รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

ชีวประวัติของสี จงซุน (Xi Zhongxun) บิดาของสี จิ้นผิง ผู้นำจีนคนปัจจุบัน สะท้อนสิ่งที่เป็นภาวะย้อนแย้งภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีน (พคจ.) เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งสำคัญ แต่กลับมีส่วนช่วยปฏิรูปการเมืองของจีน และต่อมา สี จิ้นผิง บุตรชายได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดของจีน นับจากประธานเหมา เจ๋อตุง เป็นต้นมา
วันหนึ่งในเดือนมิถุนายน 1976 เพื่อนบ้านคนหนึ่งไปเยี่ยม สี จงซุน อดีตเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง และถูกเนรเทศให้ไปทำงานโรงงานแห่งหนึ่งในตอนกลางของจีน เพื่อนบ้านคนนี้เห็นเขาดื่มเหล้าราคาถูกๆ และนั่งร้องไห้ สี จงซุน บอกเพื่อนบ้านว่า เพราะเป็นวันเกิดของลูกชาย สี จิ้นผิง ตัวเขาเองที่เป็นคนแก่แล้ว รู้สึกผิดที่ลูกชายและครอบครัว ต้องมายากลำบากในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม (1966-1976)
ทำไมสี จิ้นผิง ไม่เหมือนบิดา
การปฏิวัติวัฒนธรรมสิ้นสุดลงปลายปี 1976 เมื่อ เหมา เจ๋อตุง ถึงแก่อสัญกรรม สี จงซุน กลายเป็นวีรชนของชาติเมื่อมีชื่อเสียงในฐานะนักปฏิรูปในช่วงทศวรรษ 1980 ส่วน สี จิ้นผิง บุตรชาย ได้ก้าวเป็นผู้นำสุดของจีนในปี 2013 ที่ใช้อำนาจปกครองแบบเด็ดขาดมากกว่าผู้นำจีนคนอื่นหลังยุคเหมา
ประเด็นที่ถกเถียงกันในเรื่องจีนในสมัยปัจจุบันมีอยู่ว่า ทำไมสี จิ้นผิง ไม่สานต่อภาพลักษณ์ของบิดา โดยการปฏิรูปจีนให้มากขึ้น ทั้งๆ ที่ทั้งสองคนพ่อลูกล้วนตกเป็นเหยื่อการประหัตประหารจากการปฏิวัติวัฒนธรรม ที่เหมาใช้อำนาจปกครองอย่างเด็ดขาด ทำไมการปกครองของจีนสมัยสี จิ้นผิง สะท้อนการบูชาตัวบุคคลแบบเดียวกับสมัยเหมา แทนที่จะสร้างระบบธรรมภิบาลให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งแน่นอนว่า สี จงซุน ผู้เป็นบิดาน่าจะมีแนวคิดในแนวทางนี้
หนังสือ The Party’s Interests Come First (2025) ที่เพิ่งพิมพ์ออกจำหน่าย เกี่ยวกับชีวประวัติของ สี จงซุน พยายามให้คำตอบต่อคำถามดังกล่าว และทำให้เกิดความเข้าใจอย่างมากต่อจีนในปัจจุบัน หนังสือเขียนถึงเรื่องราวของสี จงซุน ที่หลายครั้งตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตัดสินใจไม่ถูก ระหว่างการเป็นคนที่เห็นใจคนอื่น กับความซื่อสัตย์ภักดีต่อพรรค
หนังสือยังทำให้เข้าใจกลไกการทำงานของพรรค และปัญหาความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับประชาชนจีน ล้วนมีอิทธิพลต่อแนวคิดของสี จิ้นผิงในเรื่องการใช้อำนาจ

ชีวิตหักเหของสี จงซุน
สี จงซุน เกิดเมื่อปี 1913 ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ภูมิภาคที่ยากจนที่สุดของจีน เข้าร่วมกับพรรคเมื่อมีอายุแค่ 13 ปี เมื่ออายุ 32 เป็นหัวหน้าพรรคในเขตดังกล่าว เมื่ออายุ 46 ปี ขึ้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี คนที่เคยทำงานและได้รู้จักกับเขาบอกว่า สี จงซุน เป็นคนง่ายๆ มีเสน่ห์ และสุภาพ แม้แต่ ดาไล ลามะ ที่เคยร่วมงานกับเขาในทศวรรษ 1950 ก่อนลี้ภัยออกจากจีน ก็บอกว่า สี จงซุน เป็นคน “มีมิตรไมตรีที่น่าคบหา”
