ThaiPublica > เกาะกระแส > จีนก้าวเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์โลก ส่งออกรายใหญ่สุด Xiaomi ผลิตรถ EV และ Porsche ไม่ใช่รถยนต์หรูหราอีกแล้ว

จีนก้าวเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์โลก ส่งออกรายใหญ่สุด Xiaomi ผลิตรถ EV และ Porsche ไม่ใช่รถยนต์หรูหราอีกแล้ว

17 มีนาคม 2025


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

default

เมื่อ 20 ปีที่แล้ว จีนมีกำลังการผลิตรถยนต์ไม่มาก คนจีนจะเป็นเจ้าของรถยนต์ถือเป็นเรื่องแปลก เพราะไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน แต่ปัจจุบัน จีนผลิตรถยนต์และส่งออกมากกว่าประเทศอื่นในโลก ตลาดรถยนต์ภายในของจีนมีขนาดใหญ่ เท่ากับตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปรวมกัน เพราะเหตุนี้ แม้รถยนต์ EV ของจีนจะถูกชาติตะวันตก เก็บภาษีเพิ่มเป็นพิเศษ สิ่งนี้คงไม่สามารถไปยับยั้ง การที่จีนจะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์โลก ปี 2024 จีนส่งออกรถยนต์ทั้งหมด 5.7 ล้านคัน 29% เป็นรถยนต์ EV 1.7 ล้านคัน

จีนกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อย่างไร

รายงานของ The New York Times เรื่อง “จีนกลายเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่สุดของโลกได้อย่างไร” กล่าวว่า เมื่อตลาดรถยนต์ในจีนเติบโตขึ้น ความสามารถในการผลิตรถยนต์ของจีน ก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยได้แรงหนุนจากการสนับสนุนของรัฐบาล และความก้าวหน้าของระบบอัตโนมัติ

แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ยอดขายรถยนต์ลดลง เพราะการใช้จ่ายของผู้บริโภคอ่อนตัวลง ตามภาวะเศรษฐกิจ ที่ไม่รุ่งเรืองเหมือนอดีต ผลที่เกิดขึ้นตามมา จีนมีความสามารถในการผลิตรถยนต์ได้ถึง 2 เท่าของความต้องการซื้อของผู้บริโภคในจีน การแก้ปัญหากำลังการผลิตล้นเกินนี้ จีนอาศัยการส่งออกไปตลาดต่างประเทศแทน

จีนยังเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้า ในระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา จีนลงทุนอย่างมากในการพัฒนารถไฟฟ้า เพื่อให้จีนลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ เหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนช่วงปี 2003-2013 ให้การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามีความสำคัญอันดับหนึ่ง โดยเลือกหวัง กัง (Wan Gang) อดีตวิศวกรของรถยนต์ Audi จากเยอรมัน คนนอกพรรคคอมมิวนิสต์จีน มาเป็นรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยให้หาทางทำให้จีนเป็นผู้นำรถยนต์ไฟฟ้า

ทุกวันนี้ ครึ่งหนึ่งของคนจีนที่ซื้อรถยนต์ เลือกรถไฟฟ้าหรือไฮบริด ก่อนหน้านี้ คนซื้อรถไฟฟ้าจะได้รับการอุดหนุนทางการเงินจากรัฐบาล ส่วนผู้ผลิตรถยนต์ได้รับเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารของรัฐ รวมทั้งมาตรการส่งเสริมต่างๆ เช่น การลดหย่อนภาษี ที่ดินสร้างโรงงานราคาถูก รวมทั้งค่าไฟฟ้า มีการวิเคราะห์กันว่า นับจากปี 2009 รัฐบาลจีนให้การสนับสนุนแก่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ เป็นเงินถึง 230 พันล้านดอลลาร์

บทความ New York Times กล่าวว่า จีนมีโรงงานผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันกว่า 100 แห่ง กำลังการผลิตปีหนึ่งเกือบ 40 ล้านคัน ทั้งๆที่คนจีนต้องการซื้อรถยนต์ใช้น้ำมันปีหนึ่ง 20 ล้านคันเท่านั้น ความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ยอดขายรถใช้น้ำมันลดลง ผู้ผลิตรถยนต์จีนปฏิเสธที่จะปิดโรงงาน ทำให้หันมาทุ่มส่งออกโดยการลดราคาอย่างมากแทน

