
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2558 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน มีวาระสำคัญคือการพิจารณาเรื่องผลดีผลเสียของการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership: TPP) หลังจากมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ไปศึกษามาเพื่อสัปดาห์ก่อน
นายกฯ ยันไม่รีบเข้า TPP มีเวลา 2 ปี
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ทาง พณ. ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบวันนี้ ยืนยันว่าตนยังไม่ปิดว่าจะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม TPP เพราะยังมีเวลาจนถึงปี 2560 จึงยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน และเท่าที่ฟังก็ยังมีบางประเทศใน TPP มีข้อสงวนในบางสินค้าอยู่ เรื่องนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบเพราะถ้าเราไปร่วมกับกลุ่มหนึ่ง ก็อาจจะเข้าร่วมกับอีกกลุ่มไม่ได้ ยืนยันว่าตนจะทำอะไรก็ได้ให้ประเทศได้ประโยชน์ ทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสีย ไม่มีอะไรที่ได้หมดหรือเสียหมด ทุกอย่างเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนประโยชน์ที่ต้องไปพูดคุยกัน
สั่ง กต. แจงทั่วโลกถึงการทำงานแม่น้ำ 5 สาย
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานขณะนี้จะมุ่งเดินหน้าการทำงานด้านการปฏิรูปประเทศ แต่ขณะนี้มีคนบางส่วนไปบิดเบือนการทำงานขององค์กรแม่น้ำ 5 สาย ทั้งรัฐบาล ครม. คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ตนจึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศนำข้อมูลไปให้ทูตไทยทั่วโลกช่วยชี้แจงถึงการทำงานขององค์กรแม่น้ำ 5 สาย
กรณีที่นายธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกฯ และองคมนตรี ยื่นข้อคิดเห็นในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ด้านกฎหมาย ไปศึกษาก่อนส่งให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ไปพิจารณาต่อ ที่นายธานินทร์ขอให้ตัดสิทธินักการเมืองทุจริตตลอดชีวิต เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญที่ กรธ. จะพิจารณาจากความเห็นของทุกฝ่าย รวมถึงต้องผ่านการทำประชามติด้วย
ใช้ ม.44 เด้งเลขาสภาฯ เพื่อประสิทธิภาพ
พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวชี้แจงถึงการใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ย้ายนายนัฑ ผาสุข ที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา มาเป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแทนนายจเร พันธุ์เปรื่อง ที่ถูกย้ายไปเป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ แต่ต่อมากลับมีคำสั่งหัวหน้า คสช. อีกฉบับยกเลิกคำสั่งย้ายนายนัฑว่า การย้ายนายจเรเป็นเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานเรื่องการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ไม่ใช่การทุจริตที่ขณะนี้ทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ มีกลไกในการตรวจสอบอยู่ ทั้งเรื่องการนำดินไปทิ้งในที่ดินของเอกชนและเรื่องอื่นๆ รวมถึงไม่ใช่เรื่องของการกลั่นแกล้งข้าราชการหรือต้องการแต่งตั้งเด็กใคร ที่ใช้มาตรา 44 เพราะไม่มีกฎหมายอื่นให้อำนาจแล้ว ส่วนสาเหตุที่ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. อีกฉบับ ยกเลิกการแต่งตั้งนายนัฑเป็นเลขาธิการสภาฯ เพราะได้รับข้อมูลว่านายนัฑอยู่ระหว่างขั้นตอนการทูลเกล้าฯ ให้ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการวุฒิสภา
เมื่อถามว่า มีอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ออกมาท้วงติงว่าเป็นการใช้มาตรา 44 กับเรื่องเล็กเกินไป พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า การก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ไม่ใช่เรื่องเล็ก และเรื่องเล็กวันนี้ก็อาจเป็นเรื่องใหญ่ในวันข้างหน้าได้
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ใช้มาตรา 44 ย้ายข้าราชการเฉพาะเรื่องทุจริต แต่มาครั้งนี้ย้ายเพราะเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน จะมีการโยกย้ายในลักษณะนี้ในลอตอื่นๆ ตามมาหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ถ้าจะมีก็เสนอมา ใครทำงานไม่ได้ก็จะต้องมีการย้ายเพื่อประสิทธิภาพ
ชี้ TPP ยังกระทบไทยไม่มาก
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลการศึกษาข้อดีข้อเสียของ TPP ว่า ได้เสนอให้ที่ประชุมรับทราบแล้วว่าผลกระทบของการเข้าร่วม TPP หลักๆ จะมีอยู่ 2 ข้อ 1. ผลทางจิตวิทยาว่ามูลค่าการค้าภายในกลุ่มจะเพิ่มขึ้น และ 2. ผลต่อการส่งออกสินค้าของไทยบางรายการ อย่างไรก็ตาม ในสมาชิก TPP ปัจจุบัน 12 ประเทศ มีที่ทำความข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Area: FTA) กับไทยแล้ว 9 ประเทศ เหลือเพียงสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโกเท่านั้นที่ไม่มี FTA โดยไทยกับสหรัฐฯ มีระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences: GSP) อยู่แล้ว ดังนั้น ผลกระทบของ TPP จึงยังไม่มากนัก