สี จงซุน เป็นคนที่เอาใส่ใจต่อชีวิตความเป็นอยู่คนจีนธรรมดาอย่างแท้จริง เขาเชื่อว่าการปฏิวัติวัฒนธรรมคือหายนะภัย และการปกครองโดยบุรุษเหล็กสไตล์เหมา ไม่ควรจะเกิดขึ้นมาอีก เมื่อจีนเริ่มเปิดประเทศ เขาช่วยสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เสิ่นเจิ้นขึ้นมา และเป็นที่คนที่รับฟังความเห็นที่แตกต่าง มากกว่าผู้นำจีนคนอื่น
เมื่อเกิดเหตุการณ์เทียนอันเหมินปี 1989 เนื่องจากมีความคิดปฏิรูป คนบางส่วนมองว่า สี จงซุน คงจะคัดค้านการปราบปรามผู้ประท้วง แต่เมื่อพรรคตัดสินใจใช้กำลังจัดการผู้ประท้วง สี จงซุน ก็ให้การสนับสนุน ท่าทีดังกล่าวเป็นสิ่งที่เขายึดถือมาตลอดชีวิต สี จิ้นผิง เองมีท่าทีตั้งข้อสงสัยต่อการประท้วงของนักศึกษาที่เทียนอันเหมิน โดยกล่าวว่า “หากไม่มีเสถียรภาพ ความเป็นหนึ่งเดียว ก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นไปได้”
The Party’s Interests Come First กล่าวว่า เรื่องราวที่เข้าใจในหมู่ผู้นำจีนเกี่ยวกับ สี จงซุน มีอยู่ว่า เขาเป็นคนที่เน้นการปฏิบัติ มีจิตใจเปิดกว้าง และมีจิตใจเห็นใจคนอื่น เคยกล่าวว่า “ตลอดชีวิต ไม่เคยประหัตประหารใคร” และเขาเคยพูดกับลูกสาวว่า
“ตลอดชีวิต พ่อของเธอไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้ สิ่งเดียวที่ทิ้งไว้คือ แนวคิดการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง”
สี จิ้นผิง ได้รับมรดกความคิดอะไร
สี จิ้นผิง เคยเขียนจดหมายถึงสี จงซุน ว่า “พ่อสอนผมว่า ตลอดชีวิตของพ่อ ไม่เคยประหัตประหารประชาชน และพยายามรักษาสัจจะตลอดมา” จุดนี้ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ สี จิ้นผิง ก้าวขึ้นมามีอำนาจ เพราะชื่อเสียงการเป็นนักปฏิรูปของผู้เป็นพ่อคือสี จงซุน ที่ไม่เคยใช้กำลังก้าวขึ้นสู่อำนาจ
แม้ สี จิ้นผิง ไม่ได้ดำเนินการเรื่องการปฏิรูปด้านการเมืองหรือด้านเศรษฐกิจ คนที่สนับสนุนก็กล่าวว่า สี จิ้นผิง ไม่มีวันที่จะทรยศต่อมรดกของบิดาที่เป็นนักปฏิรูป สี จิ้นผิง เกิดในครอบครัวที่มีแนวคิดปฏิรูปมากที่สุดของจีน สี จงซุน ไม่ใช่แค่นักปฏิรูปธรรมดาเท่านั้น แต่เป็นนักปฏิรูปที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ส่วนผู้สนับสนุนสี จิ้นผิง อีกกลุ่มหนึ่งมีความเห็นเน้นไปในทางที่ว่า มรดกอีกด้านหนึ่งของสี จงซุน คือการที่ตัวเขาทุ่มเทอย่างไม่มีเงื่อนไขให้กับการปฏิวัติและพรรค แม้ตัวเองจะประสบภัยร้ายแรงตลอดชีวิตที่ผ่านมาก็ตาม รวมทั้งภัยที่เกิดจากการลงโทษของพรรค แต่เขาไม่เคยสิ้นหวังในศรัทธาความเชื่อที่ตัวเองมีอยู่ สี จิ้นผิง เคยเขียนจดหมายถึงบิดาว่า ไม่ว่าจะเป็นยุคไหนที่อยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก “ในหัวใจของพ่อ จะมีตะเกียงที่ให้แสงสว่าง ที่ทำให้พ่อเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องไปข้างหน้าเสมอ”

