ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: นายกฯ ซิ่งซูเปอร์ไบค์โชว์รอบทำเนียบ แห่แชร์ – “หมอนางฟ้า” ช่วยคน ตัวเองบาดเจ็บด้วย – สนช. ตั้งลูกเมียช่วยทำงาน

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: นายกฯ ซิ่งซูเปอร์ไบค์โชว์รอบทำเนียบ แห่แชร์ – “หมอนางฟ้า” ช่วยคน ตัวเองบาดเจ็บด้วย – สนช. ตั้งลูกเมียช่วยทำงาน

7 มีนาคม 2015


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 1 – 7 มีนาคม 2558

  • นายกฯ ซิ่งซูเปอร์ไบค์โชว์รอบทำเนียบ 
  • แห่แชร์ “หมอนางฟ้า” ช่วยคน ตัวเองบาดเจ็บด้วย
  • สนช. ตั้งลูกเมียช่วยทำงาน
  • นักโทษข่มขืนอินเดียบอก “เหยื่อไม่ควรสู้” 
  • “มหาพิชัยมงกุฎจำลอง” ถูกโจรกรรมที่ฝรั่งเศส

นายกฯ ซิ่งซูเปอร์ไบค์โชว์รอบทำเนียบ

9C4E80CCC83B4CC6AF6D0EB7CF426D6D

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา ไทยรัฐออนไลน์ รายานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้ใช้เวลาเดินตรวจเยี่ยมชมบูธศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา ขอบคุณบรรดานักศึกษาและคณาจารย์ ที่ร่วมทำความดีตามโครงการดังกล่าว จากนั้น นายกฯ สอบถามขั้นตอนการซ่อมและดูแลรถจักรยานยนต์ พร้อมแนะนำให้ประสานกับบริษัทรถขนาดใหญ่ เช่น โตโยต้าและฮอนด้า เพื่อฝึกฝีมือและพัฒนาฝีมือ

จากนั้น นายกฯ ยังได้ทดลองขี่จักรยานยนต์ ฮอนด้า ซีบีอาร์ 250 ซีซี ทะเบียน อทฉ. กรุงเทพมหานคร 725 สีดำ ซึ่งข้าราชการทำเนียบรัฐบาล ได้นำมาขอรับบริการ ทั้งนี้ไม่คาดคิดว่า นายกฯ ได้ลองขี่รถจักรยานยนต์ออกไปในทันที โดยขับวนตั้งแต่บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมอ้อมไปยังสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า และขึ้นไปบนทางลาดหน้าตึก และเลี้ยวกลับมาจอดที่บริเวณหน้าตึกบัญชาการ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยมี รปภ. ช่างภาพ และสื่อมวลชนให้ความสนใจวิ่งตาม เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่านายกฯ จะทดลองขี่รถ จยย. ด้วยตนเอง

เมื่อเกิดกระแสการแชร์ภาพนายกฯ ซึ่งซูเปอร์ไบค์ออกไปตามโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพียงไม่นานนักก็มีผู้ตัดต่อภาพนายกฯ ขี่รถอยู่ในบริบทต่างๆ เช่น อยู่ในท่ามกลางซูเปอร์ฮีโร่ อยู่ในสนามแข่งรถ หรือแม้กระทั่งขับคู่กับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นต้น

แห่แชร์ “หมอนางฟ้า” ช่วยคน ตัวเองบาดเจ็บด้วย

Screen Shot 2558-03-06 at 2.14.30 AM

เมื่อวันที่ 2 มี.ค. เวลาประมาณ 06.40 น. บริเวณถนนกำแพงเพชร 7 หลังวัดอุทัยธาราม แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. เกิดเหตุรถมอเตอร์ไซค์ชนท้ายรถตู้ กระจกรถตู้แตกกระเด็นไปปาดคอผู้ขับมอเตอร์ไซค์ เป็นเหตุให้เส้นเลือดดำขาด ทำให้เลือดออกมามาก โดยมีผู้ให้ความช่วยเหลือ คือ พ.ญ.แพรวา มิตรกุล อาจารย์แพทย์ คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และแพทย์แผนกรังสีวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี

หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้มีผู้แชร์คลิป “เธอคือนางฟ้าบนดิน จากเหตุการณ์รถมอเตอร์ไซค์ชนท้ายรถตู้ แล้วกระจกรถตู้แตกกระเด็นมาปาดคอคนขับมอเตอร์ไซค์ เป็นเหตุให้เส้นเลือดดำขาด ทำให้เลือดออกมามาก ถ้าคุณหมอท่านนี้ไม่ผ่านมาและลงมาช่วยห้ามเลือด ก็คงจะรอดยาก เพราะเลือดออกมามากเหลือเกิน (คุณหมอก็โดนกระจกรถที่แตกบาดที่บริเวณเข่าเหมือนกันคุณหมอน่ารักมาก)” ทำให้เกิดกระแสยกย่องชื่นชมแพทย์รายนี้ ที่ให้ความช่วยเหลือโดยไม่กลัวความเสี่ยงในการติดเชื้อจากเลือดแต่อย่างใด ล่าสุดผู้บาดเจ็บอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

