ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ชาวเน็ตแต่งเพลงล้อ “อย่ามาโย” “และ “ภาพคลิปหลุด กนก ผู้ประกาศดัง”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ชาวเน็ตแต่งเพลงล้อ “อย่ามาโย” “และ “ภาพคลิปหลุด กนก ผู้ประกาศดัง”

5 เมษายน 2014


ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 30 มี.ค. – 5 เม.ย. 2557

ประเด็นฮอตเรื่องแรก เรื่องที่มีให้พูดถึงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา กับเรื่องราวของวงโยธวาทิต Max Percussion Theater โรงเรียนสตรีวิทยา 2 เป็นข่าวดังครึกโครมเรื่องขอยืมเงินนายตัน ภาสกรนที จำนวน 3.1 ล้านบาท เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายเดินทางแข่งขันที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และยังมีการออกจดหมายเวียนเพื่อขอเงินสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ อีกทั้งยังมีคลิปเสียงแผนการดังกล่าว หลุดเผยแพร่ออกมาในโซเชียลเน็ตเวิร์กอีก

แม้สัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการคลี่คลายเพราะต้องรอให้ทางวงโยธวาทิตดังกล่าวเดินทางกลับถึงเมืองไทยเสียก่อน แต่เมื่อคณะวงโยธวาทิตเดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ นายอนุสรณ์ พรเนรมิต ผู้คุมวง กล่าวกับผู้สื่อข่าวโดยยอมรับว่าเสียงตัวเองเป็นเสียงหนึ่งที่อยู่ในคลิปนั้นจริงและตอบว่าเรื่องอื่นๆ ขอให้ทางผู้ใหญ่เป็นผู้พูด

ที่มาภาพ : http://www.posttoday.com
ที่มาภาพ: http://www.posttoday.com

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทางด้านนายสัจจา ศรีเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กรุงเทพมหานคร เขต 2 ได้มีการเปิดเผยต่อสื่อถึงผลสอบสวนนายพชรพงศ์ ตรีเทพา ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวิทยา 2 และวงโยธวาทิต Max Percussion Theatre ว่าได้ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2557 ซึ่งเป็นวันที่มีคลิปเสียงหลุด และได้เรียกนางชนิกา หวังกิจ รองผู้อำนวยการโรงเรียน เข้ามาชี้แจงซึ่งข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลเชิงลึก ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้

ทางด้านนายพชรพงศ์ ตรีเทพา ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวิทยา 2 หลังจากที่ผู้สื่อข่าวหลายสำนักพยายามติดต่อ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ล่าสุดก็ได้รับการติดต่อจากนายพชรพงศ์ ซึ่งได้ให้ข้อมูลต่อสื่อว่ามีตั้งคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อรายงานต่อไป ต้องใช้เวลารวบรวมข้อเท็จจริงประมาณ 2-3 วัน ส่วนคลิปเสียงที่หลุดออกมา ก็ยอมรับว่าเป็นเสียงตนเองที่คุยกับเด็กในวงจริง แต่ไม่ได้มีการยุยงให้นักเรียนไปขอเงินจากนายตัน และพร้อมรับผิดชอบต่อสังคมไม่ว่าจะผิดหรือถูก แต่กระแสที่ถูกพูดถึงอยู่ในขณะนี้ทำให้เกิดความสับสนจนต้องตกเป็นจำเลยของสังคม

เรื่องนี้ทางด้านสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ยังได้มีการแถลงมติที่ประชุม เพื่อให้มีการขับไล่นายพชรพงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวิทยา 2 เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งยังมีการเร่งให้รับผิดชอบหนี้สินคืนนายตัน ภาสกรที อีกด้วย จึงทำให้ทางด้านสมาคมผู้ปกครองโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ออกโรงเร่งจัดกิจกรรมเพื่อกู้หน้าหาเงินคืน และยังขอร้องอย่าซ้ำเติมเด็กๆ ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยมีการแชร์เพลงในเว็บไซต์ยูทูป ในชื่อเพลงอย่ามาโย โดยมีเนื้อหาในเชิงเปรียบเทียบ ในเรื่องการโกงต่างๆ ว่า “อย่ามาโย” อีกด้วย

