ThaiPublica > เกาะกระแส > “เศรษฐา – ชัชชาติ” ตั้งคกก.ชุดเล็ก พัฒนากทม.เมืองน่าอยู่

“เศรษฐา – ชัชชาติ” ตั้งคกก.ชุดเล็ก พัฒนากทม.เมืองน่าอยู่

18 กันยายน 2023


เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 เวลา 13.15 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมหารือกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

“เศรษฐา” จับมือ “ชัชชาติ” ตั้งคณะกรรมการชุดเล็ก “นายกฯ – ผู้ว่า กทม. – รมว.มหาดไทย – คมนาคม – ตำรวจ – เลขาธิการนายกฯ” พัฒนากรุงเทพฯให้เป็นเมืองน่าอยู่ ลุยแก้ปัญหารถติด – PM 2.5 – รถไฟฟ้า เล็งเปิดพื้นที่ใต้ทางด้านให้ ปชช.ค้าขาย โดยไม่เก็บค่าเช่า

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 เวลา 13.15 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมหารือกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ภายหลังการหารือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรุงเทพเป็นที่หมายตา เนื่องจากปัญหาฝุ่นมลพิษ วันนี้จึงอยากคุยกันสบายๆ นายชัชชาติเคยมาหาที่ทำงานเก่า และผมบอกว่าน่าจะมาสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องเป็นผู้ว่าฯดีกว่า ซึ่งท่านบอกว่า ขอเป็นผู้ว่าฯดีกว่า และให้ผมมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน อยากมานั่งคุยกันแบบพี่น้อง สบาย ๆ  ซึ่งก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีบรรยากาศอย่างวันนี้ที่มานั่งคุยอย่างพี่ ๆน้อง ๆได้  ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บุคคลสำคัญที่ผมคิดถึงเป็นลำดับแรกคือ ผู้ว่าฯชัชชาติ ซึ่งท่านมาด้วยฉันทามติที่ท่วมท้น 1.4 ล้านคะแนน ถือว่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และถือว่าเป็นภารกิจแรก ๆ ที่ผมอยากจะทำ อยากจะพูดคุย อยากจะสนับสนุนนายชัชชาติให้ทำงานลุล่วงไปด้วยดี เพราะกรุงเทพ ฯเป็นภาคส่วนที่สำคัญมากของการขับเคลื่อนประเทศ ปัญหาต่างๆ มีเยอะมาก

นายกรัฐมนตรี ยังบอกด้วยว่า อยากจะเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง เวลามีการพูดคุยกันจะได้เป็นกันเอง ซึ่งเชื่อว่าวิธีอย่างนี้เป็นวิธีการที่เราสามารถพูดคุยกันได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องมีองคาพยพใหญ่ กรุงเทพฯเป็นจังหวัดที่ใหญ่ และ 1 ใน 3 ของจีดีพีประเทศอยู่ที่นี่ เป็นอะไรที่พี่น้องประชาชนทั้งประเทศมีความคาดหวังเรื่องรายได้จากการท่องเที่ยว เรื่องฝุ่น เรื่องปัญหารถติด เรื่องการใช้ทรัพยากรที่สิ้นเปลือง กรุงเทพ ฯเป็นที่หมายตาของทุก ๆ ท่าน  จึงอยากจะสนับสนุนผู้ว่าฯชัชชาติให้ทำงานไปด้วยดี เพราะว่ากรุงเทพมหานครเป็นภาคส่วนที่สำคัญของการขับเคลื่อนประเทศ ปัญหาต่างๆก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า เรามานั่งคุยกันในวันนี้เกิดจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมรับประทานอาหารกลางวันแบบเป็นกันเองกับผู้ว่าฯ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ดำริกันว่าจะตั้งคณะกรรมการชุดเล็กขึ้นมาประมาณ 6-7 คน เท่านั้น ในการขับเคลื่อนกรุงเทพ ฯ โดยการใช้นโยบายเป็นหลัก และหน้าที่ของรัฐบาล คือ สนับสนุนท่านผู้ว่าฯชัชชาติ อะไรทำได้เราทำก่อน โดยใช้งบประมาณน้อยมาก หรือ ไม่ใช้งบประมาณเลย เน้นไปยังเรื่องการประสานงานระหว่างหน่วยงานราชการ เพื่อให้การสนับสนุนการทำงานของ กทม. ทั้งในเรื่องอาชญากรรม และเรื่องรถติด ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาใหญ่มาก ซึ่งจะสามารถบรรเทาลงไปได้จากการประสานงานที่ดีกว่า ฉะนั้น ผู้ว่าฯเองก็เสนอให้มีคณะกรรมการที่เราพูดคุยกัน ซึ่งหน้าที่ของผม คือ สนับสนุนผู้ว่าฯ โดยทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองที่น่าอยู่

ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า ทำงานมา 1 ปี พบว่าปัญหาของกรุงเทพฯ ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากการประสานของหน่วยงาน เพราะ กทม.มีอำนาจค่อนข้างจำกัด เพราะฉะนั้นหากเรามีการประสานงานที่เข้มข้น และมีทิศทางที่ชัดเจนจากฝ่ายบริหาร ปัญหาหลายๆ ที่เจอก็จะบรรเทาไปได้มาก

ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

“จึงขอกราบเรียนนายกฯว่า อยากให้มีคณะกรรมการที่เป็นคณะทำงานเพียงไม่กี่คน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตำรวจ นายกฯ และเลขาธิการนายกฯ และผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเป็นกลุ่มทำงานโดยไม่เน้นเมกะโปรเจ็กต์ ไม่เน้นเรื่องการลงทุน แต่เน้นเรื่องการผลักดันสิ่งที่เป็นข้อปัญหาติดขัดต่างๆ” นายชัชชาติ กล่าว

นายชัชชาติ กล่าวว่า ในส่วนการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ต้องทำไปอีกส่วนหนึ่ง อาจจะมีการแก้ไขพระราชบัญญัติ ซึ่งเป็นเรื่องระยะยาวที่ต้องดำเนินการ แต่ปัญหาเร่งด่วนเรื่องการประสานงาน ก็จะทำโดยคณะทำงานชุดนี้

“ผมได้เรียนนายกฯไปแล้วว่า คณะทำงานจะต้องไม่เกินพิซซ่า 2 ถาด อย่าให้เยอะ เพราะถ้าคณะทำงานเยอะแล้ว มันไม่จบ ขอให้เป็นเรื่องสั้นๆ ทานข้าวกัน คุยกัน และอัพเดตข้อมูลซึ่งกันและกัน ซึ่งนายกฯก็เร็วและเห็นด้วย ซึ่งผมเห็นว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี” นายชัชชาติ กล่าว

ส่วนเรื่องการจราจร ทุกคนเห็นว่าเป็นปัญหา เรื่องนี้ กทม.รับผิดชอบส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันถ้าดูเรื่องการก่อสร้างในพื้นที่ กทม. ก็จะเกี่ยวข้องทั้งในส่วนของรถไฟฟ้า รถไฟทางหลวง การทางพิเศษ การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง ดังนั้นการไปผลักดันด้วยตัวเราเองมันไม่ง่าย แต่ถ้าเรามีคณะกรรมการ ซึ่งสามารถสั่งการและมีทิศทางที่ชัดเจน ปัญหาเหล่านี้ก็จะบรรเทาได้มาก หรือแม้แต่การทำเรื่องรถไฟฟ้าที่มีแนวคิดในการเชื่อมโยงฟุตบาททางเท้า มอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถไฟฟ้า รถประจำทาง ซึ่งทั้งหมดคือภาพของการเดินทาง รถจะหายติดได้ไม่ใช่เฉพาะแค่รถไฟฟ้า แต่จะต้องเป็นองคาพยพที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งรถประจำทาง ฟุตบาททางเท้า ทางเดินต่างๆ มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เป็นภาพรวม ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องของการลงทุน เป็นเรื่องเชิงนโยบายที่สามารถสั่งลงไปได้ หรือ แม้แต่เรื่องเศรษฐกิจ นายกฯได้ให้ความสำคัญ

ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

โดยเฉพาะเรื่องของซอฟต์เพาเวอร์ การสร้างอัตลักษณ์ ซึ่ง กทม.มีทั้งหมด 50 เขต ปัจจุบันสร้างเป็นซอฟต์เพาเวอร์ 50 ด้าน จึงอยากเสนอกับนายก ฯ ว่าเรื่องที่อยู่อาศัย ถือเป็นเรื่องสำคัญกับคนที่มีความยากลำบาก ปัญหาปัจจุบันคือคนจนไม่มีที่ดิน หาบเร่แผงลอย ต้องมาอาศัยฟุตบาททางเท้า เนื่องจากไม่มีที่ทำกิน แต่หากทางภาครัฐนำพื้นที่ของตนเอง เช่น ใต้ทางด่วน พื้นที่หน่วยราชการที่อาจสามารถแบ่งปันให้ประชาชนทำมาหากินได้ โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แค่การแบ่งปันพื้นที่ก็จะสามารถบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจของประชาชนได้

นายชัชชาติ กล่าวว่า อีกแนวคิดคือ เรื่องการท่องเที่ยว ปัญหาที่เราเจอ และทุกคนพูดถึงคือ เรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว การโกงนักท่องเที่ยว ทั้งรถตุ๊กตุ๊ก รถแท็กซี่ ไกด์ผี ที่สร้างความไม่สบายใจกับนักท่องเที่ยว ซึ่ง กทม.แก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายตำรวจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถ้าเราสามารถร่วมมือกันได้อย่างบูรณาการก็จะเป็นตัวแก้ปัญหาได้ดี

นอกจากนี้ยังมีแนวคิดจัดเทศกาลฤดูหนาว ช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้ โดยจะขอทุกภาคส่วนมาร่วมมือกัน ก็จะทำให้ กทม.มีเทศกาลฤดูหนาวอย่างยิ่งใหญ่เหมือนที่เคยมีมา และอยู่ในปฏิทินโลก ทุกคนจะเดินทางมาท่องเที่ยว รายได้ก็จะลงไปถึงรากหญ้า สร้างความเชื่อมั่นให้เราดีขึ้นได้ รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 การควบคุมการเผาขยะ การควบคุมการใช้รถยนต์ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในนโยบายอยู่แล้วก็จะเดินหน้าต่อ

นายชัชชาติ กล่าวว่า ปัญหาที่ชาว กทม.บ่นกันมาก คือ เรื่องสายสื่อสารที่เลอะเทอะ รกรุงรัง ซึ่ง กทม.ทำเองได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) การไฟฟ้านครหลวง ซึ่ง กทม.เองมีอำนาจแค่การขอความร่วมมือ แต่ถ้ามีเชิงนโยบายที่ชัดเจน ก็จะสามารถผลักดันได้เร็วขึ้น ซึ่งหากมีคณะกรรมการชุดนี้ ก็จะเป็นชุดที่สามารถแก้ปัญหาเร่งด่วนของ กทม.ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเราไม่ได้พูดถึงงบประมาณ แต่อยากให้มีการประสานงานและเป้าหมายรวมกัน ก็จะสามารถเห็นภาพได้อย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม

ภายหลังการแถลงข่าวร่วมกันนายกฯได้ยืนคู่กับนายชัชชาติให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ พร้อมกับชนกำปั้นกัน และนายกฯได้เอามือโอบไหล่นายชัชชาติ อย่างอารมณ์ดี พร้อมหมุนตัวให้ช่างภาพได้บันทึกภาพอย่างทั่วถึง