สมหมาย ภาษี
ในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤษภาคมนี้นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 เป็นต้นมา คนไทยที่สนใจเรื่องเศรษฐกิจของประเทศจะได้ยินได้ฟังแต่ข่าวที่แสดงถึงความปวกเปียกอ่อนแอของเศรษฐกิจไทยอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในปีที่ปกติของประเทศที่ไม่ได้มีโรคร้าย ไม่ได้มีสงคราม และไม่ได้มีการประท้วงใดๆจากประชาชนเหมือนประเทศอื่นเขา ยิ่งเมื่อไปเทียบตัวเลขทางเศรษฐกิจกับประเทศระดับเดียวกันในกลุ่มอาเซียน ปรากฏชัดว่าประเทศไทยอยู่อันดับรั้งท้ายเพื่อนบ้านทุกเรื่องอะไรมันจะวิปริตได้ถึงขนาดนี้มันมาจากใคร
เริ่มต้นจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือ สภาพัฒน์ได้แถลงตัวเลข GDP ในไตรมาสแรก(Q1)ของปี2567 นี้ซึ่งปกติไตรมาสแรกถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปีกลับปรากฏว่าปีนี้ตัวเลข GDP ของไทยขยายตัวได้เพียงร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่นักวิชาการเรียกว่าปีต่อปี(%YoY) เทียบกับเวียดนามใน Q1 ปีนี้เขาขยายตัว 5.7 % เท่ากับอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ส่วนมาเลเซีย 4.2 %เป็นต้น และเมื่อดูตัวเลขด้านอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบของ GDP เช่น การบริโภค การลงทุน การส่งออกและการท่องเที่ยว ก็พบว่าดีแค่การท่องเที่ยวอย่างเดียว ตัวที่ลดลงมากที่สุดคือการลงทุนภาครัฐ -27.7 % สภาพัฒน์จึงได้คาดการณ์ GDP ของปี2567 ทั้งปีว่าจะโตเพียง 2.3 % เท่านั้นเอง แน่นอนที่สุดจะต้องรั้งท้ายเพื่อนบ้าน
หน่วยงานต่อมาที่ได้แถลงเมื่อต้นสัปดาห์นี้ถึงความตกต่ำและอ่อนแอของเศรษฐกิจ คือธนาคารแห่งประเทศไทย สรุปได้ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ มีเงินกองทุน (BIS Ratio) ถึง20 % แต่อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าใน Q1 ของปีนี้หนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) ของธนาคารพาณิชย์กลับเพิ่มสูงขึ้น
ตัวเลขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้แถลงออกมาซึ่งได้บ่งบอกถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจไทยให้เห็นได้ดีที่สุด คือ ตัวเลขการพุ่งขึ้นแบบไม่หยุดยั้งของหนี้ครัวเรือน (Household Debt) ที่ได้เพิ่มขึ้นไปถึง 91.3 % ของGDP ในไตรมาสสุดท้ายของปี2566 หากมองย้อนหลังไป 10 ปีเมื่อปี2556 ก่อนเกิดปฏิวัติโดย คสช. 1 ปีหนี้ครัวเรือนมีแค่ 76 % ของ GDP เท่านั้น จากนั้นก็ค่อยๆสูงขึ้นเรื่อยทุกปีโดยฝีมือของ คสช. จนแตะ 80 % กว่าแล้วพุ่งอย่างรวดเร็วในช่วงการระบาดของโควิด ตั้งแต่ปี2563 เป็นต้นมา จนถึง 91 % ของ GDP ตัวเลขหนี้
ครัวเรือนของไทยขณะนี้กล่าวได้ว่าติดอันดับกลุ่มสูงสุด 10 ประเทศในโลกเห็นจะได้สูงจนสภาพัฒน์ไม่อยากจะเอ่ยถึง
สูงจนไม่สามารถทำให้กลับไปสู่ตัวเลขเดิมเมื่อ 10 ปีได้อีกแล้ว
อยากถามว่าโรคร้ายของประเทศไทยตัวนี้ใครเป็นคนปล่อยให้มันแพร่สูงขึ้นมาได้ขนาดนี้ ใครมีส่วนเพิกเฉยไม่ยอมแก้หรือไม่มีปัญญาจะแก้ปัญหาให้ตรงจุด ใครที่ไม่สนใจแก้ไขแต่กลับเพิ่มแรงดันให้มันเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
ความจริงของการก่อกรรมให้ประชาชนย่อมปิดไม่มิดอยู่แล้ว หนี้ครัวเรือนที่สูงนี้มาจากความเลวร้ายของสองเรื่องแค่นั้น คือ
เรื่องแรกการก่อหนี้ของคนไทยมีแต่สูงขึ้นทุกหัวระแหงโดยรัฐบาลใน 10 ปีที่ผ่านมาปล่อยปละละเลย และเรื่องที่สองรัฐบาลที่ผ่านมา 10 ปีไร้ความรู้ความสามารถและขาดความจริงใจในการบริหารเศรษฐกิจให้เท่าทันเพื่อนบ้าน GDP ที่เป็นตัวไปคำนวณหนี้ครัวเรือนจึงต่ำแบบโงหัวไม่ขึ้น หนี้ครัวเรือนจึงมีแต่โตขึ้นจนน่ากลัว
ครั้นมาดูรัฐบาลนี้ที่อะไรก็อ้างแต่ประชาชน ก็ไม่น่าจะมีความสามารถมาแก้ เพราะท่านก็มัวแต่คิดและพร่ำเพ้อแต่ดิจิทัลวอลเล็ตโดยไม่คิดหามาตรการอื่นที่เป็นรูปธรรม มาทำจนจะร่วมปีอยู่แล้ว วันๆเอาแต่ พูด-พูด-พูด แต่อย่างเดียว แล้วจะไปเนรมิตให้ GDP มันผงกหัวขึ้นมาได้อย่างไรละท่าน
ที่มาบทความ เฟซบุ๊ก Sommai Phasee สมหมาย ภาษี