ThaiPublica > ข่าวประชาสัมพันธ์ > บสย.เตรียมชง ครม.ขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท ช่วย SMEs ปลดหนี้นอกระบบ 60,000 ราย

บสย.เตรียมชง ครม.ขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท ช่วย SMEs ปลดหนี้นอกระบบ 60,000 ราย

2 ธันวาคม 2023


ข่าวประชาสัมพันธ์

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

บสย.เตรียมชง ครม.ขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ PGS 10 เพิ่ม 3,000 ล้านบาท ช่วย SMEs ปลดหนี้นอกระบบ 60,000 ราย แจงผลงาน 11 เดือน ค้ำประกันหนี้ให้ “Micro SMEs” แล้ว 96,461 ราย วงเงิน 107,179 ล้านบาท ตั้งเป้าเชิงรุก 2567 เดินหน้า Digital Guarantee Platform เชื่อมโลกการเงิน

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวถึงผลรวมผลดำเนินงานของ บสย.ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาว่า ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 บสย.ได้อนุมัติการค้ำประกันประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs แล้ว 96,461 ราย (80% ของจำนวนราย SMEs เป็นผู้ประกอบการกลุ่ม Micro) คิดเป็นวงเงิน 107,179 ล้านบาท ช่วยสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 442,649 ล้านบาท สร้างสินเชื่อในระบบ 117,597 ล้านบาท รักษาการจ้างงาน 811,239 ตำแหน่ง โดยมีฐานลูกค้า SMEs สะสมกว่า 815,312 ราย จำแนกสัดส่วนการค้ำประกันสินเชื่อแยกตามภูมิภาคดังนี้ อันดับ 1 กรุงเทพฯและปริมณฑล 45% , อันดับ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15% , อันดับ 3 ภาคใต้ 13% , อันดับ 4 ภาคเหนือ 11% , อันดับ 5 ภาคตะวันออก 9% , อันดับ 6 ภาคกลาง 4% และ อันดับ 7 ภาคตะวันตก 3%

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมค้ำประกันสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ธุรกิจบริการ สัดส่วนการค้ำ 30% วงเงิน 32,113 ล้านบาท (รับเหมา ภัตตาคาร ร้านอาหาร ธุรกิจขนส่งโรงแรมและหอพัก บริการท่องเที่ยว) อัตราการเติบโต 3% 2.การผลิตสินค้าและการค้าอื่น ธุรกิจการค้า สัดส่วนการค้ำ 11% วงเงิน 11,378 ล้านบาท (การค้าวัสดุ ก่อสร้าง การค้าปลีกและแผงลอยและตลาดสด การค้าอื่นๆ 19% การผลิตอื่นๆ 14% ค้าของเก่าและโทรศัพท์มือถือ) 3.เกษตรกรรม สัดส่วนการค้ำ 10% วงเงิน 10,652 ล้านบาท (ค้าส่งผักและผลไม้ การค้าชากาแฟ การค้าสินค้าเกษตรอื่นๆ ปศุสัตว์ การค้าส่งข้าว ) 4.กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม 5.กลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค ซึ่งเป็นภาคธุรกิจการบริโภคในประเทศ ในภาคท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ครองสัดส่วนการค้ำประกัน 68%

ส่วนการช่วยลูกหนี้ แก้หนี้ยั่งยืน “บสย. พร้อมช่วย” ผ่าน “มาตรการ 3 สี” มีลูกหนี้ บสย.ได้รับการประนอมหนี้ 12,580 ราย วงเงินรวม 4,652 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการ SMEs ลงทะเบียนขอรับคำปรึกษาและร่วมอบรม ผ่านศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs หรือ บสย. F.A.Center จำนวน 15,885 ราย คิดเป็นสัดส่วนความสำเร็จในการเข้าถึงสินเชื่อจากการให้คำปรึกษา 16%

สำหรับแผนงานปี 2567 บสย. พร้อมเดินหน้าตามกรอบแผนวิสาหกิจ ตามยุทธศาสตร์องค์กรและกลยุทธ์เชิงรุก TCG Fast First เดินหน้า เดินหน้าการขับเคลื่อนองค์กรด้วย Digital Technology ในเฟส 2 การพัฒนา Digital Guarantee Platform สู่ SMEs Gateway วางบทบาท กองหน้า กองกลาง และกองหลัง ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน

