ThaiPublica > คนในข่าว > โฮเซ มูฮิกา ประธานาธิบดีอุรุกวัย ผู้นำที่ ‘ยากจนที่สุดของโลก’ เอา “ความหรูหรา” ออกไปจากการเมือง

โฮเซ มูฮิกา ประธานาธิบดีอุรุกวัย ผู้นำที่ ‘ยากจนที่สุดของโลก’ เอา “ความหรูหรา” ออกไปจากการเมือง

17 พฤษภาคม 2025


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

ที่มาภาพ : https://en.wikipedia.org/wiki/Jos%C3%A9_Mujica#/media/

โฮเซ มูฮิกา (Jose Mujica) มักประหลาดใจเสมอ เมื่อมีคนเรียกเขาว่า “ประธานาธิบดีที่ยากจนที่สุดของโลก” ช่วงดำรงตำแหน่งผู้นำอุรุกวัย ปี 2010-2015 และอดีตนักรบสงครามกองโจร ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลก เมื่อเขาไม่สนใจที่จะเข้าไปอยู่ในบ้านพักประธานาธิบดี หรือใช้รถยนต์ประจำตำแหน่ง แต่กลับไปอาศัยบ้านพักเดิมของเขา ที่เป็นกระท่อมหลังค่าสังกะสี และใช้รถยนต์โฟล์คเต่าที่อายุกว่า 38 ปีมาแล้ว

โฮเซ มูฮิกา ที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีอายุ 89 ปี เขาได้รับความชื่นชมทั่วทวีปลาตินอเมริกา เพราะรัฐบาลฝ่ายซ้าย ที่มีแนวคิดก้าวหน้าในหลายประเทศ แต่กลับถูกกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชัน มูฮิกามีชื่อเสียงไปทั่วโลก จากการริเริ่มบุกเบิกการปฏิรูปสังคม เช่น การสมรสของคนเพศเดียวกัน การทำแท้ง และนโยบายกัญชาเสรี

แต่สิ่งที่สร้างชื่อเสียงแก่เขาคือ วิถีชีวิตที่สมถะ รวมทั้งทักษะและไหวพริบทางปรัชญา ในการคำถามแบบง่ายๆ

เคยจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาล

บทความ The Financial Time ชื่อ Jose Mujica, Uruguayan President, 1935-2025 เขียนไว้ว่า ในทศวรรษ 19060 สถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอนในอุรุกวัย ทำให้ไม่มีใครสามารถคาดหมายอนาคตของมูฮิกา เขาเกิดในครอบครัวชาวนา และในวัยหนุ่มเข้าร่วมขบวนการการเมืองฝ่ายซ้าย เมื่อรัฐบาลมีนโยบายปราบปรามรุนแรงมากขึ้น มูฮิกาเข้าร่วมกับขบวนการ Tupamaros ที่ต่อสู้ด้วยอาวุธ

มูฮิกาถูกจับและหลบหนีหลายครั้ง ปี 1973 เมื่อรัฐบาลทหารยึดอำนาจ เขาถูกคุมขังนานถึง 14 ปี มูฮิกาได้รับการปล่อยตัว เมื่อประชาธิปไตยกลับคืนสู่อุรุกวัย นักข่าวของ Financial Times ไปสัมภาษณ์และคาดว่า เขาคงจะมีท่าทีหัวรุนแรง แต่มูฮิกากลับเรียกร้องการปรองดองของประเทศ และการสร้างสังคมที่เป็นธรรมมากขึ้น

มูฮิกาเข้าร่วมกับกระบวนการประชาธิปไตยทางการเมือง ขยายแนวร่วมกลุ่มฝ่ายซ้ายให้กลายเป็นพลังในการลงคะแนนการเลืองตั้ง เขาได้รับเลือกตั้งเข้าสภาครั้งแรกปี 1994 มูฮิกาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในปี 2010 เมื่อเขาอายุ 74 ปี ปี 2012 และ 2013 การปฏิรูปสังคมในด้านต่างๆ ทำให้โลกหันมาสนใจอุรุกวัย ชาติที่มีประชากร 3.5 ล้านคน

มูฮิกาไม่ได้เปลี่ยนโมเดลเศรษฐกิจให้เป็นแบบสังคมนิยม เขาให้สัมภาษณ์ The Guardian ว่า “เราต้องการให้ทุนนิยมทำงานได้ผล เพื่อเก็บภาษีมาจัดการปัญหารุนแรง ที่เราประสบอยู่” นักวิเคราะห์มองว่า…

ท่วงทำนองสายกลางของเขา ช่วยสร้างความเข้มแข็งแก่สถาบันประชาธิปไตย และวัฒนธรรมการเมือง จนทำให้อุรุกวัยเป็นหนึ่งในประเทศมั่นคงที่สุดของอเมริกาใต้ และหนึ่งในประเทศมั่งคั่ง ในปี 2023 รายได้ต่อคนอยู่ที่ 22,793 ดอลลาร์

ที่มาภาพ : https://en.wikipedia.org/wiki/Jos%C3%A9_Mujica#/media/File:25.01.2023

สิ่งที่ยังคิดรุนแรงคือชีวิตส่วนตัว

แต่สิ่งที่ยังเป็นความรุนแรงคือการดำเนินชีวิตส่วนตัวของมูฮิกา เมื่อเป็นประธานาธิบดีในปี 2010 มูฮิกาตัดสินใจเดินทางจากบ้านของเขามาทำงาน บ้านเป็บแบบกระท่องหลังคาสังกะสี มี 3 ห้อง เงินเดือนประธานาธิบดี 12,500 ดอลลาร์ 90% เขาบริจาคให้กับการสร้างที่พักอาศัยแก่คนอุรุกวัยที่ยากจน เก็บไว้ใช้ 1,250 ดอลลาร์ ที่เขาเองบอกว่าก็พอแล้ว และใช้รถโฟล์คเต่าสีฟ้าปี 1987 ที่เขาไม่ยอมขาย เมื่อมีคนมาเสนอซื้อ 1 ล้านดอลลาร์

