ThaiPublica > คอลัมน์ > Monkey Man หนุมานถล่มกรุงลงกา: John Wick เวอร์ชันภารตะ

Monkey Man หนุมานถล่มกรุงลงกา: John Wick เวอร์ชันภารตะ

11 มิถุนายน 2025


Hesse004

ที่มาภาพ: https://en.wikipedia.org/wiki/Monkey_Man

“เมื่อโลกสมัยใหม่ยังเต็มไปด้วยอสูร ผู้คนจึงต้องการ ‘หนุมาน’ ผู้กล้าหาญอีกครั้ง…”

ผมเป็นหนึ่งในแฟนหนังของ Dev Patel มาตั้งแต่เขาปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อปี 2008 กับบท Jamal Malik ใน Slumdog Millionaire… เด็กหนุ่มจากสลัมมุมไบที่พลิกชะตาชีวิตบนเวทีเกมโชว์

“It is written…” ประโยคนี้จากหนังเหมือนเป็นลางบอกว่า เส้นทางของ Patel กำลังจะถูกเขียนขึ้นด้วยลายมือของเขาเอง

Patel กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “อินเดียสมัยใหม่ในสายตาตะวันตก”

หลายปีต่อมา Patel แสดงนำใน The Man Who Knew Infinity (2015) รับบท Srinivasa Ramanujan นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะผู้อาภัพ

และหนังเรื่อง Lion (2016) เขารับบท Saroo Brierley ที่ส่งชื่อเขาเข้าชิงออสการ์ บอกเล่าเรื่องของ “การตามหารากเหง้า”… ตัวละครที่เต็มไปด้วยความโหยหา ซึ่งครึ่งหนึ่งของชีวิตถูกขโมยไปตั้งแต่เด็ก

… จะว่าไปแล้ว Patel รับบทยากๆ อยู่เสมอ ซึ่งเขาทำได้ดีมากๆ จนมาถึงวันที่ Dev Patel ขยับมาเป็นผู้กำกับเอง นับว่าน่าสนใจไม่น้อย

Monkey Man (2024) เป็นผลงานกำกับของ Dev Patel และเขาร่วมเขียนบทหนังเรื่องนี้เองด้วย

Monkey Man ไม่ใช่แค่หนังแอ็กชันเลือดสาด

แต่คือการเล่าถึงตำนานศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกปลุกขึ้นใหม่ด้วยจังหวะของกำปั้น เสียงกลอง และเปลวไฟในใจของชายคนหนึ่ง…

เด็กหนุ่มผู้สูญเสียแม่ สูญเสียศักดิ์ศรี แต่ไม่ยอมสูญเสียศรัทธาใน “ความยุติธรรม”

ใครที่อ่านรามเกียรติ์คงเคยได้ยินตอน “หนุมานถล่มกรุงลงกา” ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า Dev Patel กำลังสร้าง Monkey Man ให้เป็น Hanuman 2.0

… หนุมานในร่างชายหนุ่มเลือดร้อนที่ไม่ได้ห้อยคัมภีร์หรือแผลงฤทธิ์เหาะเหิน มีเพียง “กำปั้น เลือด และแรงแค้นที่ลุกเป็นไฟ”

“Kid” ในเรื่องนี้ไม่ใช่ฮีโร่จากสวรรค์ แต่เป็นฮีโร่ที่เกิดจากขุมนรก และเลือกที่จะไม่เป็นเหยื่อของโชคชะตาอีกต่อไป

Patel แสดงได้ทรงพลัง… เขาเป็นผู้กำกับที่ “เข้าใจจังหวะ” ของความเจ็บปวด

ฉากต่อสู้ในหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อโชว์ลีลา
แต่ถูกออกแบบให้ “คนดูเจ็บไปด้วย”
เหมือนหมัดที่ต่อยเข้ามาในท้องเราโดยไม่ทันตั้งตัว

Dev Patel กำกับ Monkey Man (2024) ที่มาภาพ: https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons

ความเก๋าอยู่ตรงที่ Dev Patel ใช้ “ศิลปะ” เพื่อเล่า “ความเจ็บ” โดยไม่ต้องพูดเยอะ

Monkey Man นำวัฒนธรรมอินเดียอันหลากหลายมาแต่งองค์ให้หนังแอ็กชันสูตรสำเร็จได้อย่าง “มีเสน่ห์”

ตั้งแต่เทพเจ้าหนุมาน… ชุมชน Hijra (ผู้ไร้เสียง)
ผสานเข้ากับสูตรกำลังภายในแบบ “หนังจีนยุคทอง”
ที่พระเอกต้องเจ็บ ต้องแพ้ ต้องถูกหักหลัง…
ก่อนจะกลับมา “เผด็จศึก” อย่างยิ่งใหญ่

… กลิ่นอายของ The 36th Chamber of Shaolin, Oldboy, Kill Bill แต่มีรากวัฒนธรรมฝังลึกอยู่ใน Varanasi

Monkey Man เป็นหนังที่ดูสนุกโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก… แต่ถ้าหากเราอยาก “คิด” หนังเรื่องนี้ยังเปิดช่องให้สะกิดใจตลอดเวลา เช่น

…ทำไม “สัตว์ร้าย” ตัวโกง มักใส่สูท หรืออยู่ในเครื่องแบบ

…ทำไมศาสนาจึงกลายเป็นอาวุธของอำนาจ

…ทำไมคนธรรมดาต้องยอมจำนนต่อระบบที่กดขี่

คำถามเหล่านี้… หนังไม่ได้ตอบ แต่ปล่อยให้ “เสียงหมัดสุดท้าย” พาเรากลับไปหาคำตอบในใจตัวเอง

หลายคนเรียกหนังเรื่องนี้ว่า “John Wick of India”

และก็ไม่ผิด… เพราะนี่คือเรื่องของคนธรรมดาที่ไม่ยอมอยู่เฉยกับระบบที่เต็มไปด้วยคนโกง ความตายที่ใกล้เข้ามาทุกย่างก้าว และความรักที่แปรเปลี่ยนเป็นไฟแค้น

กล่าวโดยรวมแล้ว Monkey Man คือ หนังแอ็กชันที่เจ็บแต่จริง หนังอาจไม่ได้สมบูรณ์ทุกมิติ แต่ “รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร และไปทางไหน”

ในโลกที่ผู้คนไร้ที่พึ่งพิง มันอาจไม่ใช่ Hero Movie แบบ Marvel… แต่มันคือ Justice Manifesto ของ “คนตัวเล็ก” ที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับอสูรร่วมสมัย

บางที… หนังเรื่องนี้อาจไม่ใช่แค่การปลุกหนุมาน
แต่เป็นการเตือนใจให้เราทุกคน “กล้าลุกขึ้น”
ด้วยมือเปล่า… แต่มีใจที่ไม่เคยพ่าย

ผู้สนใจบทสัมภาษณ์ Dev Patel ดูที่นี่ https://www.bbc.com/news/newsbeat-68730714