ThaiPublica > Native Ad > พลิกโฉมแอป KKP MOBILE สู่ ‘SUPER APP’ ที่เป็นทั้งฟีเจอร์ทางการเงินและทุกไลฟ์สไตล์ชีวิต

พลิกโฉมแอป KKP MOBILE สู่ ‘SUPER APP’ ที่เป็นทั้งฟีเจอร์ทางการเงินและทุกไลฟ์สไตล์ชีวิต

9 พฤษภาคม 2023


‘ปัญญา เวชบรรยงรัตน์’ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานสายเทคโนโลยีสารสนเทศและประธานสาย Customer & Digital ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านอกจากการดิสรัปต์ของเทคโนโลยีแล้ว “โควิด” ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกเร่งพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากที่สุด ไม่เว้นแม้แต่ในแวดวงการเงินการธนาคาร ซึ่งหนึ่งในช่องทางยอดนิยมที่ช่วยให้ธนาคารเข้าถึงและให้บริการลูกค้าได้สะดวกที่สุด และเร็วที่สุดในยุคนี้ก็คือ “แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน”

หลายธนาคารจึงหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาแอปพลิเคชันของตัวเองซึ่งเทรนด์การพัฒนาแอปพลิเคชันในปัจจุบันจึงมุ่งเป้าไปสู่การเป็น “Super App” ที่ไม่ใช่ทำได้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นแต่ต้องทำได้หลายๆ อย่างและทำได้ทุกเวลา ซึ่งคำว่า Super App ใช้เรียกแอปพลิเคชันที่มี Ecosystem เป็นของตัวเองพร้อมรองรับการใช้งานได้ครบจบทุกขั้นตอนในแอปพลิเคชันเดียวโดยไม่ต้องออกจากแอปพลิเคชันเลย เช่นเดียวกับ KKP MOBILE ที่ได้พัฒนาก้าวไปสู่การเป็น 1 แอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ได้ครบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการเงิน การลงทุน และการสร้างความมั่งคั่งในอนาคต

ในครั้งนี้ ‘ปัญญา เวชบรรยงรัตน์’ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานสายเทคโนโลยีสารสนเทศและประธานสาย Customer & Digital ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) มาร่วมอัปเดตเทรนด์ Digital Bankingและแอปพลิเคชันบน Mobile Banking ในปัจจุบัน พร้อมเล่าถึงแนวทางการพัฒนา KKP MOBILE ให้กลายเป็น Super App ว่าจะช่วยให้ลูกค้าได้ใช้บริการที่ดีขึ้นอย่างไร

  • เทรนด์ Digital Banking ทั่วโลกเป็นผลมาจาก 3 ปัจจัย คือ 1.หลายประเทศเริ่มเปิดเสรีให้ผู้ให้บริการทางการเงินมากขึ้น 2.พฤติกรรมของผู้บริโภคก่อนและหลังเกิดโควิดเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน 3. โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี (Digital Infrastructure) ได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง 
  • จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนไทยคุ้นเคยกับการทำธุรกรรมดิจิทัล และมีประสบการณ์การใช้ Digital Bankingดีขึ้นเรื่อยๆ ก็คือพร้อมเพย์ และการใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่งแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ 
  •  

  • แนวโน้มการพัฒนาแอปพลิเคชันบน Mobile Bankingคือต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ง่ายทุกที่ทุกเวลา ทั้งกลุ่มคนที่ฝากเงิน กลุ่มนักลงทุนลูกค้าสินเชื่อทั้งใหม่และเก่า รวมทั้งการซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษีหรือเพื่อวัยเกษียณและบริการด้านการเงินอื่นๆ  
  • KKP MOBILE Super App เป็นแอปพลิเคชันเดียวของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้หลายกลุ่มมีครบทั้งเงินฝาก สินเชื่อ การลงทุน และประกัน ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมต่างๆได้ครบจบภายในแอปพลิเคชันเดียวซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยลดภัยคุกคามทางไซเบอร์
  • Digital Banking “เปลี่ยน” เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ชีวิต

    เหตุผลสำคัญที่ทำให้ธนาคารเกียรตินาคินภัทรต้องพัฒนา KKP MOBILE และก้าวสู่การเป็น Super App ก็เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีความหลากหลายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และช่วยเสริมความมั่นใจในการใช้บริการทางการเงินออนไลน์ จากการสำรวจ Digital 2022 Global Overview Reportโดย We Are Social และ Hootsuite เมื่อเดือนตุลาคม 2565 พบว่า คนไทยใช้บริการทางการเงินออนไลน์ทั้งธนาคารการลงทุน หรือประกัน สูงเป็นอันดับที่ 28 ของโลกหรือคิดเป็น 29.9% ส่วนอันดับ 1 คือแอฟริกาใต้ 52.1% อันดับ 2
    เนเธอร์แลนด์ 47.2%

    นอกจากนี้คนไทยยังใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล (Mobile Payment) เช่น Apple Pay, Samsung Pay เป็นอันดับ 3 ของโลกคิดเป็น 36.2% รองจากฮ่องกง 41.6% และไต้หวัน 39.3% รวมทั้งยังซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์สูงเป็นอันดับ 1 ของโลกคิดเป็น 68.3% อันดับ 2 คือ มาเลเซีย 66.6% และอันดับ 3 คือเกาหลีใต้ 64.9% โดยซื้อผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนคิดเป็น 35.5%

