
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส. นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ ประกอบด้วยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ,นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. ,นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายนกเขา มายื่นหลักฐานเพิ่มเติมให้กับศาลฎีกาที่สนามหลวง
‘ชาญชัยและคณะ’ รวบหลักฐาน ‘ใบเสร็จ รพ.ตำรวจ’ ส่งศาล จับพิรุธ ‘ทักษิณ’ ป่วยวิกฤติหรือไม่ – ชี้ส่วนใหญ่จ่ายแต่ค่าห้องวันละ 10,000 บาท – ค่ารักษาพยาบาลแทบไม่มี
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เวลา น. นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส. นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ ประกอบด้วยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ,นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. ,นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายนกเขา มายื่นหลักฐานเพิ่มเติมให้กับศาลฎีกาที่สนามหลวง
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ผมและคณะได้เดินทางมาส่งมอบเอกสาร หลักฐานเพิ่มเติม เพื่อประกอบคำร้องเดิมที่เคยยื่นต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไว้ก่อนหน้านี้ ในคดีที่เกี่ยวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งศาลได้รับคำร้องไว้ไต่สวนเองตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2563 ข้อ 62 ถึงแม้ศาลจะมีคำสั่งว่าตนไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง และไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งผมยอมรับว่าเป็นคำสั่งที่ถูกต้องแล้ว ดังนั้น ในวันนี้ผมและคณะจึงขอนำส่งหลักฐานเพิ่มเติม ตามที่อ้างไว้ในคำร้องเดิมหน้า 14 เพื่อให้ศาลใช้ประกอบการพิจารณาว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ถูกจำขังในเรือนจำตามคำพิพากษา โดยอ้างว่าป่วยนั้นจริงหรือไม่ มีดังนี้
- 1. สำเนาเอกสารรายงานผลการตรวจของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
2. สำเนาเอกสารคณะกรรมาธิการสิทธิมนุยยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา
3. สำเนาเอกสารมติคณะกรรมการแพทยสภาที่ได้มีการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่รับรองการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร
4. สำเนาหนังสือ ปปช. วันที่ 16 ธันวาคม ของนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ปปช.
5. เอกสารคำให้การของ พล.ต.อ. เสริพิทธ์ เตมียเวส และ
6. เอกสารคำให้การต่อ ปปช. ของผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ 2 ฉบับ
นายชาญชัย กล่าวว่า เอกสารหลักฐานทั้งหมดนี้ที่นำมามอบให้ศาลวันนี้ไม่ได้เป็นหลักฐานใหม่ แต่เป็นรายละเอียดของหลักฐานที่นำไปใช้ประกอบคำร้องเดิมของผม ซึ่งศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้มีคำสั่งผู้ที่เกี่ยวข้องนำมาชี้แจงต่อศาลในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 แต่ผมขอให้ศาลฎีกาฯมีคำสั่งให้เรียกเอกสาร และบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่มาชี้แจงในชั้นไต่สวน โดยเฉพาะใบเสร็จรับเงินจากโรงพยาบาล ซึ่งจะเป็นหลักฐานะสำคัญที่จะบ่งชี้ว่าเป็นโรคอะไร เจ็บป่วยถึงขั้นวิกฤติจริงหรือไม่ แต่หลักฐานใบเสร็จของโรงพยาบาลที่ผมนำมามอบให้ศาลฎีกาไปแล้วนั้น มีแต่จ่ายค่าห้องอย่างเดียววันละประมาณ 10,000 บาท ส่วนค่ารักษาพยาบาลแทบจะไม่มี หรือ จ่ายน้อยมาก หากนายทักษิณต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ก็ขอให้นำใบเสร็จจากโรงพยาบาลตำรวจมาแสดงว่าตนเองป่วยจริง
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ กล่าวเสริมว่า ในฐานะแพทย์ ผมขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ใบเสร็จจากโรงพยาบาล ถ้ามีการรักษาอาการเจ็บป่วยถึงขั้นวิกฤติจริงตลอด 180 วัน จนไม่สามารถกลับไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้นั้น หากใครเจ็บป่วยคงจะทราบว่าในใบเสร็จรับเงินจะปรากฏค่ายาเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าใบเสร็จรับเงินแทบจะไม่มีค่ายาเลยตลอด 180 วัน ตรงนี้คือพิรุธ ที่ศาลฎีกาสามารถนำหลักฐานดังกล่าวมาไต่สวนได้ และที่แพทย์ลงความเห็นว่าต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจนาน 180 วัน กลับไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่ได้ ก็สามารถตรวจดูได้จากใบเสร็จรับเงินว่าเป็นโรคอะไร ใช้ยาอะไร ทำไมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไม่ปรากฎ มีแต่ทำกายภาพบำบัด ซึ่งสามารถกลับไปทำที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ หากกลับไปพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ตามกฎหมายถือว่าเป็นการจำคุก แต่ถ้าเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจต้องไปขออนุญาตศาลตาม ป.วิอาญา มาตรา 246 ซึ่งถือเป็นการทุเลาโทษจะพักรักษาตัวอยู่กี่วันก็ตาม ไม่สามารถนำไปหักโทษจำคุกได้
ด้านนายสมชาย แสวงการ อดีต สว. กล่าวว่า สำหรับหลักฐานใบเสร็จรับเงินกับเวชระเบียนจะมีความสัมพันธ์กัน เช่น กรณีเป็นโรคหัวใจ ต้องปั๊มหัวใจ หรือ ใช้ยากระตุ้นหัวใจ ต้องทำบอลลูน หรือ ทำสเตนท์ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะต้องมีในใบเสร็จรับเงินทั้งหมด แต่ปรากฏว่ามีแต่ค่าห้องเฉลี่ยวันละ 10,000 บาท ซึ่งใบเสร็จรับเงินก็จะมีความสัมพันธ์กับเวชระเบียน โดยแพทย์ และพยาบาลจะต้องเซ็นรับรองทุกครั้งที่มีการผ่าตัด หรือ ตรวจรักษาและจะมาปรากฎในใบเสร็จรับเงินของโรงพยาบาล ซึ่งผมคิดว่าศาลมีอำนาจเรียกหลักฐานทั้งหมดได้
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ในส่วนของผมนั้นในวันนี้ก็นำหลักฐานผลการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการวุฒิสภา โดยเชิญหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำการตรวจสอบเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ แพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ , กสม. และตัวแทนจาก ป.ป.ช.มาสอบทั้งหมด 12 ครั้ง ที่มีการจัดทำเป็นบันทึกการประชุมของคณะกรรมาธิการวุฒิสภาอย่างละเอียดกว่า 200 หน้า และเวชระเบียนอีกกว่า 600 แผ่น ที่เคยส่งให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไปแล้วแล้วก่อนหน้านี้ นำมาส่งให้ศาลฎีกา โดยนำความมาปรากฏต่อศาลตามข้อกำหนดที่ 62 เนื่องจากพบข้อพิรุธมากมาย จึงอย่างจะขอให้ศาลพิจารณาไต่สวน โดยออกหมายเรียกหลักฐาน เช่น เวชระเบียน ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลที่มีการจ่ายให้กับโรงพยาบาลตำรวจทุกๆ 7 วัน มาตรวจสอบว่าเป็นโรคอะไร ป่วยวิกฤติจริงหรือไม่ รวมทั้งออกหมายเรียกแพทยสภามาไต่สวน ในส่วนของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และนพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ทั้งสองท่านนี้เคยไปให้การต่อ ป.ป.ช.วันนี้ก็ได้นำหลักฐานฐานมามอบให้ศาลฯ และแจ้งต่อศาลยินดีที่ให้ศาลออกหมายเรียกมาไต่สวนข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ไปให้การต่อ ป.ป.ช. ตามข้อกำหนดที่ 62 ของศาล ซึ่งนายชาญชัยและคณะ สามารถนำความมาปรากฏต่อศาลได้ ส่วนศาลจะรับข้อมูลหลักฐานต่างๆไว้พิจารณาหรือไม่ ก็เป็นอำนาจของศาล