นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุมเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2557 ว่า กนง. มีมติเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% เนื่องจากประเมินว่านโยบายการเงินที่ผ่อนปรนในปัจจุบันยังจำเป็นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยไม่กระทบต่อการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ
นายไพบูลย์กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องจากอุปสงค์ในประเทศและแรงกระตุ้นทางการคลังที่จะเพิ่มขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐ แต่การส่งออกและการท่องเที่ยวยังขยายตัวในระดับต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังมีเสถียรภาพ
“การส่งออกที่ฟื้นตัวช้าเกิดจากหลายปัจจัย แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวแต่ไม่ได้ทำให้การขยายตัวทางการค้าของไทยเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเท่าในอดีต และปัจจัยข้อจำกัดด้านอุปทานในประเทศ เช่น การขาดแคลนแรงงาน ระดับเทคโนโลยี รวมทั้งการที่สินค้าของประเทศไทยไม่ได้เป็นสินค้าที่ติดตลาด” นายไพบูลย์กล่าว
นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจโลกยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นจากอุปสงค์ในประเทศและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจกลุ่มยูโรและญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนเศรษฐกิจจีนและเอเชียยังขยายตัวต่อเนื่องจากการส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้ธนาคารกลางบางประเทศในภูมิภาคเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากปัจจัยในประเทศ อาทิ มาเลเซีย เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 ธนาคารกลางมาเลเซียมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 3.25% จากการที่เศรษฐกิจของประเทศมีการขยายตัวต่อเนื่องจากการส่งออกและอุปสงค์ในประเทศ ตามด้วยธนาคารกลางของฟิลิปปินส์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 3.75% ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 แต่ประเทศผู้นำด้านเศรษฐกิจอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน