/368926)

    ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการกล่าวถึงผลสำรวจความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยไม่ว่าแต่ละข่าวจะรายงานตัวเลขแตกต่างกันอย่างไร แต่ก็ล้วนออกมาใกล้เคียงกันคือประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์

    พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เป็นผลจากการสอบถามประชาชนทั่วประเทศ 2,700 คน ระหว่างวันที่ 27 พ.ย. – 4 ธ.ค. ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ และพบว่าร้อยละ 98.9 ของผู้ถูกสอบถาม มีความพึงพอใจและเชื่อมั่นในการบริหารงานของ คสช.

    ส่วน พล.ต. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผลดังกล่าวมาจากการทำการสำรวจประชาชนกว่า 7,000 คน ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.

    ในขณะที่ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ทำการสำรวจ เปิดเผยว่า จากการสอบถามประชาชน 3,900 คน ระหว่างวันที่ 2-10 พ.ย. ผลปรากฏว่า ร้อยละ 98.6 แสดงความพึงพอใจต่อรัฐบาล คสช.

    อย่างไรก็ดี เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานโดยอ้างสำนักข่าวเอพีประจำประเทศไทยว่า ความนิยมที่สูงมากขนาดนี้ จะพบเห็นได้ในการเลือกตั้งที่เกาหลีเหนือ หรืออิรักในยุคของอดีตผู้นำเผด็จการซัดดัม ฮุสเซน

    อ่านเพิ่มเติม: เว็บไซต์เดลินิวส์

    ศาลนัดตัดสิน “มือปืนป๊อปคอร์น” แกนนำ กปปส. ยัน “ไม่เคยรู้จัก”

    มือปืนป๊อปคอร์น ที่มาภาพ: เว็บไซต์เอ็มไทย (http://news.mthai.com/hot-news/general-news/317626.html)
    มือปืนป๊อปคอร์น
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เอ็มไทย (http://news.mthai.com/hot-news/general-news/317626.html)

    การชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ในช่วงปี พ.ศ. 2556-2557 ได้ทำให้ชื่อฉายาหนึ่งได้กลายเป็นที่รู้จักในสังคม ซึ่งชื่อฉายาที่ว่าก็คือ “มือปืนป๊อปคอร์น” อันหมายถึงกลุ่มคนติดอาวุธในเหตุการณ์ปะทะบริเวณแยกหลักสี่เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2557 โดยหนึ่งในกลุ่มนั้นใช้ถุงกระสอบของเมล็ดป๊อปคอร์นยี่ห้อหนึ่งห่อหุ้มปืนที่ใช้ยิงในการปะทะ และต่อมาได้มีการจับกุมนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือท็อป อายุ 24 ปี โดยมีการกล่าวหาว่าคือบุคคลดังกล่าว

    อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2557 ว่านายวิวัฒน์กับพวกพกพาปืนเล็กยาวไม่ทราบชนิดและขนาดเข้าไปในพื้นที่ และยิงปืนเข้าไปในศูนย์การค้าไอทีสแควร์ ทำให้มีผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส 4 ราย และหนึ่งในผู้เสียหาย คือนายอะแกว แซ่ลิ้ว เสียชีวิตในเวลาต่อมา (นายอะแกวเสียชีวิตหลังจากต้องเป็นอัมพาตเพราะพิษกระสุนอยู่ 7 เดือน โดยลูกสาวของนายอะแกวยืนยันว่าพ่อของตนเพียงแค่มาสังเกตการณ์การชุมนุมขณะที่มาหาตนที่ทำงานอยู่ในบริเวณนั้นด้วยความเป็นห่วง (อ่านรายละเอียดที่นี่)

    ในวันที่ 22 ธ.ค. 2558 ที่ผ่านมา มีการเบิกความพยาน 2 ปาก ประกอบด้วย นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อายุ 64 ปี อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนายสุชาติ ศรีสังข์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และแกนนำกลุ่ม กปปส. โดยในตอนหนึ่ง นายสุชาติเบิกความว่า ตนไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายวิวัฒน์เลย