บทความ New York Times กล่าวว่า ประเทศต่างๆใช้อัตราภาษีกับรถยนต์ไฟฟ้าจีน ด้วยเหตุผลแตกต่างกัน เช่น EU พิจารณาจากการอุดหนุนที่ได้รับจากรัฐบาลจีน อินเดียกับบราซิลใช้ภาษีเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของตัวเอง แต่อัตราภาษีคงไม่สามารถมาชดเชยความได้เปรียบในการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์จีน ธนาคาร UBS คำนวณว่า รถ BYD มีต้นทุนต่ำว่า 30% เทียบกับรถแบบเดียวกันผลิตในตะวันตก ส่วนที่ได้เปรียบมากสุดของผู้ผลิตรถยนต์จีน คือเรื่องแบตเตอรี่ เพราะจีนควบคุมห่วงโซ่ทั้งหมดของการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi SU7 ที่มาภาพ : CnEVPost

Xiaomi ผลิตรถ EV แต่ Apple ทำไม่ได้

บทความ The New York Times เรื่อง “บริษัทจีนที่ผลิตอุปกรณ์ขนาดเล็ก สามารถผลิตรถยนต์ EV แต่ Apple ทำไม่ได้” โดยกล่าวว่า หลังจากใช้ความพยายามมานาน 10 ปี และเงินลงทุนถึง 10 พันล้านดอลลาร์ ปี 2024 Apple ก็ประกาศเลิกล้มโครงการที่จะผลิตรถไฟฟ้า แต่ปีที่แล้ว Xiaomi บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ของจีน ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมา 135,000 คัน หลังจากใช้เวลาพัฒนาแค่ 3 ปี และบอกว่าปี 2025 จะผลิตเพิ่มอีกเท่าตัว

ความสามารถของ Xiaomi และความล้มเหลวของ Apple สะท้อนว่า จีนสามารถควบคุมห่วงโซ่อุปทานการผลิตรถยนต์ EV การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศรถไฟฟ้าของจีน ทำให้ Xiaomi สามารถหาชิ้นส่วนการผลิตได้รวดเร็วและในราคาถูก

Xiaomi ไม่ใช่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์จีนรายเดียว ที่เข้าสู่ตลาดรถยนต์ EV ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคอย่าง Huawei ก็กำลังพัฒนาซอฟต์แวร์การขับรถยนต์อัตโนมัติ โดยร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์จีนหลายราย เช่น SAIC, Chery และ BAIC

Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ EV ครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2024 คือรถ EV SU7 มีระบบ AI ช่วยเรื่องการจอดรถ ระบบความบันเทิง และการสั่งงานเครื่องใช้ฟ้าที่บ้านจากรถ SU7 หลายคนบอกกว่า SU7 คล้ายรถ Porsche ของเยอรมัน แต่ SU7 ขายคันละ 30,000 ดอลลาร์ หรือ 1 ใน 4 ของราคารถ Porsche

นักวิเคราะห์มองว่า รถ EV เหมือนเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งของ Xiaomi สามารถเก็บข้อมูลคนขับ บอกให้รู้ว่า เมื่อไหร่จะต้องชาร์จแบตเตอรี่แล้ว ต่อไปรถ EV จะเชื่อมโยงกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน จุดนี้คือสิ่งที่บริษัทผลิตรถยนต์ EV รายอื่นทำไม่ได้ นับจากที่ SU7 ออกสู่ตลาด ก็สั่นคลอนรถยนต์หรูหรา ที่บริษัทต่างประเทศครองตลาดในจีนมานาน ยอดขายรถ Porsche ตกลงเกือบ 30%

