อุตสาหกรรมยานยนต์ ยังคงเป็นฟันเฟืองทางเศรษฐกิจไทย ด้วยยอดรถจดทะเบียนสะสมถึง 44,761,896 คันในปี 2567 ซึ่งแบ่งเป็น รถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ 43,382,923 คัน คิดเป็น 96.92% และรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก 1,378,973 คัน คิดเป็น 3.08%
ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า ปี 2562–2566 จำนวนรถสะสมมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.77% หรือประมาณ 0.93 ล้านคันต่อปี โดยรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์เพิ่มขึ้น 1.80% โดยประเภทรถที่มีจำนวนเพิ่มมากสุดคือรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ สวนทางกับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์ที่มีอัตราการเติบโตลดลง ส่วนรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก เติบโต 0.96%
ขณะที่ปี 2567 จำนวนรถจดทะเบียนใหม่กลับมีเพียง 2 ล้านคันเท่านั้น ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมามีจำนวนรถจดทะเบียนเฉลี่ย 2.6–3 ล้านคันต่อปี
แต่นัยสำคัญของปี 2567 คือการเข้ามาของรถไฟฟ้า (EV) ที่เติบโตมากกว่าเท่าตัว และไฮบริดที่ค่อยๆ เติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับรถเชื้อเพลิง LPG และ CNG และแม้ว่าเชื้อเพลิงกลุ่มเบนซินจะยังครองสัดส่วนสูงสุดที่ราว 67 – 70% รองลงมาคือดีเซลเกือบ 30% แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า กลุ่ม EV และไฮบริดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก ได้เปิดเผยสถิติรถโดยจำแนกตามอายุการใช้งาน พบว่า ในปี 2567 เมื่อนำรถที่มีอายุมากกว่า 7 ปีมารวมกัน มีจำนวนสูงถึง 25,931,715 คัน ในจำนวนนี้มีรถที่เข้ารับการตรวจสภาพไม่ถึง 6 ล้านคัน โดยรถที่เข้ารับการตรวจสภาพสูงที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ จักรยานยนต์ รถบรรทุก รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง รถบรรทุกส่วนบุคคล และรถโดยสาร ตามลำดับ
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