    ขณะเดียวกัน นพ.นิรันดร์ เบิกความในตอนหนึ่งว่า นายวิวัฒน์บอกว่าถูกคุมตัวมาจากภาคใต้โดยชายฉกรรจ์นอกเครื่องแบบแล้วนำตัวมาที่ กทม. ซึ่งระหว่างทางกลุ่มชายดังกล่าวได้พูดจาข่มขู่ พร้อมทั้งนำถุงดำมาครอบศีรษะถึงลำคอเพื่อให้นายวิวัฒน์หายใจไม่สะดวก ทำให้นายวิวัฒน์ให้การรับสารภาพ

    อย่างไรก็ดี หลังเบิกความพยานเสร็จสิ้นแล้ว ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 3 มี.ค. 59 เวลา 10.00 น.

    อ่านเพิ่มเติม: เว็บไซต์ประชาไท

    อภิมหาของขวัญ แคมเปญชาวนอร์เวย์ มอบยอดเขาให้ฟินแลนด์

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดอะเทเลกราฟ (http://www.telegraph.co.uk/news/worldnews/europe/norway/12055542/Norway-launches-campaign-to-give-Finland-a-mountain.html)
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดอะเทเลกราฟ (http://www.telegraph.co.uk/news/worldnews/europe/norway/12055542/Norway-launches-campaign-to-give-Finland-a-mountain.html)

    สำนักข่าวเดอะเทเลกราฟ ประเทศอังกฤษ นำเสนอข่าวอันน่าตื่นตะลึง เมื่อชาวนอร์เวย์กลุ่มหนึ่งได้ริเริ่มแคมเปญที่จะมอบยอดเขาของภูเขาลูกหนึ่งให้กับประเทศฟินแลนด์ เพื่อเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสที่ฟินแลนด์ประกาศเอกราชครบร้อยปี

    ภูเขาที่ว่าก็คือ “ฮัลติ” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนประเทศนอร์เวย์และฟินแลนด์ โดยมีความสูงประมาณ 1,365 เมตร ซึ่งความสูงขนาดนี้ไม่ได้อยู่ใน 200 ยอดเขาที่สูงที่สุดในนอร์เวย์ด้วยซ้ำไป แต่ยอดเขาส่วนที่สูงน้อยกว่าอย่างอัลดิชชอกกา (Hálditšohkka) ซึ่งมีความสูง 1,324 เมตร กลับเป็นจุดที่สูงที่สุดของประเทศฟินแลนด์

    อนึ่ง หากแคมเปญนี้สำเร็จ พรมแดนระหว่างนอร์เวย์และฟินแลนด์จะเคลื่อนไปทางเหนือ 150 เมตร และเคลื่อนไปทางตะวันออก 200 เมตร นอร์เวย์จะเสียพื้นที่แค่ 0.015 ตารางกิโลเมตร ในขณะที่ฟินแลนด์จะมียอดเขาที่สูงที่สุดยอดใหม่ขึ้นมา ซึ่งก็คืออัลดิชชอกกา หรือที่ฟินแลนด์เรียกกันว่าริสชูอาทัลดี (Ráisduattarháldi)

    นายบียอร์น ไกร์ ฮาร์ชชอง (Bjørn Geirr Harsson) อดีตนักภูมิมาตรศาสตร์ (geodesist: ผู้ศึกษาเรื่องขนาด รูปร่าง และพื้นผิวโลก) บอกว่า “ความคิดของผมคือ นี่ควรจะเป็นของขวัญจากชาวนอร์เวย​์ และผมแน่ใจว่าชาวฟินแลนด์จะต้องชอบมัน” และยังกล่าวอีกว่า “มันจะเปลี่ยนขนาดของนอร์เวย์หรือฟินแลนด์ไปไม่ถึง 1 ตารางกิโลเมตร แต่มันจะสร้างความแตกต่างอย่างมากกับการที่จุดสูงสุดของฟินแลนด์จะเป็นยอดเขา ไม่ใช่ไหล่เขา”