“ก่อนอื่นต้องประมาณตัวเอง จุดที่ทำไมถึงไม่ได้งบ เพราะวงโยสตรี 2 ไม่ได้เป็นทีมที่ชนะระดับประเทศงัย เขาถึงไม่ให้เงินสนับสนุน ปีหน้าค่อยเอาใหม่ก็ได้ ทำให้ชนะในระดับประเทศตัวเองก่อน วงโยที่เขาไม่ได้ชนะเหมือนสตรีวิทยา2 ก็มีหลายทีม ถ้าเขาทำอย่างสตรีวิทยา2 กันหมด ทำตามความอยากไปของตัวเอง ไม่เดินตามขั้นตอน ก็วุ่นน่ะสิครับ เบียร์สิงห์ เบียร์ช้าง เนสกาแฟ อิชิตัน กระทิงแดง ได้เดือดร้อนกันทั่วหน้าที่จะมีกองทัพวงโยต่างๆ หรือทีมต่างๆ ที่อยากไปแข่ง ไปเที่ยวต่างประเทศกันเยอะแยะ มานั่งนอนปิดล้อมบริษัท ตามสื่อมาบีบบริษัทเอกชนเหล่านี้ให้จ่ายเงิน ค่านิยมการขอเกลื่อนเมืองแน่ครับ…..”

“มันเกิดจากกิเลส ความโลภ ความไม่รู้จักพอของคนๆ นี้โดยแท้ (สงสัยหลายปีมานี่คอร์รัปชั่นไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว)”

“คำว่า ” แข่งขัน ” ต้องมีคู่ต่อสู้นะ ถ้าแสดงอยู่วงเดียว ควรเรียกว่า ” โชว์ ” ถึงจะได้เหรียญทองก็เถอะ”

“อนาคตของชาติ ผลของกฎหมายสิทธิเด็กและเยาวชน วัยรุ่นสมัยนี้เลยได้ใจเพราะสบายจนเคยตัว แถมมีตัวอย่างจากผู้ใหญ่ไม่ดี เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลยพี่น้อง อนาคตข้างหน้า ทุกบ้านทุกหลังคาเรือนได้โดนแบบคุณตันแน่”

“ประเทศไทยเจริญนะ มีแต่เรื่องการคอรัปชั่น ผู้ใหญ่ก็สอนให้เด็กทำ”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สอง ที่ประชาชนต่างให้ความสนใจและจับตาดูความเคลื่อนไหวคำตัดสินของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากมีการพิจารณารับคำร้องเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสถานภาพของรักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าสมควรสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (7) ประกอบมาตรา 268 หรือไม่ จากกรณีการโยกย้ายตำแหน่งนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

โดยที่ตามข่าวมีการรายงานคำชี้แจงของนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตามความเห็นของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่าการที่นางสาวยิ่งลักษณ์มีคำสั่งโยกย้ายนายถวิล ไม่ใช่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่การบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภา แต่เป็นการใช้ตำแหน่งการเป็นนายกรัฐมนตรีเข้าไปแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองและเครือญาติ พรรคเพื่อไทยที่นายกรัฐมนตรีสังกัด เข้าข่ายต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (2) และ (3)

จากคำพิจารณาดังกล่าว ส่งผลให้นางสาวยิ่งลักษณ์จะต้องเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน และหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีสิ้นสภาพ จะส่งผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สิ้นสุดลงเฉพาะตัว แต่รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีที่เหลือยังสามารถอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181

ที่มาภาพ : http://www.talkystory.comp=81666
ที่มาภาพ: http://www.talkystory.comp=81666

ทางด้านนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้มีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า ตามจริงก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอยู่แล้ว และต้องทำตามขั้นตอนให้ถูกต้อง อีกทั้งขอเวลาและความเป็นธรรมในการทำงานต่อไป พร้อมทั้งได้มีสั่งการให้นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ เลขาธิการ กพ. หารือในรายละเอียดเรื่องการคืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้นายถวิล เปลี่ยนศรี เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนในกรอบ 45 วัน และยืนยันว่าจะไม่ยื้อเวลา ทั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ยังมีการฝากคำถามกลับอีกว่า จะให้รับผิดชอบอย่างไร เพราะได้ปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งปกติที่ทุกรัฐบาลได้มีการแต่งตั้งโยกย้าย และเจอปัญหาเช่นเดียวกัน ทั้งยังเชื่อว่าหากนายถวิลกลับมารับตำแหน่งก็จะไม่มีปัญหาต่อความมั่นคง หากมีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่(ชมคลิป)

