ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ทหาร…รัฐประหาร” และ “บอลหญิงไทยไปบอลโลก”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ทหาร…รัฐประหาร” และ “บอลหญิงไทยไปบอลโลก”

24 พฤษภาคม 2014


ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ นักเตะสาวไทย พาบอลไทยไปบอลโลก
จุดเปลี่ยนการเมือง ทหาร..รัฐประหาร
หนุ่มไต้หวัน วางแผนสร้างการจดจำ ไล่แทงผู้โดยสารบนรถไฟฟ้าใต้ดิน
ดราม่านางงาม ชาวเน็ตรุมยี้น้องฝ้าย
Hashtag สุดฮอต!! #ทหารหล่อบอกด้วย #ทหารสวยบอกต่อ ดับร้อนสถานการณ์การเมือง

ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโซเชียลมีเดียรอบสัปดาห์ 18– 24 พฤษภาคม 2557

ประเด็นฮอตเรื่องแรกความภาคภูมิใจของวงการฟุตบอลไทย เมื่อนักเตะสาวไทยเอาชนะนักเตะสาวชาวเวียดนามในการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย “เอเอฟซี วีเมนส์ เอเชียนคัพ 2014” ณ สนาม ธอง ยัต สเตเดียม เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม

การชิงชัยชนะในครั้งนี้ส่งผลให้นักเตะสาวไทยผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลหญิงโลกได้เป็นครั้งแรก เป็นประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลไทย แสดงให้เห็นถึงฝีมือและความสามารถของนักเตะสาวไทย

ทีมาภาพ : เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/Piyanut2?fref=photo
ทีมาภาพ : เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/Piyanut2?fref=photo

และชาวโซเชี่ยลมีเดียยกย่องผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ คือ “มาดามแป้ง” หรือ คุณนวลพรรณ ล่ำซำ ที่นำพาทีมฝ่าอุปสรรค จนทีมนักเตะสาวไทยไปสู่บอลโลกได้สำเร็จ

ทั้งนี้ตามรายงานข่าวมีการรายงานด้วยว่า ฟุตบอลหญิงไทยสามารถคว้าโควตาเป็นอันดับที่ 5 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2015 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 มิถุนายน – 7 กรกฎาคม 2558 ณ ประเทศแคนาดา พร้อม 4 ทีมจากเอเชียที่ผ่านเข้ารอบแล้วก่อนหน้านี้ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย

“การได้เข้าร่วมมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของโลกถือว่าเป็นเกียรติประวัติของชาติแล้วครับ ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ มาดามแป้ง และทีมสต๊าฟโค้ช และนักเตะทุกๆ คน โชคดีมีชัยตลอดไปตลอดกาลนะครับ”

“เทงบให้กับกีฬาที่มีความเป็นไปได้ เป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการสนับสนุนให้การกีฬาไทยก้าวต่อไป ฟุตบอลชาย ให้ไปเริ่มต้นใหม่เหมือนทีมฟุตบอลหญิง เพราะนี้คือบทพิสูจน์ว่า การมีงบประมาณมหาศาลก็ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป”

“เย้ จะได้เห็นธงชาติไทยไปสะบัดในฟุตบอลโลกแล้ว”

“หลายคนอาจมองว่า ไปก็แพ้ แพ้มากแพ้น้อย ทำไมไม่ยอมรับความจริง แต่ผมมองว่า กีฬาย่อมมีแพ้มีชนะ สำคัญที่สุดคือได้สู้อย่างเต็มที่ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา ผมก็เป็นนักกีฬา (แบดมินตัน) เวลาเจอคู่แข่ง ที่เก่งกว่ามากๆ รู้เลยว่าไม่มีทางชนะได้ แต่ก็จะสู้อย่างเต็มที่เต็มความสามารถ บางแต้มถึงกับล้มลุกขลุกคลาน ถ้าคุณมองว่าผลแพ้ชนะ ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด คุณจะมีความสุขความกับกีฬาทันที”