นอกจากนี้ ในปัจจุบัน ไทยเป็นสมาชิกความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RSEP) ที่เป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับคู่ภาคี 6 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แม้ขนาดของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศที่ร่วมโครงการ ASEP จะน้อยกว่า TPP แต่มีจำนวนประชากรมากกว่า ขณะที่สิ้นปี 2558 นี้ก็จะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC)
“สำหรับ TPP กว่าจะมีผลบังคับคงต้องใช้เวลาอีก 1-2 ปี เพราะแต่ละประเทศต้องไปปรับระบบให้สอดคล้องกับความตกลง เราจึงยังมีเวลาในการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบที่จะมีต่อประเทศไทย ขณะนี้จึงยังไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจ” นางอภิรดีกล่าว
“ไพบูลย์” ปัดจ้องยุบ สสส. เรียกแจงปมใช้งบ 26 ต.ค. นี้
พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่าถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง สสส. หรือไม่ว่า หลังจาก ศอตช. ได้ประชุมเรื่องนี้ไปแล้วครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ซึ่งมีการสรุปข้อมูลการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเบื้องต้นแล้ว และในวันที่ 26 ตุลาคม 2558 จะเรียกตัวแทน สสส. มาชี้แจง ยืนยันว่าการตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาจะเลิก สสส. เพราะสิ่งที่ทำก็มีประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่ต้องการให้การใช้จ่ายงบประมาณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะงบประมาณของ สสส. ก็เป็นเงินของแผ่นดิน
สำหรับวาระการประชุม ครม. อื่นๆ ที่มีความสำคัญ มีดังนี้
เตรียมตั้งวิปร่วมแม่น้ำ 3 สาย
พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมองค์กรแม่น้ำ 5 สาย ในวันที่ 28 ตุลาคม 2558 จะเป็นไปเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและกัน เพื่อให้สามารถทำงานได้สอดคล้องกัน นอกจากนี้ยังจะเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการทำงานของ สปท. ต่อไป ทั้งนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการประสานงาน (วิป) ระหว่าง ครม. สนช. และ สปท. เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เร่งรัดตั้งRubber City – ขอเกษตรกรอย่าเดินขบวน
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า นายกฯ ได้สั่งการในที่ประชุมเร่งรัดการจัดตั้งนิคมยางพารา (Rubber City) รวมทั้งศูนย์ทดสอบยางล้อที่ ครม. เคยอนุมัติไปก่อนหน้านี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด ส่วนการแก้ไขปัญหาภาคการเกษตร โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตรที่เกิดปัญหาบ่อยครั้ง ทั้งข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ฯลฯ พล.อ. ประยุทธ์ ได้เปรยว่าทุกเรื่องมีทางแก้ไข แต่จะต้องเอาข้อเท็จจริงมาพูดคุยกัน ทั้งนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปพูดคุยทำความเข้าใจโดยด่วนหากเกิดกรณีราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ แต่ก็อยากขอร้องเกษตรว่าอย่าออกมาเดินขบวนกดดัน เพราะไม่ใช่แนวทางที่ตรงจุดกับการแก้ไขปัญหา
สั่ง “บิ๊กป้อม” ปราบมาเฟียท้องถิ่นใน 6 เดือน
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า นายกฯ ได้สั่งการให้มีการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ที่คล้ายกับศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทย แต่รับร้องเรียนปัญหาที่เกี่ยวข้องตำรวจโดยเฉพาะ เพราะมีจำนวนมากและประชาชนรู้สึกว่าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมไปก็ไม่คืบหน้า ขณะเดียวกัน ยังสั่งให้กวาดล้างปราบปรามผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องอาวุธสงคราม ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือน โดยจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม คสช. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการการทำงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ครม. ปรับวงเงินช่วยเกษตรกรเรื่องเครื่องจักรเป็น 3.3 พันล้าน
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ปรับกรอบวงเงินในโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก จากเดิม 2,789 ล้านบาท เป็น 3,322 ล้านบาท เนื่องจากมีการคำนวณเพิ่มในส่วนของเงินชดเชยดอกเบี้ยอีกจำนวน 418 ล้านบาท และงบดำเนินงานอีก 15 ล้านบาทเข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ ครม. ได้อนุมัติงบกลางเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการในระยะนำร่อง ปี 2558 รวม 99 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายที่เหลือในปีงบประมาณ 2559-2562 จะขอให้ใช้เงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยรัฐจะชดเชยดอกเบี้ยในอัตรา 3% ต่อปี รวมระยะเวลา 5 ปี
มท. เผยช่วยเกษตรกรเสี่ยงถูกยึดที่ดิน 7 พันราย
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่เกษตรกร ในกรณีที่เกษตรใช้ที่ดินทำกินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้จากนายทุนนอกระบบ ส่งผลให้สูญเสียที่ดินทำกินไป โดยขณะนี้สามารถดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรได้แล้วจำนวน 7,634 ราย รวมเป็นเงิน 2,964 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยังมีเกษตรกรที่ต้องให้ความช่วยเหลือเนื่องจากศาลมีคำพิพากษาแล้วจำนวน 2,292 ราย มูลหนี้จำนวน 2,184 ล้านบาท ขณะนี้กรมการปกครองได้ประสานงานกับกรมบังคับคดีให้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรดังกล่าว เพื่อไม่ให้ถูกยึดที่ทำกิน พร้อมส่งเรื่องให้ ธ.ก.ส. พิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านแหล่งเงินกู้ต่อไป
สำหรับกรณีที่เกษตรกรนำที่ดินไปจำนองหรือขายฝากแต่ยังไม่ถูกบังคับคดี กรมการปกครองได้มอบหมายให้นายอำเภอตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลและไกล่เกลี่ย โดยดำเนินการไกล่เกลี่ยได้แล้วจำนวน 43,825 ราย รวมเป็นเงิน 8,039 ล้านบาท สามารถปลดหนี้ได้แล้วจำนวน 5,342 ราย เป็นเงิน 780 ล้านบาท
“ในส่วนหนี้ที่อยู่ในระบบ พบว่ามีลูกหนี้ในความรับผิดชอบของ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จำนวนประมาณ 1.2 ล้านราย ซึ่งได้มีการมอบให้สถาบันการเงินดังกล่าวทำการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้แล้ว” พล.ต. สรรเสริญกล่าว
ขยายการเว้นภาษีเอกชนต่างชาติตั้งสำนักงานในไทย
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters: IHQ) เพิ่มเติม โดยปรับปรุงจากเดิมที่ ครม. ยกเว้นภาษีให้กับสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศเฉพาะกรณีปล่อยกู้กับบริษัทในเครือเท่านั้น ให้ขยายกรอบการยกเว้นภาษีครอบคลุมถึงการทำธุรกรรมการเงินของสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศทั้งหมด เพื่อจูงใจให้บรรษัทข้ามชาติเข้ามาจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย
“มีคำถามว่า กรณีนี้จะทำไม่ทำให้รัฐบาลเสียรายได้หรือ ในกรณีนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นที่จะเชิญชวนนักลงทุนเข้ามา และการเก็บภาษีดังกล่าวยังไม่มีการรวมเข้ากับรายรับของรัฐบาล อีกประการหนึ่ง ภาษีส่วนนี้เป็นจำนวนไม่มาก และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อธิบายว่า ส่วนนี้มีการจัดตั้งศูนย์บริหารการเงินอยู่แล้ว จึงไม่น่ามีผลกระทบอะไร” พล.ต. สรรเสริญ กล่าว
ปรับปรุงกฎหมาย สมช. เพิ่มโควตา กก. นอกฝ่ายมั่นคง
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พ.ศ. .… ที่เป็นการปรับปรุงกฎหมายของ สมช. เดิม ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2502 หรือสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความมั่นคงที่เปลี่ยนไป รับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมีสาระสำคัญ อาทิ กำหนดให้มี สมช. มีนายกฯ เป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณา เสนอแนะ และให้ความเห็นในการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติด้านมิติความมั่นคง รวมทั้งกำหนดนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ กำหนดให้มีสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีหน้าที่ในการศึกษา วิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์ความมั่นคง พิสูจน์ภัยคุกคาม ประเมินกำลังอำนาจของชาติ ทั้งนี้ การจัดทำนโยบายความมั่นคงแห่งชาติให้มีการเสนอต่อ ครม. และรัฐสภาเพื่อพิจารณาความเห็นชอบ ก่อนนำไปใช้เป็นกรอบในการปฏิบัติงานของหน่วยงานราชการ
“ในการปรับแก้ไขส่วนที่เป็นโครงสร้างแทนที่จะมีคณะกรรมการที่มาจากฝ่ายความมั่นคงอย่างเดียว ก็ให้มีคณะกรรมการที่เป็นฝ่ายเศรษฐกิจ สังคม และวิชาการ เข้ามาด้วย เพราะต้องยอมรับความเป็นจริงว่ามิติของความมั่นคงในปัจจุบันเชื่อมโยงกับมิติเศรษฐกิจ สังคม และวิชาการ เชื่อมโยงทั้งหมด จึงมีการปรับแก้ไขโครงสร้าง” พล.ต. สรรเสริญ กล่าว
โอนกองกิจการฮัจย์ไปขึ้นกับ มท.
