บรรยากาศการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง 2566 ครึ่งวันเช้าคึกคัก โดยมีประชาชน ทยอยออกมาลงคะแนน รวมถึงบรรดาหัวหน้า และ แกนนำ พรรคการเมือง ออกมาต่อแถวลงคะแนนเสียงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ กกต. ยังไม่พบความผิดปกติการเลือกตั้งในช่วงเช้าและยืนยันรายงานผลคะแนนไม่เป็นทางการ ใน 22.00น ขณะที่ อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ชี้การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมากกว่าทุกครั้ง
ผู้สื่อข่าว ‘ไทยพับลิก้า’ รายงานบรรยากาศการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ในวันนี้ (14 พ.ค. 2566) คึกคักตั้งแต่เริ่มเปิดหีบ ในเวลา 08.00 น. โดยหลายพื้นเขตเลือกตั้ง มีประชาชนมารอเข้าคิวก่อนเวลาจำนวนมากนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภาพรวมการเปิดหน่วยเลือกตั้งส.ส.เป็นการทั่วไปทั่วประเทศว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้บางพื้นที่ฝนตกแต่ไม่สร้างผลกระทบ สิ่งที่พบคือประชาชนตื่นตัวออกไปใช้สิทธิอย่างคึกคัก บางหน่วยต้องต่อคิวเพื่อเข้าไปลงคะแนน ส่วนเรื่องการจราจรเป็นปกติ โดยในวันนี้การลงคะแนนจะดำเนินไปจนถึงเวลา 17.00 น. หากผู้สังเกตการเลือกตั้งหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ได้รับความสะดวก หรือพบเห็นความผิดพลาดในการทำหน้าที่ของกรรมการประจำหน่วย (กปน.) สามารถแจ้งต่อกกต.ได้ แต่ขอให้มีการระบุหน่วยให้ชัดเจน อย่าเหมารวม อย่าพูดลอยๆ เพราะจะไม่เป็นธรรมกับกปน.
นายแสวง ยังได้เชิญชวนให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะขณะนี้ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมง จึงอยากให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากๆ เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดความชอบธรรม และเป็นที่ยอมรับของทุกคนพร้อมย้ำถึงข้อพึงระวังในการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งว่า อย่าจัดขนคนไปลงคะแนนยกเว้นเป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับอนุญาต ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเมื่อเข้าไปในคูหาแล้วอย่าถ่ายรูปบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว อย่าทำเครื่องหมายที่เป็นที่สังเกตลงในบัตรเลือกตั้ง ห้ามทำลายบัตร ห้ามใส่เสื้อที่มีโลโก้พรรคหรือสัญลักษณ์ของผู้สมัคร และห้ามนำบัตรออกจากพื้นที่ รวมถึงห้ามพนันผลการเลือกตั้ง
หลังการปิดหีบเลือกตั้งแล้วประชาชนหรือผู้แทนของพรรคการเมือง สามารถสังเกตการณ์การนับคะแนนเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งได้รวมถึงสังเกตการณ์การนับคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า และเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรได้ที่สถานที่นับคะแนนกลางในเขตเลือกตั้ง ซึ่งกกต.ได้เผยแพร่สถานที่นับคะแนนดังกล่าวทั้ง 400 เขตลงไว้ในเว็บไซต์ของสำนักงานกกต.