ชะตาชีวิต สี จงซุน กับพรรค
Joseph Torigian ผู้เขียน The Party’s Interests Come First ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่น่าสนใจมากกว่า ไม่ใช่เรื่องที่ว่า สี จิ้นผิง ได้เรียนรู้อะไรจากบิดา แต่คือประเด็นที่ว่า เรื่องราวของสี จงซุน บอกอะไรแก่เราเรื่องลักษณะการทำงานของพรรคในศตวรรษที่ 20
สี จงซุน เป็นผู้นำพรรคที่อยู่แถวหน้าในเรื่องสำคัญหลายเรื่อง เป็นคนที่มีส่วนสร้างระบอบปกครองจีนขึ้นมา มีส่วนผนวกซินเกียงเข้ามาอยู่กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ในทศวรรษ 1950 ทำงานกับนายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล ในทศวรรษ 1980 ทำงานให้กับเลขาธิการพรรค หู เย่าบัง และสี จงซุน มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพรรคจีนกับพรรคคอมมิวนิสต์ในต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน สี จงซุน ก็เป็นตัวอย่างคนระดับผู้นำจีน ที่มีรอยแยกหรือจุดอ่อนภายในตัวเอง คือการเป็นบุคคลที่มีแรงดลใจที่ขัดแย้งกันอยู่ภายในตัวเอง มีประสบการณ์มามากกับเหตุการณ์ที่สะเทือนอารมณ์ความรู้สึก การเผชิญหน้ากับอำนาจการบังคับของพรรค รวมทั้งการเป็นบุคคลที่มีทัศนะความเห็นของตัวเองในเรื่องต่างๆ ตลอดชีวิต สี จงซุน ต่อสู้เพื่อจัดการกับแรงดลใจที่ขัดแย้งกันดังกล่าว และในที่สุดแล้ว สำหรับสี จงซุน ผลประโยชน์ของพรรคคือสิ่งที่มาก่อน
The Party’s Interests Come First สรุปชีวิตการต่อสู้ของ สี จงซุน ไว้ว่า สี จงซุน คือตัวอย่างคนที่ต่อสู้เพื่อหาความหมายและหาทางออก เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เลวร้าย ในช่วงเยาว์วัย เขาค้นพบแรงดลใจจากการเสียสละเพื่อการเป็นนักปฏิวัติอาชีพ การเป็นสมาชิกพรรค สร้างปัญหาทายใหม่ขึ้นมา คือการหาความสมดุลระหว่าง “ความเป็นคน” ที่สะท้อนในรูปความทะเยอทะยาน มิตรภาพ ครอบครัว จิตใจที่ช่วยเหลือ และทัศนะการเมืองส่วนตัว กับคุณค่าของพรรค คือการมีวินัย การยึดมั่นเอกภาพ การเปลี่ยนแปลงสังคม และการปกป้องผู้นำ
บางครั้ง สิ่งเหล่านี้ไปด้วยกันได้ และบางครั้งขัดแย้งกัน แม้จะถูกพรรคเล่นงานลงโทษ แต่สี จงซุน ไม่เคยหักหลังพรรค หลายคนอาจมองว่าสิ่งนี้คือชีวิตที่เป็นโศกนาฏกรรม แต่สำหรับสี จงซุน แล้ว สิ่งนี้เป็นชีวิตที่มีความหมายอย่างลุ่มลึกต่อตัวเขา เป็นชีวิตที่ดำเนินไปตามจริยธรรมของพรรค ที่ให้ตัวเขาได้เข้าร่วมในการเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์ และปัจจุบัน ลูกชายของเขา ที่ได้เห็นบิดาของตัวเองพยายามรักษาความสมดุล ในสิ่งที่ขัดแย้งกันมานานหลายสิบปี ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว
เอกสารประกอบ
Persecuted by Mao, Xi’s Father Became a Reformer. Did Xi Reject His Father Legacy? June 3, 2025, nytimes.com
The Party’s Interests Come First, Joseph Torigian, Stanford University Press, 2025.