มิชลินเปิดตัวเทคโนโลยียางล้อไร้ลมออกสู่สาธารณะเป็นครั้งแรก
มิชลิน (Michelin) และเจเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors: GM) ได้นำเสนอเทคโนโลยียางล้อไร้ลม (airless tire) หรือ “ระบบยางป้องกันการแตกรั่วซึม (unique puncture-proof tire system)” ต่อการประชุมสุดยอดว่าด้วยการสัญจรที่ยั่งยืน (Movin’On Summit)เมื่อเร็วๆ นี้
ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนประการแรกของยางล้อไร้ลม คือ ล้อรถของคุณจะไม่รั่วหรือระเบิด มิชลินกล่าวว่า มียางประมาณ 200 ล้านเส้นต่อปีที่ต้องกลายเป็นขยะก่อนเวลาอันควร ข้อดีประการที่สอง คือ คุณไม่จำเป็นต้องคอยดูแลแรงดันลมยางของคุณ ซึ่งไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณประหยัดเวลาเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการสึกหรอของหน้ายาง ซึ่งเกิดจากแรงดันลมภายในยางมีน้อยอีกด้วย
โดยซี่ล้อภายในสามารถปรับให้ตรงกับลักษณะการทำงานที่ต้องการได้ คุณสามารถปรับความแข็งของมันเองได้ภายใต้การเร่งความเร็ว การเบรก การเข้าโค้ง และการควบคุมการกระแทก นอกจากนี้ คุณยังสามารถปรับแต่งลักษณะการควบคุมการกระแทกเพื่อที่จะไม่ต้องแยกระบบกันสะเทือนในรถยนต์บางประเภท
มิชลินได้ร่วมมือกับจีเอ็ม เพื่อออกแบบและเริ่มจำหน่ายยางไร้ลมสำหรับรถยนตร์ทั่วไปใช้บนถนน หรือมีชื่อเรียกว่า Uptis มิชลินกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะทนต่อแรงกระแทกได้ดีกว่ายางและล้อทั่วไปและมีอายุการใช้งานนานขึ้น “อย่างมาก” โดยที่ไม่มีแรงต้านการหมุนเพิ่ม ผู้ขับขี่จะไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง และจะเพิ่มน้ำหนักของล้อเพียงแค่ประมาณ 7% เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่ายางรันแฟลต (runflat tire: ยางรถยนต์ที่สามารถใช้งานได้ แม้ไม่มีลมยาง)
โดยจีเอ็มจะเริ่มเสนอ Uptis เป็นตัวเลือกให้กับรถยนต์บางรุ่น “อย่างเร็วที่สุดในปี 2024” และกำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลแต่ละรัฐและรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ เพื่ออนุมัติกฎระเบียบสำหรับการใช้งานบนท้องถนน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ยางไร้ลม Uptis ได้ถูกเปิดตัวสู่สาธารณะเป็นครั้งแรกที่ IAA เมืองมิวนิก และมีประชาชนผู้โชคดีบางส่วนได้มีโอกาสลองใช้งานแล้วผ่านการขับขี่บนรถ Mini Electric จากรายงานทั้งหมด เหล่าผู้โชคดีระบุว่าพวกเขารู้สึกไม่ต่างการขับรถที่ใช้ยางแบบปกติ ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของมิชลินที่ต้องการจะนำเสนอเทคโนโลยีใหม่โดยที่ประสบการณ์การใช้งานของผู้ขับขี่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
มิชลินและจีเอ็มกำลังทดสอบ Uptis Prototype โดยเริ่มจากรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Chevrolet Bolt EV และในปลายปีนี้บริษัทจะเริ่มทำการทดสอบ Uptis ในโลกแห่งความเป็นจริงกับยานพาหนะทดสอบ Bolt EV ในรัฐมิชิแกน
เนื่องจาก Uptis เป็นล้อยางแบบไร้ลม เทคโนโลยีนี้นอกจากจะช่วยขจัดอันตรายจากยางแบนและยางระเบิดแล้ว ยังทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น ช่วยผู้ประกอบลดเวลาในการปรับปรุงประสิทธิภาพและระยะเวลาที่เกิดความขัดข้องจากยางแบน และยังช่วยลดการบำรุงรักษา