กองหน้า มุ่งสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs ครบวงจรผ่านศูนย์ที่ปรึกษา SMEs (บสย.F.A.Center) การยกระดับปรับโฉม สำนักงานเขตสู่โมเดลใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ประกอบการ SMEs สอดรับยุทธศาสตร์ มุ่งสู่การเป็น Credit Mediator เพิ่มบทบาทการเป็นตัวกลางเชื่อมโยง SMEs ให้เข้าถึงแหล่งทุนและขยาบทบาทการค้ำประกันผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม นำร่องสาขาชลบุรี และอยุธยา พร้อมเปิดตัวภายในไตรมาสแรก ปี 2567

กองกลาง ประกอบด้วย 1.พัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ ตอบโจทย์การเข้าถึงสินเชื่อ เทรนด์ธุรกิจ กลุ่ม Start up และผู้ประกอบการ SMEs รายเซ็กเมนท์ อาทิ กลุ่มรายย่อย กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มผู้ประกอบการนิติบุคคล ผู้ประกอบการที่ปรับกลยุทธ์สู่ธุรกิจยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม 2.พัฒนา Digital Platform เดินหน้าเฟส 2 Digital Guarantee Platform เชื่อมโลกการเงิน เชื่อมโยงระบบการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. สู่ระบบนิเวศน์ทางการเงิน (Ecosystem) อาทิ การพัฒนาระบบร่วมกับโครงการ PromptBiz , TrustBiz Connext ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย ในการขอสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และ สถาบันการเงิน ผ่านแพลตฟอร์ม Digital Lending การค้ำประกันสินเชื่อ พร้อมยกระดับบริการ LINE OA @tcgfirst ให้ดียิ่งขึ้น

กองหลัง เพิ่มมาตรการความช่วยเหลือลูกหนี้ แก้หนี้อย่างยั่งยืน โดย บสย. ได้ขยายมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่องอีก 1 ปี ตอกย้ำความสำเร็จโครงการ นอกจากนี้ บสย ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการนำเสนอมาตรการต่อยอดการช่วยลูกหนี้อย่างยั่งยืนในมาตรการ 3 สี ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นการต่อยอดความช่วยเหลือลูกหนี้สามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้น ตามเป้าหมายแก้หนี้ยั่งยืน “ผ่อนน้อย เบาแรง ปิดหนี้เร็ว” ซึ่งขณะนี้ บสย. อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอเพื่อพิจารณา

สำหรับการดำเนินโครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ตามนโยบายรัฐบาลนั้น นายสิทธิกร กล่าวว่า “ขณะนี้ บสย. ได้ทำเรื่องขอขยายวงเงินโครงการ PGS 10 วงเงิน 3,000 ล้านบาท ส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณา เพื่อเสนอที่ประชุม ครม.อนุมัติ โดย บสย.จะร่วมมือกับธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. เข้าไปค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบธุรกิจ SMEs กลุ่มอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้าที่เป็นหนี้นอกระบบ และต้องการสินเชื่อไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนในวงเงินตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท โดย บสย.จะเข้าไปช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้กับลูกหนี้กลุ่มนี้ผ่านโครงการ Small Biz โดย 2 ปีแรก ไม่เสียค่าธรรมเนียมค้ำประกัน จากนั้นในปีที่ 3-4 คิดค่าธรรมเนียมการค้ำประกัน 1.75% ต่อปี ซึ่งการขยายวงเงินการค้ำประกันสินเชื่อขึ้นไปอีก 3,000 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือลูกหนี้ให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้นอกระบบได้ 60,000 ราย

นอกจากนี้ บสย.ได้เตรียมพร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน : TCG Sustainability BCG-ESG (Environment /Social/Government) ภายใต้แกนหลัก “ค้ำประกันสินเชื่อ” มีผู้ประกอบการ SMEs เป็นศูนย์กลาง ได้แก่ 1.เพิ่มโอกาสและเติมเต็มศักยภาพทางการเงิน เข้าถึงแหล่งทุนเพิ่มมากขึ้น 2.เพิ่มความรู้ เติมความเข้าใจ ยกระดับการให้คำปรึกษาทางการเงินและธุรกิจ และการช่วยลูกหนี้ สร้างโอกาสทางธุรกิจ จากโครงการจับคู่ธุรกิจ เชื่อมโยงผู้ประกอบการในรูปแบบ Business Matching 3. เพิ่มบทบาทการช่วยลูกหนี้แก้หนี้ยั่งยืน ทั้งนี้ภายใต้ บทบาทด้านการค้ำประกัน SMEs บสย. มีสัดส่วนค้ำประกันสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 6 ปี ตั้งแต่ปี 2562 คาดว่าในปี 2566 สัดส่วนการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน เพิ่มเป็น 28% ของยอดค้ำประกันสินเชื่อวงเงิน 1,486,812 ล้านบาท