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้แก้ไขปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .… ในส่วนขององค์กระกอบคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย แก้ไขเพิ่มเติมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้กับกับดูแล และให้โอนกองส่งเสริมกิจการฮัจย์ ที่อยู่ในสังกัดกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ไปขึ้นกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (มท.) รวมทั้งเพิ่มผู้แทนจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) สำนักจุฬาราชมนตรี และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด เข้าร่วมในคณะกรรมการดังกล่าวด้วย
“กรณีนี้เป็นการแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ. 2524 ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เอื้อต่อการดำเนินกิจการฮัจย์ให้สอดคล้องกับการบริหารจัดการของประเทศซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากมีชาวไทยมุสลิมจำนวนมากเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย การบริหารงานจำเป็นต้องให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ให้ความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนา”
ขยายเวลาใช้หนี้โครงการจัดหาปัจจัยการผลิต 13 ล้านบาท
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติขยายเวลาชำระหนี้ให้กับลูกหนี้ในโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรแก่สถาบันเกษตรกร จำนวน 13 ล้านบาท ออกไปจนกว่าจะเสร็จสินการบังคับคดี โดยไม่คิดค่าปรับ และเนื่องจากคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรเคยได้รับอำนาจในการขยายเวลาชำระหนี้ในโครงการดังกล่าวแล้วเมื่อปี 2556 และเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของคณะรัฐมนตรี จึงได้อนุมัติในหลักการให้คณะกรรมการส่งเคราะห์เกษตรกรมีอำนาจพิจารณาอนุมัติให้ขยายเวลาการชำระหนี้คืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรแทนคณะรัฐมนตรีต่อไป
“ขณะนี้หนี้ที่กลุ่มเกษตรกร และสถาบันการเกษตรยังค้างชำระอีกจำนวน 13 ล้านบาท รวมทั้งหมด 64 แห่ง ซึ่งมีทั้งเหตุผลจากภัยธรรมชาติ การทุจริต ฯลฯ ทั้งนี้ การขยายเวลาชำระหนี้ให้ในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการประวิงเวลา แต่คณะกรรมการจะมีการเข้าไปดูรายละเอียดด้วย เพื่อต่อยอดให้เขาสามารถหาเงินมาชำระคืนได้” พล.ต. สรรเสริญ กล่าว
ต้ั้ง “รังสรรค์” เป็นที่ปรึกษานายกฯ
แหล่งข่าวจาก ครม. เปิดเผยว่า ที่ประชุมยังมีมติแต่งตั้งหลายตำแหน่ง อาทิ แต่งตั้งนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นที่ปรึกษานายกฯ, แต่งตั้งนายจิรชัย มูลทองโร่ย ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.), แต่งตั้งนายประสิทธิ์ สืบชนะ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง สลับตำแหน่งกับนายจุมพล ริมสาคร
และแต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จำนวน 9 คน ประกอบด้วย 1. นายสมชาย หอมลออ 2. นายนิมิตร พิพิธกุล 3. นางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร 4. รองศาสตราจารย์สุริยเดว ทรีปาตี 5. นางพรรณพิมล วิปุลากร 6. นายประพจน์ เภตรากาศ 7. ผู้ช่วยศาสตราจารย์นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี 8. นายพิภพ พานิชภักดิ์ และ 9. ผู้ช่วยศาสตราจารย์นลินี สีตะสุวรรณ