“สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” หอบแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนากล้า หารือเพื่อไทย ย้ำพร้อมร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่มีเงื่อนไขต้องไม่แก้มาตรา 112
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รักษาการหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้าและแกนนำพรรคร่วมกันแถลงข่าว ภายหลังการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อหาแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล ตามมติ 8 พรรคร่วม ที่มอบภารกิจให้พรรคเพื่อไทยหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติม
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายภารกิจจากพรรคก้าวไกล ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และนำแนวทางจาก 8 พรรคร่วมที่ได้มีมติไว้ในการแสวงหาเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กล่าวว่า ขอบคุณพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำ 8 พรรคร่วม ที่ให้เกียรติเชิญพรรคชาติพัฒนากล้ามาปรึกษาหารือในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งก่อนมาหารือกับพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคชาติพัฒนากล้าได้ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดท่าทีในการเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อให้เกิดความชัดเจน โดยได้มีมติว่า ยินดีที่จะให้การสนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศการบริหารบ้านเมือง เพราะขณะนี้มีวิกฤตเกิดขึ้นหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่พี่น้องประชาชนรอการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
นายสุวัจน์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีจุดยืนและแนวนโยบายในทางการเมือง 4 เรื่องที่ได้ประกาศต่อพี่น้องประชาชนไปในการหาเสียง และได้มีมติพรรครับรองอันเป็นเงื่อนไขที่สำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาล คือ
-
1. จะสนับสนุนให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างมาก และไม่ส่งเสริมให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพลุล่วง
-
2. เรามีแนวทางสนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้เสียงอันดับ 1 ในการริเริ่มจัดตั้งรัฐบาล หากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็เป็นหน้าที่ของพรรคลำดับรองลงมา เพื่อให้เป็นไปตามเสียงของพี่น้องประชาชน
-
3. เราอยากให้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาวิกฤตต่างๆ เพราะที่ขณะนี้พี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อนอย่างมาก โดยเฉพาะปัญหาสินค้าราคาแพง และ
-
4. พรรคชาติพัฒนากล้ามีจุดยืนและแนวทางที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 และเราได้ประกาศไว้ในเวทีสาธารณะต่างๆ ว่าเราขอคงไว้และไม่มีการแก้ไขแต่อย่างใด
“พรรคชาติพัฒนากล้ามีจุดยืนในการรักษาแนวนโยบาย และคำมั่นสัญญาที่พรรคการเมืองให้ไว้กับประชาชน เพื่อเป็นบรรทัดฐานว่าพรรคการเมืองพูดอะไรไว้ก็ทำในสิ่งนั้น หลังการประชุมรัฐสภาไปแล้ว 2 ครั้ง ก็ไม่สามารถนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลได้ แล้วได้เปลี่ยนพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย เราก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถนำไปสู่การบริหารประเทศ เว้นแต่เรื่อง การแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งพรรคก้าวไกลที่มีแนวนโยบายในการแก้ไข ซึ่งไม่ตรงกับแนวนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ดังนั้น เราจึงพร้อมเข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ และจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยให้ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา สำหรับนโยบายของพรรคก้าวไกลเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ถ้ายังคงอยู่ ก็อาจจะไม่สอดคล้องกับแนวทางของพรรคชาติพัฒนากล้า ก็อาจไม่สามารถเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะไม่ตรงตามมติพรรคและไม่ตรงกับคำมั่นสัญญาที่ได้ประกาศไว้กับพี่น้องประชาชน” นายสุวัจน์ กล่าวย้ำ