ThaiPublica > เกาะกระแส > ครม.ยกเลิก ‘ดิวตี้ฟรีขาเข้า’ 8 สนามบิน

ครม.ยกเลิก ‘ดิวตี้ฟรีขาเข้า’ 8 สนามบิน

2 กรกฎาคม 2024


ครม.ไฟเขียวหยุดให้สิทธิยกเว้นภาษีสินค้า ‘ดิวตี้ฟรี’ ในร้านค้าปลอดอากรขาเข้า 8 สนามบิน ด้านผู้ประกอบการขานรับนโยบาย – ไม่ขอใช้สิทธิยกเว้นภาษีจนกว่ารัฐบาลจะยกเลิก คาดหยุดขาย 1 ปี กระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติจับจ่ายใช้สอยเงินในประเทศเพิ่ม 570 บาท/คน/ทริป – เงินสะพัดตามร้านค้าแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มสูงสุด 3,460 ล้านบาท/ปี

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบแนวทางการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้ ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังนี้

    1. แนวทางการหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ด้านคลังสินค้าทัณฑ์บน เพื่อขายสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้าของผู้ประกอบการ

    2. ผลประโยชน์และผลกระทบของการหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ด้านคลังสินค้าทัณฑ์บน เพื่อขายสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้าที่ กค. ได้ศึกษาไว้ในเบื้องต้น ทั้งนี้ กค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการติดตาม และประเมินผลของการหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ด้านคลังสินค้าทัณฑ์บน เพื่อขายสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้าอย่างใกล้ชิดต่อไป

ตามที่ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 เห็นชอบในหลักการการดำเนินมาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย (มาตรการฯ) และมอบหมายให้มีการดำเนินการศึกษารายละเอียดผลประโยชน์และผลกระทบ ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ การคลัง และสังคม รวมทั้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านตามที่ กค. เสนอ ซึ่งรวมถึงการพิจารณาความเหมาะสมในการยกเลิกการอนุญาตให้จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อขายสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้า รวมถึงการยกเว้นอากรของที่ซื้อจากร้านค้าปลอดอากรสำหรับผู้โดยสารขาเข้าเพื่อส่งเสริมการบริโภคและการใช้สินค้าภายในประเทศ โดยมอบหมาย กค. พิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินมาตรการดังกล่าว

กระทรวงการคลังได้พิจารณาแล้ว สรุปได้ดังนี้

หลักการ – ปัจจุบันผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านทางท่าอากาศยานนานาชาติ โดยทั่วไปสามารถซื้อสินค้าโดยได้รับสิทธิยกเว้นอากร ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ (1) ของที่ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ซื้อเพื่อใช้เองเป็นการส่วนตัว หรือ ใช้ในวิชาชีพ ราคารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท (2) บุหรี่ปริมาณไม่เกิน 200 มวน หรือซิก้าร์ หรือ ยาเส้น ปริมาณไม่เกินอย่างละ 250 กรัม หรือ หลายชนิดรวมกันปริมาณไม่เกิน 250 กรัม แต่บุหรี่ต้องมีปริมาณไม่เกิน 200 มวน และ (3) สุราปริมาณไม่เกิน 1 ลิตร ทั้งนี้ การได้สิทธิซื้อสินค้าต่างๆ ภายในร้าน Duty Free ขาเข้าย่อมทำให้โอกาสในการจับจ่ายในการบริโภคและการซื้อสินค้าภายในประเทศมีน้อยลง

ดังนั้น กค. จึงมีแนวคิดที่จะศึกษาความเหมาะสมในการยกเลิกการอนุญาตให้จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อขายสำหรับร้านค้า Duty Free ขาเข้า รวมถึงการยกเว้นอากรของที่ซื้อจากร้าน Duty Free สำหรับผู้โดยสารขาเข้า เพื่อส่งเสริมการบริโภค และการใช้สินค้าภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงวงเงินใช้จ่ายในร้าน Duty Free ขาเข้าดังกล่าวมากระจายหมุนเวียนในประเทศ ให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในภาพรวมได้มากยิ่งขึ้น

ข้อมูลและสถิติ – ร้าน Duty Free ขาเข้า ที่ตั้งอยู่ ณ ท่าอากาศยานภายในบริเวณพื้นที่ห้องผู้โดยสารขาเข้าเพื่อแสดง และขายให้แก่ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ปัจจุบันมีนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้าน Duty Free ขาเข้าจำนวน 3 ราย ดำเนินกิจการในท่าอากาศยานนานาชาติ 8 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ (1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (2) ท่าอากาศยานดอนเมือง (3) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (4) ท่าอากาศยานภูเก็ต (5) ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (6) ท่าอากาศยานอู่ตะเภา (7) ท่าอากาศยานสมุย และ (8)ท่าอากาศยานกระบี่ โดยจากสถิติของกรมศุลกากรในปี 2566 มียอดจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในร้าน Duty Free ขาเข้ารวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 3,021.75 ล้านบาท