การใช้ชีวิตแบบสมถะ ให้มูฮิกาได้รับการชื่นชมยกย่องจากคนอุรุกวัย ที่ดำเนินชีวิตในแบบเดียวกับพวกเขา มูฮิกาให้สัมภาษณ์ว่า การประดับสิ่งฟุ่มเฟือยให้กับสำนักงานของคนที่ได้รับเลือกตั้ง คือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เป็นความหมายของประชาธิปไตย เขาเล่าให้นักข่าวฟังว่า ครั้งหนึ่งไปเยือนเยอรมนี “พวกเขาให้ผมนั่งในรถเมอร์เซเดสเบนซ์ มีมอเตอร์ไซค์นำหน้า 40 คัน และหลังอีก 40 คัน ผมรู้สึกอับอาย”

เมื่อทราบวา ก่อนเขารับตำแหน่งประธานาธิบดี มูฮิกามีทรัพย์สินมูลค่าเพียง 1,800 ดอลลาร์ หรือ 54,000 บาทเท่านั้น นักข่าวจึงเรียกมูฮิกาว่า “ประธานาธิบดีที่ยากจนที่สุด” ของโลก มูฮิกามองเรื่องนี้แตกต่างออกไป เขามักอ้างคำพูดของ Seneca ปราชญ์โรมันในอดีตที่กล่าวว่า “คนจน ไม่ใช่คนที่มีอะไรน้อยมาก แต่คือคนที่ต้องการอะไรมาก”

มูฮิกากล่าวกับ CNN ว่า “ผมไม่ใช่ประธานาธิบดีที่ยากจน คนจนคือคนที่ต้องการมาก คำจำกัดความของผมเป็นแบบ Seneca ผมเป็นประธานาธิบดีที่จริงจัง ผมต้องการอะไรไม่มากที่จะมีชีวิตอยู่ เพราะผมมีชีวิตแบบนี้มานาน ก่อนที่จะเป็นประธานาธิบดี ผมยังคงมีชีวิตแบบเดียวกันนี้ ในชุมชนเดียวกันนี้ แบบเดียวกันกับที่ประชาชนส่วนใหญ่ของผม เขามีชีวิตอยู่”

Adolfo Garce อาจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุรุกวัย ให้ความเห็นกับ The Wall Street Journal ว่า “การเป็นประธานาธิบดีของเขา นำชื่อเสียงกลับมาให้กับอุรุกวัย เป็นช่วงเวลาที่คนมองเห็นเขาเป็นประธานาธิบดียากจนที่สุดของโลก ช่วงที่มูฮิกาเดินทางไปร่วมงานการแลกเปลี่ยนความคิดในต่างประเทศ ผู้คนประหลาดใจในสิ่งที่เขาพูด และวิถีชีวิตของเขา”

The Wall Street Journal กล่าวว่า มูฮิกาเป็นส่วนหนึ่งของ “กระแสสีชมพูผู้นำฝ่ายซ้าย” ที่ได้รับเลือกตั้งในช่วงต้นศตวรรษ 21 นี้ ประธานาธิบดีผู้นำฝ่ายซ้ายบางคนนำประเทศไปสู่ภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ เช่น กรณีเวเนซุเอลาและนิการากัว ประธานาธิบดีฝ่ายซ้ายบางคนเกิดปัญหาอื้อฉาวเรื่องคอร์รัปชัน แต่เป็นที่ยอมรับกันว่า การปกครองประเทศของมูฮิกาสะอาดบริสุทธิ์ และใช้นโยบายสายกลาง การใช้ชีวิตที่สมถะยังทำให้คนทั่วไปเชื่อในความเป็นคนมือสะอาดของมูฮิกา

โฮเซ มูฮิกา (Jose Mujica)และภรรยา ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/7/7a/La_pareja_Mujica.jpg

ในการให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายแก่สื่อมวลชนในปี 2024 มูฮิกาสะท้อนความรับผิดชอบของผู้นำโลกว่า “ปัญหาอยู่ที่ว่า โลกเราถูกบริหารปกครองโดยคนแก่ คนที่ลืมไปว่า เมื่อครั้งที่ตัวเองยังหนุ่ม ตัวเองเป็นคนลักษณะแบบไหน”

ในเดือนมกราคม 2025 เมื่อแพทย์รายงานว่า มะเร็งหลอดอาหารกลับมาเป็นใหม่ และลามไปตับ มูฮิกาที่เคยเป็นทั้งนักรบกองโจรและประธานาธิบดี ดูจะไม่กังวลอะไรมาก เขาให้สัมภาษณ์แก่นิตยสาร Busqueda ของอุรุกวัยว่า……

“จริงๆ แล้ว ผมกำลังจะตายไป นักรบย่อมมีสิทธิ์ที่จะหยุดพัก”

เอกสารประกอบ
Jose Mujica, Uruguayan President, 1035-2025, May 15, 2025 , The Financial Times
From a Tin-Roof Shack, Pepe Mujica Removes the Pomp from Politics, May 14, 2025, nytimes.com