ThaiPublica > เกาะกระแส > “บิ๊กตู่” แจงปม ครม. ไม่ขอแก้ รธน. เรื่อง “นายกฯ คนนอก” ยันไม่เป็นเองแน่ – รัฐบาลไฟเขียวสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2

“บิ๊กตู่” แจงปม ครม. ไม่ขอแก้ รธน. เรื่อง “นายกฯ คนนอก” ยันไม่เป็นเองแน่ – รัฐบาลไฟเขียวสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2

3 มิถุนายน 2015


“ประยุทธ์” แจงปม ครม. ไม่ขอแก้ร่างรัฐธรรมนูญเรื่อง “นายกฯ คนนอก” เหตุป้องกันประเทศติดล็อกเช่นอดีต ยันไม่กลับมาเป็นเองแน่ ไม่ต้องระแวง – ด้าน ครม. อนุมัติสร้างถนนเลี่ยงเมืองแม่สอด พร้อมสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 วงเงิน 3.9 พันล้านบาท ตั้ง “ทรงพร” เป็นปลัดไอซีทีคนใหม่

580602prayuth
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่มาภาพ: http://www.thaigov.go.th/index.php?option=com_k2&view=item&id=92425:92425&Itemid=339&lang=th

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้สอบถามในที่ประชุม ครม. ถึงสาเหตุที่การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปด้วยความล่าช้า ได้รับคำตอบว่าเกิดจากบริษัทรับเหมาในพื้นที่ต่างๆ ไม่มีความพร้อม ทำให้แม้มีการเบิกจ่ายไปแล้ว แต่การดำเนินการเป็นไปด้วยความล่าช้า สาเหตุสำคัญมาจากการที่รัฐบาลชุดนี้ได้กระจายโครงการไปอย่างทั่วถึง ต่างจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ที่มีเพียงบางบริษัทเท่านั้นที่รับได้งานจากรัฐ

เมื่อถามถึงมาตรการช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยเฉพาะเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รวม 1.5 หมื่นล้านบาท พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะต้องไปตรวจสอบก่อนว่า จากผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศกว่า 2.6 ล้านราย มีผู้มีมีศักยภาพกี่ราย เพราะหากเป็น SMEs ที่เข้มแข็ง ก็สามารถไปกู้ธนาคารพาณิชย์ได้อยู่แล้ว เหลือเพียง SMEs ที่ไม่เข้มแข็ง ซึ่งอาจจะต้องมาขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ยืนยันจะให้ความช่วยเหลืออย่างแน่นอน แต่จะให้ไปช่วยทุกรายก็คงไม่ไหว เพราะไม่รู้ว่าจะหางบประมาณจากที่ไหน อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เอสเอ็มอีแบงก์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน เข้าไปดูเรื่องวิธีการช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว

แจงเหตุ ครม. ไม่ขอแก้ รธน. ปม “นายกฯ คนนอก” ยันไม่เป็นเองแน่นอน

เมื่อถามถึงกรณีที่ ครม. ยื่นขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ โดยไม่ได้ขอแก้ไขเรื่องที่มาของนายกฯ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. หรือ “นายกฯ คนนอก” ด้วย พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้สื่อต้องไปฟังคนที่เสนอ ปัญหามาจากครั้งที่แล้ว ที่ติดล็อกทั้งหมดแล้วเดินหน้าประเทศไม่ได้ ในระหว่าง 6 เดือน ไม่มีคนบริหารประเทศ รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็มแล้วใครจะเดินหน้าในเรื่องเศรษฐกิจ งบประมาณ ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาเช่นนั้น เขาเลยคิดว่าต้องหาใครมาสักคนมาบริหารประเทศ เมื่อคิดอย่างนี้ก็แล้วแต่เขา ก็ไปสู้กันมา

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า พอเป็นเรื่องนายกฯ คนนอก ทุกคนจะระแวงว่าเป็นตนหรือใคร ตนเคยบอกแล้วว่าจะไม่ไปอยู่อย่างนั้นเด็ดขาด ตนจะไปอยู่ด้วยเพื่ออะไร เขาเขียนไว้ไม่ใช่หรือว่า นายกฯ คนนอกจะเกิดได้ในสถานการณ์ความขัดแย้งสูงจนรัฐบาลดำเนินการไม่ได้ หรือเลือกตั้งไม่ได้ ก็เอาข้อเท็จจริงจากครั้งที่แล้วมาเขียน ถ้าผ่านได้ เขาก็ผ่านไป แต่ไม่ใช่ตนแน่นอน

