เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2555 เป็นวันสตรีสากล และนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” สตรีหมายเลข 1 ของเมืองไทย ติดอันดับเป็น 1 ใน 150 สุดยอดหญิงนักสู้ของโลก จากนิตยสาร นิวสวีค ของสหรัฐอเมริกา
โดย นิตยสาร นิวสวีค ได้จัดอันดับสุดยอดผู้หญิงนักสู้ของโลก 150 คน เนื่องในวันสตรีสากลในชื่อ “150 ผู้หญิงที่ไร้ความหวั่นเกรง” หรือ “150 Fearless Women Who shake the World” ซึ่งเป็นการรวบรวมรายชื่อของผู้หญิงที่เป็นทั้งผู้นำประเทศ ผู้นำรัฐบาล แกนนำการประท้วงทั้งในเมืองใหญ่และหมู่บ้านเล็กๆ ผู้หญิงที่ต่อสู้ทั้งทางด้านการศึกษา ธุรกิจ และการคอร์รัปชั่น ผู้หญิงที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและลบล้างแนวความคิดผิดๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานชีวิตและสิทธิมนุษยชน
และในวันสตรีสากลนี้ “กลุ่มสตรี” จากหลายองค์กร อาทิ กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี (กบส.) สมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และเครือข่ายผู้หญิงปกป้องสิทธิ์ที่ดินและทรัพยากร ได้รวมตัวกันมายื่นข้อเรียกร้องต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อน และสนองความต้องการของกลุ่มสตรี ซึ่ง 1 ใน 6 ข้อเรียกร้องคือ เข้าไม่ถึง “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี”
ที่มากกว่านั้นคือ ข้อเรียกร้องของพวกเขาเข้าไม่ถึงรัฐบาลที่มีผู้หญิงเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากไม่มีตัวแทนจากรัฐบาลหรือตัวแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งติดภารกิจเยือนประเทศญี่ปุ่น ออกมารับข้อร้องเรียนของพวกเขาที่เดินทางมายื่นถึงหน้าประตูทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กลุ่มสตรีที่เดินทางมากว่า 300 คน
ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของกลุ่มแรงงานหญิง มี 6 ข้อ คือ
1.ให้รัฐบาลดูแลแรงงานหญิงในภาคอุตสาหกรรมที่ถูกเลิกจ้าง ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
2.ให้ช่วยเหลือสตรีทั้งในระบบและนอกระบบ เข้าถึงกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ
3.ให้จัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้หญิงที่ทำงานย่านอุตสาหกรรม
4.รับรองอนุสัญญาไอแอลโอ ฉบับที่ 183 ว่าด้วยสิทธิความคุ้มครองความเป็นมารดา ในการได้รับสวัสดิการค่าจ้างในช่วงที่ไม่ได้ทำงาน เนื่องจากการคลอดบุตร การคุ้มครองสุขภาพแม่และเด็ก โดยให้บิดาสามารถลางานมาดูแลบุตรและมารดาหลังคลอดได้
5.ช่วยเหลือแรงงานหญิงที่ได้ผลกระทบจากนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
6.ให้แรงงานสตรีมีส่วนร่วมตัดสินใจและวางแผนในระดับนโยบายทั้งไตรภาคีด้านแรงงาน และให้เพิ่มสัดส่วนนักการเมืองสตรีให้มีบทบาทมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้นายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับถึงประเทศไทย หลังปฏิบัติภารกิจเยือนประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว แต่ในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน” ที่ออกอากาศในวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2555 กลับมอบหมายให้ นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกรายการแทนเพื่อชี้แจงเรื่องกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โดยมีนาย นที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ มาร่วมออกรายการด้วย
โดยนางนลินี ยืนยันว่า จะเปิดโอกาสให้สตรีทุกคนเข้าถึงกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี แต่ในระยะแรกที่จัดขึ้นภายใต้ระเบียบของสำนักนายกฯ ก็เพื่อความคล่องตัว เมื่อเข้าที่แล้ว ก็จะจัดตั้งเป็นยื่นเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) และช่วงนี้รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และก็จะดูให้เข้าที่เหมือนกับกองทุนหมู่บ้าน
“จะเดินตามรอยแบบเดียวกับกองทุนหมู่บ้านที่มีความยั่งยืน ก็เดินมาในลักษณะตั้งเป็นระเบียบของสำนักนายกฯก่อน แล้วจึงเป็น พ.ร.บ. ก็จะมีความยั่งยืนเช่นเดียวกัน และเพื่อที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างยิ่งเต็มที่อย่างยั่งยืน”
สำหรับแนวทางการจัดสรรเงินประมาณจังหวัดละ 100 บาทนั้น นางนลินี อธิบายว่า จะแบ่งเป็น 3 ระดับ เล็ก กลาง ใหญ่ โดยจะเป็นไปตามประชากร ถ้าพูดกว้างๆ ก็คือขนาดเล็ก 70 ล้าน ขนาดกลาง 100 ล้าน และขนาดใหญ่ 130 ล้าน
นอกจากนี้ นางนลินียืนยันว่า กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีสมัครฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยสามารถสมัครได้จากช่องทางทางเว็บไซต์ สำหรับกรณีที่มีอินเตอร์เน็ต อีกทางหนึ่งคือ ผ่านช่องทางของการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) และที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน และทาง กศน. เขต สำหรับกรุงเทพมหานคร และที่กรมการพัฒนาชนบท (พช.)
รวมทั้งจะมีการลงพื้นที่ด้วยเป็นอีกแรงหนึ่ง และคาดว่าภายในเดือนมีนาคมนี้ จะมีสตรีเข้าสมัครเป็นสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีอย่างน้อยที่สุดน่าจะ 10 ล้านคน แต่คิดว่าจะมากกว่านั้น ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงเพราะตอนนี้ตัวเลขอยู่ประมาณ 7-8 ล้านคนแล้ว
ทั้งนี้ สามารถฟังเสียง ชมคลิปรายการ และอ่านรายละเอียดถอดเทป “คำต่อคำ” รายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน” วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2555 ได้ที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยและสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
อ่านข่าวเพิ่มเติม สำนักข่าวไทยพับลิก้า คปก. คัดค้านใช้ระเบียบสำนักนายกฯ ตั้งกองทุนสตรี ชี้ช่องส่งศาลรัฐธรรมนูญ-ศาลปกครองพิจารณา ระงับขบวนการสังคมสงเคราะห์
m;ulbo