ส่วนผลคะแนนแบบไม่เป็นทางการ นายแสวง กล่าวว่า ประมาณ 22.00 น. ก็ทราบได้ คะแนนจากหน่วยแรกจะเข้ามาประมาณ 19.00 น. ประชาชนจะเห็นคะแนนอยู่ตลอดจนนับคะแนนเสร็จ ส่วนการรับรองคะแนนนั้นกฎหมายให้เวลา 60 วัน แต่ว่าก็ต้องดูเงื่อนไขการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม มีคนร้องเรียน ซึ่งเราก็ต้องเร่งทำงาน หลังเลือกตั้งคงเห็นหน้างานและคงเห็นความชัดเจน อย่างไรก็ตามต้องดูใน 60 วันต้องให้เปิดสภาได้ อย่างน้อยต้องประกาศไป 475 คน
หัวหน้า-แกนนำพรรคการเมืองออกมาใช้สิทธิ์
ส่วนบรรยากาศการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง หัวหน้าพรรคการเมือง และแกนนำพรรคต่างออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งตังแต่เช้า พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางเข้าไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หน่วยเลือกตั้งที่ 10 แขวงพญาไท เขตพญาไท ซอยประดิพัทธ์5
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.ส. ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 11 เขตวังทองหลาง โดยสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูสดใส หน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดา นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ พี่เขย เดินทางใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง ที่เขตเลือกตั้งที่ 15 หน่วยเลือกตั้งที่ 15 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ บริเวณเต็นท์ลานกีฬา 1 เคหะธานี 3
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เดินเท้ามาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นคนแรก บริเวณโรงจอดรถอาคารชุดซิตี้เลคทาวเวอร์ สุขุมวิท 16 หน่วยเลือกตั้งที่ 15 เขตเลือกตั้งที่ 4 กรุงเทพฯ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 4 หน่วยเลือกตั้งที่ 10 เต็นท์บริเวณที่จอดรถธนาคารออมสินภาค 2 ปากซอยสุขุมวิท 39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. โดยเดินทางมาคนเดียว ด้วยสีหย้ายิ้มแย้ม และเชิญชวนประชาชนทุกช่วงวัย ออกมาใช้สิทธิ์กันจำนวนมาก และอย่าดูถูกคนรุ่นใหม่ เขารักในสิทธิ์ในเสียงของพวกเขา
ชี้การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ขณะที่นักวิชาการ ‘รศ.ดร.ปกรณ์ ศิริประกอบ’ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมากกว่าครั้งที่ผ่าน ๆ มา ภายใต้บริบทโลกในปัจจุบัน ที่เปลี่ยนแปลงฉับไวและซับซ้อน ประเทศไทยจึงต้องการตัวแทนที่เข้ามาแก้ไข และจัดการปัญหาความท้าทายที่ไม่เคยเจอมาก่อน”
จากข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี 2562 มีผู้มาใช้สิทธิ 38 ล้านคน จากจำนวนผู้มีสิทธิทั้งสิ้น 51 ล้านคน (คิดเป็นร้อยละ 74.87 ของผู้มีสิทธิทั้งหมด)
แต่สำหรับปีนี้คาดว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. มากขึ้น ไม่เพียงจากจำนวนผู้มีสิทธิที่เพิ่มจากเดิม 1 ล้านคน ยังเนื่องมาจากเหตุปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ
ประการแรก : คนไทยมีความเข้าใจและตื่นตัวมากขึ้นทางการเมือง และเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการได้มาซึ่งคนที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ
ประการที่สอง : รูปแบบการหาเสียงทุกวันนี้แตกต่างจากแต่ก่อน โดยเฉพาะการหาเสียงออนไลน์ ทำให้ผู้มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้ง่ายและมากขึ้น รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส.เองก็สามารถเข้าถึงผู้มีสิทธิได้ง่ายขึ้นกว่าในอดีต
ประการที่สาม : ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีการบริหารจัดการให้กลุ่มผู้พิการ และผู้สูงอายุมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านมา โดยมีการเปิดหน่วยเลือกตั้งพิเศษสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการเพิ่มขึ้นรวม 28 แห่ง ใน 23 จังหวัด โดยประชากรกลุ่มนี้มีจำนวนอย่างน้อยที่สุดประมาณ 12 ล้านคน หรือ 23% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และหากนับรวมครอบครัวหรือผู้ดูแลในสัดส่วนคนพิการหรือผู้สูงอายุ 1 คน กับครอบครัว 1 คน จะเท่ากับ 24 ล้านคน หรือ 46% เลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน ในการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ก็นับว่ามีการออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก โดยจากรายงานสรุปของ กกต. รายงานยอดผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขต 94.37% และนอกเขต 91.37% ซึ่งนับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ผ่านมา
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