“ถ้าผมเข้ามา แล้วผมไม่มีอำนาจ มันจะคุมใครอยู่ อำนาจคือความชอบธรรม ที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ ความชอบธรรมของผมคือประชาชนพึงพอใจในสิ่งที่เขาควรจะได้ ไม่ใช่มาปลุกระดมให้คนเขามารักผมหรืออะไรต่างๆ แต่ผมมองในเรื่องอนาคต ผมไม่ได้มองว่าให้คนในประเทศมารักผม แม้คนจะเกลียดผมทั้งประเทศแต่ผมทำให้เกิดประโยชน์ บ้านเมืองมีความเจริญ ผมก็ภูมิใจ ต่อให้คนเกลียดผมทั้งประเทศก็ตาม และวันข้างหน้าคนเขาจะคิดถึงผม ซึ่งผมอาจตายไปแล้วก็ได้ มันเป็นประโยชน์กับประเทศไทย เมื่อถึงวันนั้นก็คิดถึงผมก็แล้วกัน”

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ทุกคนไประแวงเรื่องอำนาจ ทุกวันนี้ตนใช้อำนาจในทางสร้างสรรค์ ไม่ใช้ไปในทางทุจริตหรือขี้โกง จึงอย่าไปพูดว่าอยากจะอยู่ต่อ โดยมีน้องชาย (พล.ท. ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.) มาคอยปกป้อง อย่ามาพูดเรื่องนี้กับตน กระแสข่าวว่าจะแต่งตั้ง พล.ท. ปรีชามาเป็น ผบ.ทบ. เพื่อค้ำบัลลังก์ ถ้าตนทำไม่ดี กองทัพจะค้ำตนได้หรือไม่ ตนทำงานไม่มีเรื่องพี่น้อง การแต่งตั้ง ผบ.ทบ. ก็ดูจากหลักอาวุโส ความเหมาะสม ความรู้ความสามารถ ถ้าคุณสมบัติมันไม่ได้ ก็ต้องไปแต่งตั้งคนอื่นขึ้นมาแทน ทั้งนี้ ตนไม่เคยสั่งให้ตั้งใคร และสมัยเป็น ผบ.ทบ. ก็ไม่เคยเกรงใจใคร ทุกเหล่าทัพมีคณะกรรมการพิจารณาอยู่แล้ว เมื่อได้รายชื่อมาก็นำเข้าพิจารณาในสภากลาโหม

ถอดยศ “ทักษิณ” ยึด กม. – ให้ตรวจสอบทหารเอี่ยวค้ามนุษย์เต็มที่

ส่วนการประชุมแม่น้ำ 3 สาย คือ ครม. สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวันที่ 4 มิถุนายน 2558 นี้ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า จะเป็นการสรุปว่ารัฐบาลชุดนี้ได้ทำอะไรมาแล้ว แล้วจะส่งให้ สปช. ดำเนินการต่อ เพื่อให้รัฐบาลชุดถัดไปเข้ามาสานต่อได้อย่างไร

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากการให้สัมภาษณ์ที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงมองว่ากระทบต่อความมั่นคง และมีการแจ้งความให้ดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 326 และ 328 รวมถึง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (3) (5) พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีคณะกรรมการดำเนินการอยู่แล้ว ส่งมาเมื่อไรก็ทำให้วันนั้น ทุกเรื่องมีกฎของมันอยู่ หากเขาผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่มีเกรงใจใครทั้งนั้น เพราะกฎหมายก็คือกฎหมาย หากไปเกรงใจไม่ทำก็จะถูกหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนการขอคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หากมีการถอดยศก็ต้องขอคืนเครื่องราชฯ อยู่แล้ว ไม่กลัวคนจะออกมาต่อต้าน เพราะกฎหมายก็คือกฎหมาย และขณะนี้ คสช. กำลังติดตามอยู่ ใครทำเกินเลยก็เรียกมาคุย ใครผิดก็เรียกมารายงานตัว