“สำหรับฟุตบอลชายไทยก็ขอให้ใจเย็นๆ คิดว่าคนไทยคงจะได้เห็นบอลชายไทยได้ไปฟุตบอลโลก (มั้ง) พูดความจริงนะเนี่ยะรับได้หรือไม่ได้ไม่สน เพราะยอมรับว่าฉันคนหนึ่งล่ะที่อุตส่าห์เชียร์ทีมชาติไทยมาตลอด จนมาถึงวันนี้ก็ยังอยากจะเชียร์อยู่ แต่ไม่รู้ว่าข้าผู้น้อยจะได้ยินดีเมื่อไหร่มิทราบได้ และขอดีใจกับทีมฟุตบอลสาวไทยที่ได้ไปบอลโลก ก็ขอให้โชคดีก็แล้วกันนะจ๊ะ จุ๊บๆๆๆๆไชโย้”

“ใครไม่ดีใจก็แล้วแต่ แต่ผมดีใจที่บอลไทยไปบอลโลกแล้ว (ถึงจะเป็นบอลหญิง) บอลชายก็พยายามต่อนะครับสู้ๆ คนไทยทำอะไรถ้าตั้งใจทำได้ทั้งนั้น (รักบอลไทยจัง)”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สอง จุดเปลี่ยนทางการเมืองประเทศไทยอีกครั้ง เมื่อพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)บอกว่า “ขอโทษด้วยนะ ผมต้องยึดอำนาจ” ขณะนั้นเป็นเวลา 16.32 น. อย่างไรก็ตามเมื่อพล.อ.ประยุทธ์พูดจบ ผู้ที่อยู่ในห้องประชุมบางคนคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์พูดเล่น แต่พอพล.อ.ประยุทธ์เดินไปที่ประตูทางออก ได้หันกลับมาแล้วพูดเสียงเข้มว่า “พวกคุณอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน” จากนั้นเดินออกจากห้องประชุมไป เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2557

จากนั้นการประกาศให้งดรายการปกติของโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียงทุกแห่ง และถ่ายทอดแต่สถานีของกองทัพบก รวมทั้งโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและเคเบิล ก็ให้ถ่ายทอดเฉพาะช่องของกองทัพบกเท่านั้น พร้อมการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามมิให้บุคคลใดออกนอกเคหะสถานระหว่างเวลา 22.00–05.00 น.

นอกจากนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ก็ได้มีคำสั่งเรียกบุคคลต่างๆมารายงานตัวรวมทั้งให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วย และมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการส่วนงานต่างๆ

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์บ้านเมืองของไทยในขณะนี้ยังคงต้องติดตามต่อเป็นระยะ ซึ่งในขณะนี้สถานการณ์ในประเทศไทยก็กำลังเป็นที่สนใจต่อสายตาชาวโลก เพราะสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งก็รายงานข่าวสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

ทีมาภาพ : เฟซบุ๊ก nation channel
ทีมาภาพ : เฟซบุ๊ก nation channel

โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยังเกิดเป็นคำถาม จากความสับสนขึ้นในใจประชาชนว่า รัฐประหารคืออะไร ซึ่งตามมาด้วยคำถามที่ว่า รัฐประหารต่างจากปฏิวัติ อย่างไร ซึ่งก็ได้มีการโพสต์อธิบายเพื่อความเข้าใจต่อประชาชนไว้ในเว็บไซต์​ต่างๆ

“น่าเห็นใจเหมือนกันนะครับ ชีวิตทุกวันนี้ก็ต้องดิ้นรนทุกวีถีทางเพื่อนความเป็นอยู่”

“อยากเห็นประเทศไทย สงบและกลับสู่สภาวะปกติสุขคะ ไม่ต้องการอะไรมาก”

“สถานการณ์แบบนี้ ทำให้เราได้ฟังเพลงปลุกใจ จากโทรทัศน์ รู้สึก ฮีกเหิม และรักชาติมากเลย”

“พูดตรงๆ เลยนะว่า ถ้าทหารจะทำการรัฐประหารแล้วฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งผมจะดีใจมาก จะได้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่เสียที”

“ถ้าปฏิวัติ องค์กรอิสระต่างๆ สิ้นสภาพทันที อยู่แล้วครับ แต่ตอนตั้งใหม่ ขอให้ตั้งโดย ประชาชน ไม่ใช่ กลุ่มคน ไม่กี่คน พอได้มา ก็มาตั้ง สว.สรรหา ก็กลุ่มเดียวกันอีก สว.สรรหา มาสรรหา กกต. มันก็กลุ่มเดียวกันอีก”

“เพื่อไม่ให้การปฏิวัติเข้าข้างฝ่ายไหนต้องทำแบบนี้ ไม่นั้นถือว่าปฎิวัติเข้าข้าง กปปสและพรรค ปชป”