สนช. ตั้งลูกเมียช่วยทำงาน

Screen Shot 2558-03-06 at 2.41.59 AM
http://www.isranews.org/investigative/investigate-news/item/36824-sapa_901_01.html
  • เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศราเปิดเผยว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสนช. กว่าครึ่งร้อย แต่งตั้งภริยา บุตร และเครือญาติ ของตนเองเข้าไปช่วยทำงาน โดยในข่าว “สนช. กว่าครึ่งร้อยตั้ง “ภรรยา-บุตร-เครือญาติ”ช่วยงาน นั่งเก้าอี้ “ผู้เชี่ยวชาญ-ผู้ชำนาญการ-ผู้ช่วยดำเนินงาน” รับเงินเดือน 1.5-2.4 หมื่นบาท บางราย “ลูก” ยังเรียนอยู่ บางคน “พี่” อยู่ต่างประเทศ” ยังระบุอีกด้วยว่า ในตำแหน่งช่วยงานทั้งหลายนั้น ต่างระบุหน้าที่และความรับผิดชอบชัดเจนว่า ต้องให้คำปรึกษาในด้านกฎหมาย หรือทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ รวมถึงต้องศึกษาสภาพปัญหาและข้อร้องเรียนต่างๆ เพื่อรวบรวมจัดทำญัตติ กระทู้ถาม ข้อหารือ หรือข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่อ สนช. แต่การตั้ง “ภริยา และบุตร” ไปช่วยงาน ทั้งที่ “บุตร” บางรายยังศึกษาในมหาวิทยาลัยอยู่ด้วย จะให้คำปรึกษาได้ดีเพียงใด

    ต่อมา เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบ สนช.ที่แต่งตั้งภริยา บุตร และเครือญาติมาช่วยงานในตำแหน่งต่างๆ เช่น ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการ เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนและเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองที่แต่งตั้งลูกเมียตัวเองมาช่วยงาน ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่เช่นกัน ทั้งที่ คสช. มีวัตถุประสงค์ไม่อยากให้เกิดการทุจริต และใช้อำนาจหน้าที่อย่างถูกต้อง แต่ สนช.ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำ 5 สายของ คสช. กลับมาทำไม่ถูกต้องเสียเอง จึงต้องยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน

    ล่าสุด หลังมีการเผยแพร่ข่าวออกไปบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก เกิดกระแสตั้งคำถาม กดดันและวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของการแต่งตั้ง “ภรรยา บุตร และเครือญาติ” ช่วยทำงานดังกล่าว เว็บไซต์เอ็มไทยรายงานว่า ญาติสนช. ทยอยลาออกจากที่ปรึกษาแล้ว หลังถูกกระแสวิจารณ์หนักไม่เหมาะสม แม้ไม่ผิดระเบียบ หลังจากที่ วิปสนช. ได้แนะนำให้สมาชิกที่ได้ตั้งบุคคลใกล้ชิดและเครือญาติมาช่วยงานในตำแหน่งดังกล่าวให้ปรับออกทั้งหมด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อหวังว่าสมาชิกจะดำเนินการเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีขึ้นทางการเมือง

    นักโทษข่มขืนอินเดียบอก “เหยื่อไม่ควรสู้” 

    _81343408_mukesh-singh
    นายมูเกช ซิงห์ ที่มาภาพ: http://www.bbc.com/news/magazine-31698154?OCID=fbasia

    โลกออนไลน์พากันแชร์ข่าวชิ้นนี้ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมาหลังจาก เว็บไซต์บีบีซี รายงานข่าว “Delhi rapist says victim shouldn’t have fought back” โดยมีใจความสำคัญว่า นายมูเกช ซิงห์ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีข่มขืนหญิงสาวชาวอินเดียวัย 23 ปี ที่นครเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อปี 2555 ขณะที่หญิงสาวรายนั้นกำลังกลับบ้านพร้อมเพื่อนชาย โดยแก๊งข่มขืนทั้งหมด 6 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 คน เยาวชน 1 คน อยู่บนรถบัสคันที่เธอขึ้น พวกผู้ชายเข้ามาตีเพื่อนผู้ชายของหญิงสาว จากนั้นก็ผลัดกันข่มขืนเธอบนรถ ก่อนจะทำร้ายเธอจนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในที่สุด