ส่วนกรณีที่ศาลออกหมายจับ พล.ท. มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ในข้อหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนจะไม่ยุ่งในเรื่องนี้ ผิดก็ว่าไปตามผิด เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ส่วน พล.ท. มนัสจะเป็นผู้บงการสูงสุดหรือไม่ ตนไม่ทราบ ต้องให้ตำรวจสืบสวนกันต่อไป ส่วนจะมีทหารคนอื่นร่วมขบวนการด้วยหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ถ้าหลักฐานโยงใครก็ต้องโดนด้วย

ไฟเขียวความตกลงข้ามแดนพม่า-ลาว-กัมพูชา ฉบับใหม่ แก้ปัญหาขาดแรงงาน

สำหรับมติ ครม.อื่นๆ ที่สำคัญ

พล.ต. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบแก้ไขความตกลงว่าด้วยการข้ามแดนระหว่างรัฐ กับ 3 ประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประกอบด้วยพม่า ลาว และกัมพูชา โดยมีสาระสำคัญ 3 ประเด็น

1. เพิ่มวัตถุประสงค์ของการข้ามแดนเพื่อเข้ามาทำงานแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือเป็นไปตามฤดูกาลได้ เหมือนกันทั้ง 3 ประเทศ

2. เพิ่มจุดหรือพื้นที่ที่อนุญาตให้มีการผ่านแดนเพิ่มเติม สำหรับชายแดนไทย-พม่า เห็นชอบให้ครอบคลุมถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีจำนวน 4 จุด ประกอบด้วย 1. อ.แม่จัน-เมือง จ.เชียงราย สำหรับจุดผ่านแดนแม่สาย และจุดผ่านแดนท่าขี้เหล็ก 2. อ.พบพระ-แม่ระมาด จ.ตาก สำหรับจุดผ่านแดนแม่สอด-เมียวดี 3. อ.เมือง จ.กาญจนบุรี สำหรับจุดผ่านแดนบ้านพุน้ำร้อน-บ้านทิกิ และ 4. อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ สำหรับจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร-บ้านบุด่อง สำหรับชายแดนไทย-ลาว ไม่มีข้อแก้ไข และชายแดนไทย-กัมพูชา เห็นควรให้ขยายจากพื้นที่อำเภอชายแดน ให้เป็นพื้นที่จังหวัดผ่านแดนทั้งจังหวัด

3. แก้ไขระยะเวลาในการพำนักในประเทศไทย สำหรับผู้เข้ามาทำงาน ให้สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วันต่อครั้งที่ขอบัตรผ่านแดน เหมือนกันทั้ง 3 ประเทศ โดยผู้ที่เข้ามาทำงานต้องผ่านการอนุญาตจากกระทรวงแรงงานของไทยแล้ว

“การแก้ไขความตกลงฯ ครั้งนี้ จะช่วยให้ชุมชนท้องถิ่นมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศ” พล.ต. วีรชนกล่าว

ปฏิเสธข่าวลือ ยกโครงการรถไฟจีนให้ญี่ปุ่น

พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าว ครม. อาจให้ประเทศญี่ปุ่นเข้ารับโครงการรถไฟบางส่วนที่รัฐบาลทำข้อตกลงกับประเทศจีนไว้แล้วว่า กระแสข่าวนี้ไม่เป็นความจริง ประเทศไทยซื่อสัตย์ในการทำสัญญาทางธุรกิจ และไม่เคยคิดจะหยิบยกกิจการที่ทำข้อตกลงไว้กับประเทศหนึ่งไปให้อีกประเทศหนึ่ง ยืนยันว่าโครงการที่ไทยทำข้อตกลงกับญี่ปุ่นและจีนเป็นคนละส่วนกัน

แก้ พ.ร.บ. 2 ฉบับคุมโบรกเกอร์

พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับตลาดทุนจำนวน 2 ฉบับ ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และร่าง พ.ร.บ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. โดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับแรก กำหนดให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคณะกรรมการกำกับตลาดทุนสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ แม้จะไม่ครบองค์ประกอบ แต่ต้องมีจำนวนที่เหลืออยู่มากกว่าขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ยังเพิ่มอำนาจให้ ก.ล.ต. สามารถออกข้อกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ต้องเป็นสมาชิกขององค์กรผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนที่มีระบบกำกับดูแลสมาชิก

ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับ มีการแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นที่สำคัญร่วมกัน คือ การเพิ่มเติมบทกำหนดโทษในกรณีที่องค์กรผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนที่มีระบบกำกับดูแลสมาชิก หรือองค์กรผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุน ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม และแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการเป็นนายหน้าหรือตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์

พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า เหตุที่มีการแก้ไขกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ เพราะที่ผ่านมา บริษัทต่างๆ ที่ประกอบธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ หรือตลาดซื้อขายล่วงหน้า ที่เป็นโบรกเกอร์นั้นมักมีการรวมตัวกันเพื่อประโยชน์ของบริษัท หรือตัวโบรกเกอร์เอง หรือเพื่อการต่อรองกับคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ผ่านมาคณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงต้องลงมากำกับการบริหารของแต่ละบริษัทโดยตรง ในร่างกฎหมายฉบับใหม่จึงกำหนดให้โบรกเกอร์และทุกบริษัทที่ประกอบกิจการในตลาดหลักทรัพย์ ต้องเข้าเป็นสมาชิกองค์กรผู้ประกอบธุรกิจทั้งในตลาดหลักทรัพย์และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า คือองค์กรกำกับดูแลตนเอง (Self – Regulatory Organization: SRO) โดยยกหน้าที่ในการกำกับดูแลสมาชิกให้แก่ SRO เพื่อให้ตอบรับกับสถานการณ์การโยกย้ายเงินทุนในปัจจุบัน

อนุมัติถนนเลี่ยงเมืองแม่สอด-สะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 วงเงิน 3.9 พันล้านบาท

พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติให้ก่อสร้างโครงการถนนเลี่ยงเมืองแม่สอด จ.เชียงราย พร้อมมิตรภาพไทย-พม่า (สะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2) รวมวงเงิน 3.9 พันล้านบาท ใช้งบผูกพันข้ามปี 2558-2560 โดยโครงการดังกล่าวเป็นไปเพื่อตอบสนองกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน โดยจะมีการก่อสร้าง 3 ส่วน ประกอบด้วย 1. ถนนขนาด 4 ช่องจราจร ระยะทาง 21.4 กิโลเมตร อยู่ในฝั่งไทย 17.3 กิโลเมตร ฝั่งพม่า 4.1 กิโลเมตร 2. สะพานมิตรภาพไทย-พม่า (สะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2) มีความกว้าง 2 ช่องจราจร ระยะทาง 760 เมตร และ 3. ด้านพรมแดนและจุดสลับทิศทาง

ให้ 22 หน่วยงานดูรูปบุคคลในทะเบียนราษฎรได้

พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคง รวม 22 แห่ง สามารถเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนราษฎรในส่วนที่มีรูปใบหน้าของประชาชนได้ ซึ่งเป็นการอนุญาตมากกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายเดิม คือ พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 เพราะขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เพื่อประโยชน์ในสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ จึงต้องอนุญาตให้หน่วยงานของรัฐ 22 แห่งนี้เข้าถึงทะเบียนราษฎรในส่วนที่มีรูปใบหน้าของประชาชนได้ โดยจะให้เข้าถึงในกรณีที่มีความจำเป็นเท่านั้น และตามปกติข้อมูลของประชาชนทุกคนในกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นก็มีรูปใบหน้าอยู่แล้ว

สำหรับหน่วยงานของรัฐ 22 แห่งดังกล่าว ประกอบด้วย 1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2. กองบัญชาการกองทัพไทย 3. สำนักข่าวกรองแห่งชาติ 4. สำนักนายกรัฐมนตรี 5. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) 6. สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ 7. กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ 8. กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง 9. กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน 10. สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ 11. องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก 12. โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา 13. กรมกำลังพลทหารอากาศ กระทรวงกลาโหม 14. กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง 15. ธนาคารแห่งประเทศไทย 16. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 17. สำนักงานศาลยุติธรรม 18. กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย 19. กองทัพเรือ (กรมข่าวทหารเรือ) 20. สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 21. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ 22. สำนักราชเลขาธิการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 หน่วยงานของรัฐอื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทย ได้เพียงข้อมูลทะเบียนบ้าน และข้อมูลการเกิด-การตายเท่านั้น

ตั้ง “ทรงพร” เป็นปลัดไอซีทีคนใหม่

พล.ต. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบแต่งตั้งนางทรงพร โกมลสุรเดช รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้เป็นปลัดไอซีที และแต่งตั้งนายอนุสันต์ เทียนทอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