นอกจากนี้ สังคมยังได้ประโยชน์จากการประหยัดทรัพยากรสิ่งแวดล้อม เนื่องจากช่วยลดการใช้วัตถุดิบที่จะนำมาทดแทนยางรถยนต์หรือยางอะไหล่จาก 12% ของยางที่ถูกทิ้งในแต่ละปีเนื่องจากปัญหาลมยางที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ บวกกับ 8% ของยางที่ถูกทิ้งในแต่ละปีเนื่องจากการสึกหรอจากแรงดันลมยางที่ไม่เหมาะสม คิดเป็นประมาณ 20% ของยางที่เสียไป
ปัญหานี้สามารถแก้ได้ด้วยยาง Uptis ซึ่งจะมาช่วยแก้ไขปัญหาการสูญเสียยางจำนวนกว่า 200 ล้านเส้นในแต่ละปี คิดเป็นน้ำหนักเทียบเท่าหอไอเฟล 200 หอ
Uptis Prototype เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญสู่การบรรลุแนวคิด VISION ของมิชลิน ซึ่งถูกนำเสนอใน Movin’On Summit ในปี 2017 เพื่อยกตัวอย่างกลยุทธ์ของมิชลินในการวิจัยและพัฒนาการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน
แนวคิด VISION นำเสนอนวัตกรรม 4 เสาหลักด้วยกัน คือ นวัตกรรมไร้ลม (airless) นวัตกรรมเชื่อมต่อกัน (connected) นวัตกรรมพิมพ์แบบ 3 มิติ (3D-printed) และนวัตกรรมยั่งยืน 100% (ใช้วัสดุหมุนเวียนทั้งหมดหรือจากแหล่งชีวภาพ)
“Uptis แสดงให้เห็นว่า วิสัยทัศน์ในอนาคตของการขับเคลื่อนอย่างยั่งยืนของมิชลินนั้นเป็นความฝันที่เป็นจริงได้อย่างแน่นอน” ฟลอร็องต์ เมเนโกซ์ ประธานกรรมการบริหารของมิชลิน กรุ๊ป กล่าว “ด้วยการทำงานร่วมกับพันธมิตรทางกลยุทธ์อย่างจีเอ็ม ซึ่งมีความทะเยอทะยานในการปฏิรูปการสัญจรของเรา เราสามารถควบคุมอนาคตได้ในวันนี้”
“เจเนอรัล มอเตอร์ส รู้สึกตื่นเต้นกับความเป็นไปได้ที่ Uptis แสดงให้เห็น และเราตื่นเต้นที่จะร่วมมือกับมิชลินในเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนี้” สตีฟ ไคเฟอร์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายจัดซื้อและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกของเจนเนอรัล มอเตอร์ส กล่าว “Uptis เหมาะสมอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์สู่อนาคต และเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าลูกค้าของเราได้รับประโยชน์อย่างไรเมื่อเราร่วมมือและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรซัพพลายเออร์ของเรา”
Uptis Prototype ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลในปัจจุบัน และยังเหมาะกับรูปแบบการสัญจรที่เกิดขึ้นใหม่อีกด้วย ในยานพาหนะแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมด แชร์เซอร์วิส หรือการประยุกต์ใช้อื่นๆ จะแทบไม่จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษายาง ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานให้สูงสุด
“Uptis Prototype แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านนวัตกรรมของมิชลิน ทั้งความเชี่ยวชาญในวัสดุไฮเทคเหล่านี้และวิธีการพัฒนาร่วมกับ GM อย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นการยืนยันแนวคิด VISION ของเราว่าเป็นแผนงานสำหรับนวัตกรรม” เอริค ไวเนสส์ รองประธานบริหาร ฝ่ายวิจัยและพัฒนา กลุ่มบริษัทมิชลิน ซึ่งเป็นผู้เปิดเผยข้อมูล Uptis ที่ Movin’On Summit กล่าว “Uptis แสดงถึงความก้าวหน้าสู่วิสัยทัศน์สำหรับการสัญจรในอนาคตของมิชลิน และยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการสัญจรที่ดีขึ้นและยั่งยืนสำหรับทุกคน”