    อ่านเพิ่มเติม: เว็บไซต์เดอะเทเลกราฟ

    ศาลสมุยพิพากษา “ประหารชีวิต” 2 จำเลยฆาตกรรมเกาะเต่า

    นายซอ ลิน และนายไว เพียว สองจำเลยคดีฆาตกรรมเกาะเต่า ที่มาภาพ: เฟซบุ๊กบีบีซีไทย (https://www.facebook.com/BBCThai/posts/1723050737915959 )
    นายซอ ลิน และนายไว เพียว สองจำเลยคดีฆาตกรรมเกาะเต่า
    ที่มาภาพ: เฟซบุ๊กบีบีซีไทย (https://www.facebook.com/BBCThai/posts/1723050737915959 )

    จากกรณีคดีการฆาตกรรมเดวิด มิลเลอร์ (ผู้ตายที่ 1) และฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ (ผู้ตายที่ 2) 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2557 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมนายซอ ลิน (จำเลยที่ 1) และไว เพียว (จำเลยที่ 2) สองแรงงานชาวพม่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2558 ศาลจังหวัดเกาะสมุยได้มีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิตจำเลยทั้งสองแล้ว

    ทั้งนี้ สามารถสรุปเหตุผลประกอบคำพิพากษาได้ดังนี้

    1. ดีเอ็นเอจากคราบอสุจิในช่องคลอดของผู้ตายตรงกับดีเอ็นเอของนางสาวฮันนาห์ และดีเอ็นเอจากคราบอสุจิที่ช่องทวารหนักของผู้ตายตรงกับดีเอ็นเอของทั้งสองคน โดยมีค่าดีเอ็นเอตรงกัน 16 จุด ซึ่งสามารถพิสูจน์เอกลักษณ์ได้ตามมาตรฐานสากล
    2. การเก็บเนื้อเยื่อเพื่อส่งไปตรวจพิสูจน์เกิดขึ้นโดยทันทีทันใด จึงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าพนักงานตำรวจและแพทย์ผู้ตรวจผ่าศพและนักวิทยาศาสตร์ผู้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของคนร้ายจะสามารถนำอสุจิหรือสารประกอบน้ำอสุจิซึ่งอยู่ในร่างกายส่วนลึกของจำเลยทั้งสองไปใส่ไว้ในช่องคลอดและช่องทวารหนักของผู้ตายได้
    3. การมีพยานยืนยันว่านายไวนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนายเดวิดมามอบให้หลังเกิดเหตุไม่นาน เป็นหลักฐานได้ส่วนหนึ่งว่านายไวมีความเกี่ยวข้องกับคดี
    4. พฤติการณ์จำเลยชี้ว่าเป็นความผิดฐานโทรมหญิง
    5. บาดแผลของผู้ตายเข้ากันได้กับจอบและสันจอบ รวมทั้งมีคราบโลหิตบนสันจอบ เป็นหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่าจำเลยใช้จอบทุบตีและฟันผู้ตายจนเสียชีวิต
    6. กรณีที่มีการเบิกความว่าจำเลยทั้งสองถูกทรมานเพื่อให้รับสารภาพ ศาลชี้ว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานใดๆ มานำสืบได้ตามที่อ้าง

    ดังนั้น ศาลจึงพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิด และให้ลงโทษทุกกรรม คือ ร่วมกันฆ่าผู้ตายที่ 1 (นายเดวิด) ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง ร่วมกันฆ่าผู้ตายที่ 2 (นางสาวฮันนาห์) เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตนในลักษณะโทรมหญิง ให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยทั้งสอง ส่วนความผิดอื่นๆ ได้แก่ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ให้จำคุกจำเลยที่ 2 (นายไว) กำหนด 2 ปี ความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรผิดกฎหมาย ให้จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 6 เดือน

    อนึ่ง ทีมทนายความของจำเลยจะทำการยื่นอุทธรณ์ต่อไป

    อ่านเพิ่มเติม: เฟซบุ๊กบีบีซีไทยและสำนักข่าวประชาไท