“ท่านครับ ไม่ใช่ทางกฏหมายที่ท่านอ้างนะครับ ความรับผิดชอบตามหลักธรรมมาภิบาล หลักคุณธรรมจริยธรรม หลักรัฐศาสตร์การปกครอง หลักมนุษยธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม ตัวอย่าง นายกฯญี่ปุ่นก็มีให้ท่านเห็น ถ้าท่านละเลยหลักอื่นๆ ท่านไม่สมควรจะเรียกว่าเป็นคนนะครับ ท่านอ้างทำตามกฎหมาย อ้างทำตามรัฐธรรมนูญ แต่ท่านไม่ทำตามหลักอื่นเลยนะครับ ประเทศถึงได้เดินทางลงเหวแบบนี้ไงครับ “

“นายกสิ้นสภาพไปนานแล้ว ตอนนี้รักษาการเท่านั้น”

“จบได้แล้วนะ มหากาพย์การเมืองสีดำ”

“ข้อมูลหลายๆ อย่าง สิ่งที่กำลังเกิดที่คนทั่วไปเห็นคือ กฏหมายไทย “รั่ว” และ “หลวม” ในทุกหน้ากระดาษ”

“ต้องหาทางให้ประเทศรอดพ้นจากสิ่งที่ไม่ดี และคนที่ไม่ดีให้จงได้”

“สงครามกลางเมืองอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับประเทศไทย ใครจะคิดว่าคนไทยจะเผาสถานที่ราชการแต่ก็เกิดขึ้น เขยิบอีกนิดก็สงครามกลางเมือง ฝ่ายขวาตกขอบก็ได้ แต่ตะโกนเย้ยๆ ว่า”เผาบ้านเผาเมือง”พูดเองฟังเองสบายใจเอง ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดว่าคนอีกครึ่งประเทศทำไมเขาถึงต่อต้านกฎหมายของบ้านเมือง ก็เพราะพวกเขาเห็นว่ากฎหมายไม่ให้ความยุติธรรมกับพวกเขา ครั้งแล้วครั้งเล่าที่รุมกันรังแกพวกเขา ทำร้ายจิตใจคนครึ่งประเทศทุกวิถีทาง บางทีสงครามกลางเมืองก็อาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งๆ ที่เห็นว่ากำลังจะมาแล้ว แต่คนธรรมดาอย่างเราก็ทำอะไรไม่ได้”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สาม เมื่อเว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษออกมารายงานข่าวว่า มีอดีตสายลับเกาหลีเหนือออกมาแฉนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน ถึงแผนลอบสังหารบิดาของตัวเอง คือ นายคิม จอง อิล อยู่หลายครั้ง ก่อนที่นายคิม จอง อิล จะถึงแก่อสัญกรรมด้วยปัญหาสุขภาพของตัวเองในปี พ.ศ. 2554

ตามรายงานข่าวเล่าว่า อดีตสายลับใช้ชื่อว่า Mr K เปิดเผยแผนการลอบสังหาร ตั้งแต่การจ้างมือปืน, ยิงขีปนาวุธถล่มกรุงเปียงยาง, รวมถึงการใช้รถบรรทุกหนัก 20 ตัน พุ่งเข้าชนขบวนรถของนายคิม จอง อิล แต่นายคิม จอง อิล รู้ตัวก่อนจึงเปลี่ยนขบวนรถยนต์ อีกทั้งการพยายามก่อเหตุรัฐประหาร 2 ครั้ง แต่นายคิม จอง อิล ล่วงรู้แผนการก่อน ทั้งหมดจึงล้มเหลว

นาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน  ที่มาภาพ : http://www.clipmass.comstory84169
นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน ที่มาภาพ: http://www.clipmass.comstory84169

ทางด้านหนังสือพิมพ์ “โชซัน อิลโบ” ของเกาหลีใต้ ยังรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของเกาหลีเหนืออีกว่า นายคิม จอง อึน มีการสั่งการให้ประหารหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่า 200 นายที่ภักดีต่อนายฉัง ซง เต็ก ลุงของตนเอง ที่ถูกประหารชีวิตไปแล้ว เพื่อถอนรากถอนโคนฐานอำนาจให้หมดสิ้นไป

“ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด เหม็นฉาวโฉ่ แต่ทำตัวเป็นคนดีลอยหน้าลอยตาเห็น”