แนวทางการดำเนินการ

กค. ได้พิจารณาจากข้อกฎหมายแล้ว พบว่าประกาศกรมศุลกากร ที่ 44/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข เกี่ยวกับคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้านค้าปลอดอากร (ประกาศกรมศุลกากรฯ) มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการระงับสิทธิการประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรตามข้อ 21 และ 22 ที่ได้กำหนดเกี่ยวกับการพักใช้และการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร ในกรณีที่ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติ หรือ ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 กฎกระทรวง ประกาศ ระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับ หรือเงื่อนไขในการอนุญาต โดยมิได้บัญญัติเกี่ยวกับการสั่งระงับสิทธิในกรณีอื่น ๆ ไว้

“แต่จากข้อเท็จจริง ปรากฏว่า ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรทั้ง 3 ราย ได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมศุลกากร โดยยินดีที่จะหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ด้านคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อขายสำหรับร้าน Duty Free ขาเข้าตามนโยบายของรัฐบาลจนกว่ารัฐบาลจะมีการยกเลิกนโยบายดังกล่าว”

กค. พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีผู้ประกอบการมีความยินดีในการหยุดดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรด้านคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อขายสำหรับร้าน Duty Free ขาเข้า เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับหลักการที่ กค. มีแนวคิดจะแปลงวงเงินใช้จ่ายในร้าน Duty Free ขาเข้ามาหมุนเวียนใช้จ่ายในประเทศได้โดยไม่ต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เพื่อยกเลิกการอนุญาตจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อขาย สำหรับร้าน Duty Free ขาเข้า

กค. ได้ศึกษาผลประโยชน์และผลกระทบของการหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรด้านคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อขายสำหรับร้าน Duty Free ขาเข้า โดยมีรายละเอียด ดังนี้

    (1) ผลต่อการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ : นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยในประเทศมากขึ้น และมีการกระจายการใช้จ่ายและการบริโภคสินค้า และบริการภายในประเทศอย่างกว้างขวาง โดยหากมีการหยุดการดำเนินการจำหน่ายสินค้าในร้านค้าปลอดอากรขาเข้า 1 ปี คาดว่าจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่อคนต่อทริปเพิ่มขึ้นประมาณ 570 บาท

    (2) ผลต่อการใช้จ่ายของผู้เดินทางชาวไทย : ผู้เดินทางชาวไทยอาจจะเลือกใช้จ่ายซื้อสินค้าปลอดอากรจากประเทศต้นทาง เพื่อทดแทน หรือ ใช้จ่ายซื้อสินค้าประเภทเดียวกันในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยขึ้นกับปัจจัยในการตัดสินใจที่แตกต่างกัน

    (3) ผลต่อผู้ประกอบการภายในประเทศ : ผู้ประกอบการคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทร้าน Duty Free จะมีการสูญเสียรายได้อากรขาเข้าส่วนของการจำหน่ายสินค้าในร้าน Duty Free ขาเข้า อย่างไรก็ดี หากมีการหยุดการดำเนินการจำหน่ายสินค้าในร้าน Duty Free ขาเข้าเป็นระยะเวลา 1 ปี คาดว่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านค้า และผู้เกี่ยวข้องในภาคการท่องเที่ยว ตลอดจนร้านค้าทั่วไปเสมือนได้รับเม็ดเงินหมุนเวียนใหม่เพิ่มเติมสูงสุด 3,460 ล้านบาทต่อปี เป็นการสร้างโอกาสและส่งผลเชิงบวกต่อการผลิต การลงทุน และการจ้างงานได้ต่อไป

    (4) ผลต่อรายได้ของภาครัฐ : เม็ดเงินหมุนเวียนมีการกระจายสู่ผู้ประกอบการร้านค้าในวงกว้างเพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้เกิดการขยายฐานการจัดเก็บภาษีของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม

    (5) ผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวม : กรณีที่มีการหยุดดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ด้านคลังสินค้าทัณฑ์บน เพื่อขายสำหรับร้าน Duty Free ขาเข้าเป็นระยะเวลา 1 ปี คาดว่าจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ขยายตัวได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.012 ต่อปี

  • นายกฯมอบท่องเที่ยวหา ‘อินฟลูเอนเซอร์จีน’ แก้เฟคนิวส์ – มติ ครม.สั่งคลังศึกษายกเลิก ‘ดิวตี้ฟรีขาเข้า’