“ท่านกำลังเคลียร์ทุกฝ่ายอยู่ ต้องใช้เวลาสักช่วงหนึ่งเพื่อแก้กฎเกณฑ์หลายอย่าง ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งซึ่งเป็นของตายอยู่แล้ว wait and see ครับ”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สาม เกิดเหตุสะเทือนขวัญในไต้หวัน เมื่อสำนักข่าวต่างประเทศรายงานเหตุการณ์ที่หนุ่มไต้หวันชื่อว่า เจิ้งเจี๋ย วัย 21 ปี จากมหาวิทยาลัยตงไห่ ใช้มีดไล่แทงผู้คนอย่างบ้าคลั่ง ในรถไฟฟ้าใต้ดินสายปันเฉียว (Banqiao) จนมีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีก 21 ราย ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างแตกตื่นและตระหนกตกใจให้ประชาชนเป็นอย่างมาก

หลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมชายคนดังกล่าว ได้รับคำสารภาพที่สร้างความสลดใจให้ผู้ที่รับทราบข่าวเป็นอย่างมากว่า เขาได้มีการวางแผนการดังกล่าวมานานเป็นปี และได้ตัดสินใจลงมือก่อเหตุเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จุดประสงค์เพียงเพราะต้องการสร้างความตกตะลึงให้เป็นที่จดจำ ทั้งยังมีรายงานว่าระหว่างที่มีการสอบสวน เจิ้งเจี๋ยไม่ได้มีอาการสะทกสะท้านต่อการกระทำผิดแม้แต่น้อย

ที่มาภาพ : http://www.manager.co.thchinaViewNews.aspxNewsID=9570000056925
ที่มาภาพ: http://www.manager.co.thchinaViewNews.aspxNewsID=9570000056925

อย่างไรก็ตาม สื่อต่างรายงานว่าเหตุการ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นกับการให้บริการรถไฟใต้ดินไต้หวันตลอด 18 ปีที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ ซึ่งรถไฟใต้ดินไต้หวันมีผู้คนใช้บริการเฉลี่ย 1.8 ล้านคนต่อวัน แต่มีตำรวจดูแลตลอดสายเพียงแค่ 135 คน

“ผมว่า คนนี้ น่าจะจิตไม่ปกติ หรือ ได้รับความผิดหวังอะไรสักอย่างมาถึงทำแบบนี้”

“ขอไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ด้วยค่ะ”
“มันเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยสุงสิงกะใคร ชอบเล่นเกมอย่างนี้เรียกว่าโทษเกมรึป่าวครับ แล้วรถไฟฟ้านี่เค้า ไม่ได้มีคนตรวจเข้มงวดเหมือนกับไทยเราหรอกครับ คนที่นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันดีคืนดีจะมีคนคิดจะมาทำแบบนี้ (บอกตรงครับคนนิสัยแปลกๆที่นี่เยอะ)”

“ฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ประหารเถอะครับ”

“ปัญหาสังคมที่ทุกคนต่างทับถมแต่ไม่ช่วยกันแก้ไขและหาทางออก สภาพจิตใจเยาวชน ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน”

“หน้าตาดีมากๆ ไม่น่าทำแบบนี้เลย”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สี่ เป็นกระแสดราม่าตั้งแต่ต้นสัปดาห์ สำหรับการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เมื่อ น้องฝ้าย นางสาวเวฬุรีย์ ดิษยบุตร เข้าประกวดหมายเลย 17 สาวจากเมืองกาญจนบุรี อายุ 22 ปี ได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์คนล่าสุด ซึ่งนอกจากสร้างความฉงนให้บรรดาแฟนคลับและผู้เข้าร่วมชมการประกวดในวันนั้น จนต้องมีการตะโกนแสดงความไม่เห็นด้วยออกมาแล้ว ยังมีประเด็นให้ขุดคุ้ยเรื่องราวชีวิตและการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กของน้องฝ้ายอีก

ประเด็นที่ถูกโจมตีมาก ก็เป็นเรื่องรูปร่างของเธอที่ไม่ค่อยสวยเป๊ะตามแบบฉบับนางงาม พร้อมกันนี้ชาวเน็ตยังมีการนำภาพการประกวดที่น้องฝ้ายใส่ชุดว่ายน้ำเดินประกวดซึ่งแสดงให้เห็นต้นขาและส่วนหน้าท้องที่ดูใหญ่ไม่เพรียวงามออกมาโพสต์แชร์ต่อกันอีกด้วย ทั้งนี้ยังได้มีการนำไปเปรียบเทียบและพูดถึงกับนางงามที่เป็นตัวเต็งอย่างน้องแอลลี นางสาวพิมบงกช จันทร์แก้ว สาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัย 19 ปี ว่าสวยและเหมาะสมมากกว่า