“น่ากลัวนะ คิดฆ่าได้แม้กระทั่งผู้ให้กำเนิด แบบนี้ใครจะกล้าเข้าใกล้”

“ผู้นำประเทศของไทย มีเพื่อนแล้ว”

“ขนาดพ่อเขารู้ว่าลูกตัวเองพยายามลอบฆ่าตั้งหลายครั้ง คนเป็นพ่อยังทำอะไรลูกเลย”

“หวังว่าเขาจะปรับปรุงตัว คิดได้ และหันมาทำความดีบ้าง”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สี่ ในรอบสัปดาห์นี้ ต้องยกให้ความหวานของคู่รัก เอมี่ กลิ่นประทุม และ ซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ เพิ่งจัดงานพรีเวดดิงปาร์ตี้ ที่มีเพื่อนสนิทในวงการบันเทิงกว่า 70 คนไปร่วมงานกันอย่างอบอุ่นและสนุกสนานที่โรงแรมโฟโต้ จังหวัดภูเก็ต เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงทำให้มีรูปหวานของทั้งคู่ว่าที่บ่าวสาว รวมทั้งรูปหวานของเพื่อนๆ ที่ควงคู่รักไปร่วมงาน โชว์กันในอินสตาแกรมอย่างมากมาย โดยทุกคนพร้อมใจกันติดแฮชแท็กที่ใช้ชื่อว่า #AMYCPREWEDPARTY

โดยฤกษ์ฉลองวิวาห์ของทั้งคู่จะเป็นวันที่ 28 มิถุนายน 2557 ณ โรงแรมพลาซา แอทธินี มีพิธีหมั้นและรดน้ำสังข์ พร้อมจดทะเบียนสมรสกันในวันที่ 8 มิถุนายน 2557 ณ วังจักรพงษ์ ซึ่งซีและเอมี่เป็นคู่รักที่แฟนคลับสนับสนุนและชื่นชมในความรักที่มีให้กันมาโดยตลอด 8 ปี ที่คบกัน ซึ่งหนุ่มซียังได้กล่าวคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับคุณพ่อของสาวเอมี่ต่อสื่อด้วยว่า “ผมบอกว่า การแต่งงานเนี่ยคือผมไม่ได้จะพรากลูกสาวกับพี่สาวสุดที่รักของเขามา แต่พาเขามาดูแลให้ดีที่สุด แล้วผมก็แค่พูดว่า ถ้าทุกคนสงสัยว่าทำไมผมถึงแต่งงานกับคุณเอมี่ ผมก็พูดว่า มันไม่ต้องใช้ตรรกะอะไรคิดเยอะ เราแค่จินตนาการว่าถ้าสมมุติไม่มีผู้หญิงคนนี้ในโลกเราจะอยู่ได้ไหม ถ้าเราอยู่ได้เราก็เลิกกับคนนั้นไปเลย เราก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกันไปเลย แต่คำตอบผมคือ ผมอยู่ไม่ได้ ก็เลยมีความรู้สึกว่า โอเค งั้นพร้อมแล้วล่ะที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเขาแค่นั้นเอง”

ที่มาภาพ : http://tv.truelife.comdetail3096947hilight
ที่มาภาพ: http://tv.truelife.comdetail3096947hilight

ด้านสาวเอมี่ก็กล่าวคำหวานด้วยเหมือนกันว่า “คือเราก็ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะ แล้วเรารู้สึกว่าคนนี้แหละคือคนที่แบบเราอยู่ด้วยแล้วมีความสุขที่สุด แล้วก็เป็นตัวของตัวเองที่สุด เรารู้สึกว่าแบบเป็นทั้งแฟนเป็นทั้งเพื่อน คือเป็นได้หมดเลยอะไรอย่างนี้ แล้วก็รู้สึกสบายใจ เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วก็รู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่าแบบเราสามารถฝากชีวิตกับเขาได้อย่างนี้”

สำหรับคู่รักคู่หวานที่ผ่านเรื่องราวความรักมามากมายอย่างคู่นี้ ชาวเน็ตก็ได้มีการแสดงความคิดเห็น พร้อมคำอวยพรกันอย่างมากมาย

“ดีใจกับคุณซีและคุณเอมี่คะ คู่นี้รักกัน และเป็นตัวอย่างที่ดี น่าสนับสนุน”

“ชอบมาตลอดนะคู่นี้ ตอนที่มีปัญหามือที่สามก็คอยให้กำลังใจให้ ยังไงคู่กันแล้ว ก็ไม่แคล้วกันนะ”