Xiaomi ใช้ประโยชน์จากห่วงโซ่อุปทานรถยนต์ EV ของจีน แบตเตอรี่มาจาก BYD และ CATL ทำการผลิตรถยนต์ได้เร็ว เพราะซื้อกิจการโรงงาน Beijing Auto Group ความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ทำให้บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจีนใช้เวลาไม่นาน จากการพัฒนาไปสู่การผลิต ออกรถยนต์รุ่นใหม่ได้เร็ว และเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง การได้รับความนิยมต่อสินค้าผู้บริโภคอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ยังทำให้ Xiaomi มีความเข้าใจในความต้องการรสนิยมของผู้บริโภค

ที่มาภาพ : Xinhua

ทำไม Porsche ไม่ใช่ “รถหรูหรา” อีกแล้ว

บทความ The New York Times เรื่อง “ทำไม Porsche ไม่ใช่รถยนต์ที่หรูหราอีกแล้วในจีน” กล่าวว่า หลังจากครองตลาดในจีน เรื่องรถยนต์สมรรถนะสูง ที่มีวิศวกรรมยานยนต์ล้ำหน้า ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันกำลังพ่ายแพ้ต่อคู่แข่งจีน ที่เปลี่ยนนิยายความหมายของรถยนต์ “คุณภาพสูงราคาแพง” ให้กลายเป็น “รถไฟฟ้า ที่อัจฉริยะ และราคาที่จับต้องได้”

รถยนต์จากคู่แข่งจีนมีลักษณะคล้ายรถยนต์คู่แข่งของเยอรมัน เช่น SU7 ของ Xiaomi เลียนแบบรถ Porsche Taycan นอกจาก มีสมรรถนะเครื่องยนต์กับระบบเบรก ทัดเทียมกับ Porsche แล้ว ยังมีระบบ AI ช่วยการจอดรถ ทักทายคนขับโดยการเปิดเพลงยอดนิยม แต่ขายในราคา 50% ของ Porsche ส่งผลให้ ยอดขาย Porsche ปี 2024 ลดลง 28%

เป็นเวลาหลายปี ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันอาศัยจีนเป็นตลาดชดเชย ยอดขายที่ตกต่ำในส่วนอื่นของโลก ทำให้ละเลยปัญหาโครงสร้างการผลิตรถยนต์ในเยอรมัน ปัญหาสำคัญคือลังเลที่จะใช้เทคโนโลยี ที่กลายเป็นตัวกำหนดทิศทางใหม่อุตสาหกรรมรถยนต์ในจีน คือรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีอุปกรณ์ซับซ้อนด้านซอฟต์แวร์ และ AI

Stefan Bratzel ผู้อำนวยการ Center for Automotive Management ในเยอรมันกล่าวว่า “ผู้ผลิตรถยนต์ในเยอรมัน อเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ล้วนไม่ตระหนักถึงพลวัตการพัฒนาของผู้ผลิตรถยนต์จีน ในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและการพัฒนาซอฟต์แวร์” จนปัจจุบัน คนจีนให้การยอมรับบริษัทผู้ผลิตจีน ที่ผลิตรถยนต์ที่ถือว่า “ระดับพรีเมียม”

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 Porsche ประกาศปลดคนงาน 1,900 คนในเยอรมัน เพราะปี 2024 ยอดขายรถไฟฟ้า Taycan ลดลง 50% เหลือ 20,836 คัน ส่วนหนึ่งเพราะคนจีนไม่สนใจ Porsche Taycan เหมือนกับที่คาดการณ์ไว้

Stefan Bratzel กล่าวสรุปว่า “ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์เยอรมัน อย่างน้อย เราต้องมีนวัตกรรมมาก เหมือนกับที่เราขายรถยนต์ราคาแพงมาก แต่ว่าสิ่งนี้ค่อยๆสูญหายไปแล้ว เพราะผู้ผลิตรถยนต์จีนมีนวัตกรรม และผู้ผลิตบางรายก็มีนวัตกรรมอย่างมาก”

เอกสารประกอบ

How China Became the World’s Largest Car Exporter, November 29, 2024, nytimes.com
Why a Chinese Gadget Company Can Mahe an Electric Car and Apple Can’t, February 28, 2025, nytimes.com
Why Porsche Ius No Longer a ‘Premium’ Sport Car in China, February 17, 2025, nytimes.com