ฝ้าย นางสาวเวฬุรีย์ ดิษยบุตร  ที่มาภาพ : http://pantip.comtopic32067411
ฝ้าย นางสาวเวฬุรีย์ ดิษยบุตร ที่มาภาพ: http://pantip.comtopic32067411

นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องที่ดูไม่จบสิ้น จนชาวโซเชียลบางกลุ่มได้สร้างเพจแอนตี้และล่ารายชื่อเพื่อประท้วง ถอดตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ของน้องฝ้าย อีกทั้งขุดคุ้ยภาพและเรื่องราวที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในหลายๆ อย่าง หรือการใช้คำพูดที่รุนแรงไม่เหมาะสมผ่านโซเชียลออกมาแฉ พร้อมกับการเมาท์กันไปว่า ที่ได้ตำแหน่งเพราะการเป็นเด็กเส้น และเป็นพิธีกรนักแสดงในสังกัดทางช่อง 3

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระแสการแอนตี้จะรุนแรง แต่น้องฝ้ายก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อ เพื่อขอโอกาสในการพิสูจน์ตัวเองแล้วด้วย

“หลายคนอาจคิดว่ามีแต่กลุ่มแฟนคลับแฟนนางงามที่แพ้แล้วพาลแต่มันเป็นความไม่ชอบธรรมมากกว่าค่ะ ก็ลองดูพฤติกรรม กฎของการประกวดเอาเองแล้วพิจารณาดูเอา ว่าเป็นบรรทัดฐานที่ดีของสังคมไหม ถึงบางคนจะบอกว่า ไร้สาระก็ไม่ต่างจากคุณดูกีฬาหรอกค่ะ ที่ค้านสายตาแพ้ชนะ ถึงประกวดนางงามของเอกชนแต่ในเมื่อเอาคำว่าตัวแทนของประเทศไทย การให้ความหวังผู้เข้าประกวดผู้หญิงเพศแม่เหมือนๆกับคนชนะ หลายๆคนที่เตรียมพร้อมมาดีกว่าคนนี้ถึงคนที่ด่าจะด่าตอบไปว่าเจือกอะไรเมื่อกรรมการเลือกเอาแล้ว จะให้ดูขำๆมันก็หลับห๔หลับตาหลอกลวงเกินไปแล้วยิ่งทำแบบนี้ไม่มีใครค้านเค้าก็ยิ่งได้ใจ ตอนนี้คนอื่นเป็นยังไงม่รู้แต่เพื่อนชายหญิงหลายคนเขาก็พูดทิศทางเดียวกันว่าไม่เหมาะสม”

“หยุดอวย หยุดโพสภาพ หยุดสร้างกระแสให้นางงามในเวทีโลก ร่วมกันเปิดโปงความจริง ล้มล้างระบบอุปถัมป์ ระบบเส้นสายให้หมดจากวงการนางงามไทยให้สูงขึ้น แฟนนางงามร่วมใจกันแบน กองฯไม่มีแรงผลักดันจากแฟนๆ แล้วกองฯจะอยู่ได้อย่างไร”

“หน้าสวย แต่ใจเสีย ความคิดการกระทำหยาบคาย ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งเลย ไม่ควรเป็นตัวแทนสาวไทยไปประกวดระดับโลก”

“ไม่มีความเหมาะสมที่จะได้รางวัล เพราะขาดวุฒิภาวะ หยาบคาย ความคิดตื้นเขิน ก้าวร้าวรุนแรง ไม่เหมาะเป็นตัวแทนหญิงไทยอย่างยิ่ง”