    นายมูเกชให้สัมภาษณ์กับ นางเลสลี่ อัดวิน ผู้กำกับหนังสารคดี นานกว่า 16 ชั่วโมง ในระหว่างที่เขากำลังอุทธรณ์โทษประหารชีวิตของตัวเอง โดยเปิดเผยเรื่องราวและทัศนคติที่สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับผู้ที่ได้รับฟังเป็นอย่างมาก โดย นายมูเกช ระบุว่าในทัศนะของเขา ผู้หญิงที่ดีนั้นไม่ควรออกมาเที่ยวเล่นยามค่ำคืนแบบหญิงสาวโชคร้ายคนนั้น (หญิงสาวคนนั้นขึ้นรถบัสมรณะตอนเวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง) ผู้หญิงต้องรับผิดชอบต่อการข่มขืนมากกว่าผู้ชาย งานบ้านและการดูแลบ้านเป็นหน้าที่ที่ผู้หญิงต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ออกมาเที่ยวเล่นกลางค่ำกลางคืน หรือแต่งตัววับๆ แวมๆ และในสังคมนั้นมีผู้หญิงที่ดีอยู่ราว 20%

    นายมูเกช ยังย้ำอีกว่า ผู้คนในสังคมมีสิทธิที่จะให้บทเรียนกับผู้หญิงไม่ดีเหล่านั้น และผู้หญิงเมื่อถูกข่มขืนไม่ควรที่ต่อสู้ เพื่อที่ผู้ชายเหล่านั้นจะได้แค่ข่มขืนและไม่ทำร้ายร่างกายพวกเธอ และโทษประหารที่พวกเขาได้รับในครั้งนี้นั้นจะยิ่งทำให้ผู้หญิงตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น เพราะจากที่เมื่อก่อนเมื่อผู้ชายข่มขืนเสร็จจะคิดว่าปล่อยผู้หญิงไปก็ได้ เพราะเธอคงไม่พูด แต่หากเป็นอย่างนี้ ผู้ชายอาจคิดว่าควรฆ่าปิดปากผู้หญิงเหล่านั้นเสีย

    “มหาพิชัยมงกุฎจำลอง” ถูกโจรกรรมที่ฝรั่งเศส

    558000002592301
    ที่มาภาพ: http://www.manager.co.th/around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000025043

    เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีโจรบุกเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ห้องจีน ในพระราชวังฟงแตนโบล กรุงปารีส และได้โจรกรรมงานศิลปะ 15 ชิ้น ซึ่งรวมถึงพระมหาพิชัยมงกุฎจำลองของไทยที่ถวายแด่จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศส ในศตวรรษที่ 19

    พระมหาพิชัยมงกุฎจำลองนั้น ถือเป็นเครื่องมงคลราชบรรณาการ อันเป็นโบราณวัตถุที่ประเมินค่ามิได้ ทำจากทองคำแท้ เป็นมงกุฏทองประดับเพชร 233 เม็ด ทับทิม 2,298 เม็ด มรกต 46 เม็ด และไข่มุก 9 เม็ด จึงถือว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ส่วนเรื่องของการติดตามและดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เพราะได้ส่งมอบโบราณวัตถุไปแล้ว ถือเป็นเรื่องของทางการฝรั่งเศสที่จะดำเนินการ

    ด้านสำนักข่าวเอเอฟพี รายงาน โดยอ้างคำสัมภาษณ์จากเจ้าหน้าที่ของทางกระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศสว่า เหตุการณ์ที่โจรบุกเข้าไปภายในพระราชวังฟงแตนโบล ตอนใต้ของกรุงปารีส เป็นการบุกเข้าไปกลางวันแสกๆ ในสถานที่ที่ถือได้ว่ารักษาความปลอดภัยมากที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีทั้งอุปกรณ์สัญญานเตือนและกล้องวงจรปิดหลายจุด

    ขณะที่นายฌอง-ฟร็องซัวร์ เฮแบร์ต ผู้ดูแลพระราชวังดังกล่าว กล่าวว่า เป็นเรื่องช็อคมากและเชื่อว่าคนกลุ่มนี้กำหนดเป้าหมายไว้แล้ว และทำงานกันอย่างเชี่ยวชาญมาก อีกทั้งยังรู้เป็นอย่างดีถึงสิ่งของล้ำค่าที่ถือว่าสวยงดงามมากที่สุดอีกชิ้นหนึ่งของพิพิธภัณฑ์

    พระมหาพิชัยมงกุฎจำลอง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จำลองขึ้น 
เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเป็นเครื่องมงคลราชบรรณาการแด่จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศส เมื่อคราวส่งราชทูตสยาม ภายใต้การนำของเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (แพ บุนนาค) เป็นหัวหน้าคณะราชทูต เจ้าหมื่นไวยวรนาถ (เจิม แสง-ชูโต) เป็นอุปทูต และ พระณรงค์วิชิต (วร บุนนาค) เป็นตรีทูต จำทูลพระราชศาสน์และเครื่องมงคลราชบรรณาการไปเจริญสัมพันธ์ไมตรี

    นอกจากพระมหาพิชัยมงกุฎจำลอง ยังมีเครื่องราชบรรณาการอื่นๆ เช่น ดารานพรัตน์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาปถมาภรณ์ช้างเผือก หีบทองคำลงยา บรรจุพระราชสาสน์ ตลอดจนเครื่องราชูปโภคทองคำอื่นๆ