“เห็นแล้วอยากสละโสดบ้างเลย อิจฉาคนมีคู่เนอะ ใครที่มีคู่แล้วก็ดูแลกันดีๆ นะคะ”

“ตาร้อนกันเรยทีเดียว น่ารักมาก อบอุ่นกับบรรดาเดอะแก๊งค์ ยินดีด้วยค่ะ”

“พี่เอมี่ ทำบุญมาดี มีเพื่อนดี มีการงานดี มีครอบครัวที่ดี มีความรักดี มีคนรักที่ดี สมบูรณ์แบบจังชีวิต”

“คู่นี้เหมาะสมกันมาก น่ารักสุดๆ”

ประเด็นฮอตเรื่องที่ห้า หลุดทั้งภาพ ทั้งคลิป เมื่อผู้ประกาศข่าวชื่อดัง นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ถูกสาวนิรนามออกมาแฉความสัมพันธ์อย่างลับๆ พร้อมเผยภาพลักษณะโป๊ เปลือย นอนหลับ รวมทั้งข้อความการพูดคุยกันผ่านไลน์ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ด่าทอ นอกจากนี้ยังมีคลิปคล้ายการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง ซึ่งนายกนกออกมายืนยันว่าคือการตัดต่อ ซึ่งนายกนกสงสัยว่า คนที่ทำน่าจะทำเป็นกลุ่ม ไม่ใช่ผู้หญิงเพียงคนเดียว และคิดว่าน่าจะมาจากสาเหตุทางการเมือง

ทั้งนี้ นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “Kanok Ratwongsakul Fan Page” เพื่อเป็นการชี้แจงเรื่องราวและประกาศหยุดพักงานในวิชาชีพสื่อมวลชน โดยมีข้อความดังนี้

“ที่ต้องประกาศ “หยุดพักงาน 1 เดือน” เพราะผมเห็นว่ามีบางคนเคลือบแคลง เกิดข้อสงสัย เพราะคนทำเจตนาตัดต่อภาพลามก ให้ฉาวโฉ่อย่างต่อเนื่อง จนผมเชื่อว่า มันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ “วิชาชีพ” โดยรวม พี่น้องสื่อมวลชนในวงการเดียวกัน ก็อาจต้องการให้ผมแสดงออกอะไรสักอย่าง

การที่ผมพักงาน ไม่ได้หมายถึงผมยอมรับผิดตามภาพลามก แต่ผมต้องการแสดงความรับผิดชอบ ให้ตัดขาดจากวิชาชีพที่ต้องมีความน่าเชื่อถือ พร้อมให้ทางต้นสังกัดตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ผมไม่ใช่สื่อที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ขณะที่สังคมต้องการความชัดเจน

และถ้าผู้ใดสามารถพิสูจน์ได้ว่า ผมใช้ “วิชาชีพ” ไปทำร้าย หรือ หลอกผู้หญิงให้ยอมถูกล่วงละเมิดทางเพศ ผมจะลาออกจากสื่อมวลชนตลอดไป การที่ผมไปแจ้งความกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แทนที่จะเป็น สน.ทั่วไป เพราะทราบดีว่า ที่ ปอท. มีศักยภาพและเครื่องมือที่จะหาตัวคนทำความผิดได้อย่างแน่นอน ทั้งตัวคนผลิตและเผยแพร่ จนถึงคนที่ส่งต่อ แชร์ต่อ

ทาง ปอท. อธิบายว่า แม้คนทำจะเปิดและปิดแอ็คเคาน์ ก็สามารถหาร่องรอยไปดำเนินคดีได้ รวมถึงคนส่งต่อ ถือว่ามีโทษเทียบเท่าคนทำ และโทษนั้นถึงขั้นจำคุก ตอนนี้ถือว่าคนเผยแพร่ มีความผิดแล้ว โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าเป็นภาพจริงหรือปลอม เพราะภาพนั้นเป็นภาพลามก ! ประกอบข้อความขู่อาฆาต ทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้ผู้อื่นเกลียดชังผม