“คราวหน้าการให้คะแนนของกรรมการควร แสดงให้ประชาชนเห็นในแต่ละรอบกันไปเลยว่ากรรมการคนไหนให้ใครได้เท่าไร และควรจะมีคะแนนผลโหวตจากทางบ้านเพราะเป็นตัวแทนของประเทศไทย ก็ควรให้คนไทยมีส่วนร่วมในการตัดสิน เพราะไม่เชื่อกรรมการแก่ๆ สายตาถั่วๆอาจสั้นยาวไม่เท่ากัน ผลก็เลยออกมาอย่างที่เห็น เบื่อระบบอุปถัมภ์ เด็กปั้น เด็กเส้นเต็มที แค่เริ่มต้นกระแสวิจารณ์อย่างนี้รับรองไม่มีอนาคตทางวงการบันเทิงหรอกคับ สละตำแหน่งให้รองนางงามเถอะ”

“ตอนนี้กระแสมันไปไกลถึงต่างแดนแล้ว ในด้านลบของนางงามคนนี้ ถ้าส่งไปประกวดเวทีโลกจะไม่น่าอายเหรอครับ เพราะน้องเขาทำภาพลักษณ์เสียหายหมดแล้ว โปรดพิจารณาครับ”

ประเด็นฮอตเรื่องที่ห้า ท่ามกลางกระแสบ้านเมืองที่อยู่ในสภาวะไม่ปกติ มีการประกาศยึดอำนาจการปกครองจากทหาร แต่คนไทยยังสามารถมีอารมณ์ขัน เล่นมุกตลกเฮฮากันได้อยู่เพื่อลดความตึงเครียด ซึ่งในรอบสัปดาห์นี้ชาวออนไลน์ก็เล่นมุกตลกกันตั้งแต่เช้าตรู่ในวันที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ก็เล่นมุกกันว่า “กฎอัยการสึก” “กฎอัยการบวช” ทั้งยังมีการทำภาพ ข้อความ หรือคำพูดที่ล้อเลียนคำสั่งการของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. และแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นข้อความประกาศการปฏิวัติ, ประกาศให้สถานศึกษาและที่ราชการหยุดทำการ, การให้ประชาชนและบริษัทเอกชนปฏิบัติงานได้ตามปกติ รวมถึงการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 22.00–05.00 น.

ที่มาภาพ : http://news.tlcthai.comnews313486.html
ที่มาภาพ: http://news.tlcthai.comnews313486.html

นอกจากนี้ยังเกิดเป็นแฮชแท็กยอดฮิตว่า #ทหารหล่อบอกด้วย และ #SoldierCuteboy ออกมาสร้างความคึกคักให้บรรดาสาวแท้ สาวเทียม รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ กันอย่างมากมาย เนื่องจากสภาวะบ้านเมืองเช่นนี้ ก็จะต้องมีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ออกมาดูแลความสงบและออกมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ต่างๆ ชาวโซเชียลมีเดียจึงจะได้เห็นหน้าตานายทหารแต่ละนายที่เรียกได้ว่า ทั้งรูปร่างหน้าตาสามารถแจ้งเกิดในวงการดารานายแบบกันได้อย่างสบายๆ เลยทีเดียว

ทั้งนี้ตามรายงานข่าวยังได้มีการรายงานว่า ทาง กอ.รส. โดย พ.ท.สุประดิษฐ์ เปล่งฉวี โฆษก กอ.รส. มีการกล่าวเพื่อแสดงความยืนยัน เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่สงบ แต่การติดแฮชแท็กดังกล่าวตามโซเชี่ยลสามารถทำได้ เพราะมองว่าเป็นอีกสีสันหนึ่ง ไม่กระทบต่อการปฏิบัติงาน และทหารก็คือประชาชนไทย นอกเหนือเวลาปฏิบัติหน้าที่ก็มีสิทธิ์ที่จะทำกิจกรรมส่วนตัวในรูปแบบต่างๆได้เช่นกัน

“ทหารแบบนี้ พบได้หน่วยไหนค้า ออกโซเชี่ยลขนาดนี้ อยากให้ทหารเข้ายึดทุกพื้นที่ของหัวใจจริงๆ”

“แจ้งทุกหน่วยระบุพิกัดเป้าหมายด่วน จะบุกเข้ากระชับพื้นที่”

“หน้าตาเหมือนโจรเลย โจรปล้นใจอ่า เอิ๊กๆ”

“ไม่ว่าจะเมื่อไร ทหารไทยก็น่ารักเสมอ เอาใจเราไปเลย”

“ชั้นรักเมืองไทยก็ตรงนี้แหละ เค้าซีเรียสกัน แต่พวกเราลั้ลลาได้ 5555”

“รู้สึกว่าตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองไทยกำลังมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง งุ้งงิ้งมากอ่ะ”