ย้ำว่า ผมพักงานแต่ไม่ได้ยอมรับผิด และยังเชื่อว่านี่เป็นกลุ่มที่ต้องการทำลายกัน ไม่น่าจะเป็นการกระทำของผู้หญิงคนเดียว โดยปรากฏภาพลามกชุดแรกมา ไม่น้อยกว่า 2 เดือนแล้ว ส่งต่อกันในเพจเสื้อแดง จนถึงล่าสุดที่ยังมีการใช้ภาพนิ่งชุดเดิม ผสมกับภาพชุดใหม่ เปิดแอ็คเคาน์ปล่อยภาพ และปิดทิ้งไปเปิดใหม่ตลอดเวลา ซึ่งผิดวิสัยที่ผู้หญิงคนเดียวจะทำด้วยความเจ็บแค้น

นายกนก  รัตน์วงศ์สกุล  ที่มาภาพ : https://www.facebook.compagesKanok-Ratwongsakul-Fan-Page130660513618323fref=
นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ที่มาภาพ: https://www.facebook.compagesKanok-Ratwongsakul-Fan-Page130660513618323fref=

อีกทั้งการกล่าวร้ายทางเพศนั้น ผมเคยถูกทีวีเสื้อแดง โจมตีมาแล้วตั้งแต่ปี 2554 อ้างว่ามีคลิปจะเผยแพร่ แต่ไม่เคยมี ทีวีช่องนี้ส่งนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ภรรยาผม เรื่อง “ยอมให้ผมมีเมียน้อย อยู่กันอย่างฟรีเซ็กซ์ เปิดเผย ! ” จากนี้ไป ทาง ปอท. จะรวบรวมคนที่ส่งต่อภาพและข้อความลามกเกี่ยวกับผม เพื่อดำเนินคดี

ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ ผมจะตามขอบคุณเป็นการส่วนตัวจากนี้ไป…เพราะมีเวลาว่างตั้ง 1 เดือน แล้วพบกันในที่ที่อากาศปลอดโปร่ง คลายร้อน เช่นที่ “สวนลุมพินี” นะครับ “ผมรักคุณ…คนเดียว…มวลมหาประชาชน” ฮี่ ๆ ”

และเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ วิชาชีพสื่อมวลชนที่ทำอยู่ จึงขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการหยุดทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่ไม่ใช่การยอมรับผิด ส่วนทางต้นสังกัดได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว”

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นายกนกยังได้ส่งเรื่องเข้าสู่กระบวนการเพื่อหาตัวผู้กระทำผิด เพื่อให้หยุดการกระทำดังกล่าว และยังยืนยันว่าหากใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนเองใช้วิชาชีพสื่อมวลชนเพื่อไปหลอกหรือทำมิดีมิร้ายผู้หญิงจริง จะขอลาออกจากการเป็นสื่อมวลชนตลอดชีวิต

“กนก รู้อยู่แก่ใจ ว่าเป็นเรื่องจริง ใครมันรับสารภาพ เขามาแฉนะดีแล้วจะได้ไม่ไปหลอกใครอีก เวรกรรมตามมาเร็วดีจริง สงสารครอบครัวจังเลย”

“การมีเซ็กส์นั้นเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เรื่องที่ไม่ธรรมดาก็คือ กนกไปโทษว่าเป็นภาพตัดต่อจากคนเสื้อแดง เป็นการเอาพฤติกรรมที่ตัวเองทำขึ้นมา ไปโยนใส่ศัตรูทางการเมือง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี แล้วยังลอยหน้าลอยตาอ่านข่าวอย่างไม่รู้สึกอะไร”

“ก็ไม่แน่ใจนะ วิวัฒนาการสมัยนี้ทำอะไรได้เยอะ ไม่รู้จริงๆว่า อะไรของจริงหรือไม่จริงอ่ะ อาจจะจริงหรือตัดต่อก็ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง น้อยคนที่กล้ายอมรับนะ”

“ตัดต่อได้เนียนมากทั้งภาพและเสียง ” รักคุณคนเดียว..คุณเป็นที่รักของผม ” 55555555555….จะให้ดีต้องเอาคลิปไปโชว์บนเวทีของพวกม็อบกบฏ กปปส.ด้วย”

“ผู้ชายสมัยนี้ เป็นแบบนี้กันแทบหมดแล้ว ไม่แคร์ผู้หญิง อยากได้ก็ต้องได้ คิดว่าเงินซื้อได้ทุกสิ่ง ไม่ให้เกียรติผู้หญิงกันบ้างเลย”

“เป็นกำลังใจให้นะคะ เรื่องแบบนี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่พอมาอยู่ในที่สาธารณะ เลยไม่เป็นธรรมชาติทันทีเลย”