    จากผลการสำรวจเห็นได้ว่าบริการทางการเงินออนไลน์ต่างๆได้กลายเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน รวมถึงบริการ Digital Banking ที่ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้ตอบโจทย์ได้เท่าทันความต้องการต่างๆ ซึ่ง’ปัญญา’ ได้เล่าถึงแนวโน้มการเติบโตของ DigitalBanking ไว้ว่า

    “เทรนด์ Digital Banking ทั่วโลกในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเป็นผลมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ปัจจัยแรกคือหน่วยงานที่กำกับดูแล (Regulator) ในหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายและเปิดเสรีให้กับผู้ให้บริการทางการเงินมากขึ้น ปัจจัยที่สองคือพฤติกรรมของผู้บริโภคก่อนและหลังเกิดโควิดเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เนื่องจากจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการเดินทางจึงต้องทำธุรกรรมหรือสั่งซื้อสินค้าออนไลน์แทน แม้จะคลายล็อกดาวน์แล้วแต่หลายคนก็ชินกับวิถีชีวิตแบบนี้และคาดหวังว่าจะเข้าถึงสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้มากขึ้น และปัจจัยสุดท้ายคือ โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี (Digital Infrastructure) ทั้งโครงข่ายอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนระบบและกฏกติกาการเชื่อมต่อสถาบันการเงินและผู้ให้บริการต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยเป็นเหมือน Perfect Storm ที่ไม่สามารถขาดส่วนใดส่วนหนึ่งได้เลย”

    จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนไทยเข้าถึง Digital Banking มากขึ้นก็คือพร้อมเพย์ที่ช่วยปลดล็อกค่าธรรมเนียมการโอน จ่าย และชำระค่าสินค้าต่างๆ ได้ฟรีทั้งหมด รวมทั้งนโยบายของภาครัฐที่ผลักดันแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ผ่านโครงการคนละครึ่งก็ช่วยให้ผู้คนรู้สึกคุ้นเคยกับการทำธุรกรรมดิจิทัล และมีประสบการณ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งผมคิดว่าความฝันที่อยากจะเห็นประเทศไทยเป็นสังคมไร้เงินสด (Cashless Economy) เริ่มเป็นจริงบวกกับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ (Digital Infrastructure) ที่เตรียมไว้ก็จะช่วยให้เราก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี DigitalBanking ได้

    สำหรับ Digital Banking ในไทยมีอยู่ 3 แบบคือ ธนาคารที่ปรับตัวขยายการให้บริการ Digital Banking เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้า สองคือผู้ให้บริการที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) ที่นำเสนอสินค้าและบริการแค่บางประเภท เช่น แอปเพื่อการลงทุนโดยเฉพาะหรือเน้นเฉพาะลูกค้าบางกลุ่ม เช่น กลุ่มคน Digital Gen เป็นต้น ส่วนแบบสุดท้ายคือกลุ่ม Non-Bank ที่เน้นสร้าง Wallet เพื่อโฟกัสเฉพาะด้าน Payment ซึ่งหลายๆแพลตฟอร์มโดยเฉพาะ E-Commerce รายใหญ่ 2-3 รายในเมืองไทยต่างก็มี Wallet เป็นของตัวเองเพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ และเข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้าแต่ละคนได้มากขึ้น

    “ผมคิดว่าการเกิดขึ้นของผู้ให้บริการกลุ่ม Non-Bank เป็นเรื่องดีที่ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นไม่ได้เป็นคู่แข่งที่ทำให้ธนาคารเสียผลประโยชน์ เพราะท้ายที่สุดแล้วธนาคารก็ยังมีบทบาทหลักในการเป็นแหล่งเงินทุนหรือ Source of fund ซึ่งแตกต่างจากผู้เล่นกลุ่ม Non-Bankอย่างชัดเจน”

    Mobile Banking ไม่ใช่แค่ ถอน โอน จ่าย แต่ต้องครบทั้งการเงินและการลงทุน

    เมื่อสมาร์ทโฟนกลายเป็นอุปกรณ์ที่คนทั่วโลกขาดไม่ได้ ทุกธนาคารจึงต้องเร่งพัฒนาแอปพลิเคชัน Mobile Banking เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการ Digital Banking ได้ครบ ง่าย และสะดวกมากขึ้น ซึ่ง ‘ปัญญา’ ได้เล่าถึงแนวโน้มการพัฒนาดังกล่าวไว้ว่า

    “แนวโน้มการพัฒนาแอปพลิเคชันบน Mobile Banking ก็คือต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ง่ายๆ ใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น คนที่อยากลงทุน คนที่มองหาการลงทุนที่หลากหลาย รวมทั้งคนที่อยากเข้าถึงสินเชื่อ หรือคนที่มีสินเชื่ออยู่แล้วแต่ต้องการเช็กยอด-
    ชำระสินเชื่อ หรือแม้กระทั่งยื่นขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมีคนกลุ่มอื่น ๆ อีก เช่น มนุษย์เงินเดือนที่ต้องการซื้อประกันเพื่อใช้ลดหย่อนภาษี ซื้อประกันและกองทุนเพื่อวัยเกษียณหรือเพื่อการันตีความมั่งคั่งให้กับอนาคตของครอบครัวหรือลูกหลาน ทุกอย่างทั้งหมดนี้ต้องสามารถทำได้ผ่าน Mobile Banking ผู้ให้บริการจึงต้องเร่งพัฒนาแอปพลิเคชัน Mobile Banking ซึ่งมีทั้งแบบแตกออกเป็นหลายๆ แอปพลิเคชัน และแบบที่ควบรวมหลายๆ สินค้าและบริการไว้ในแอปพลิเคชันเดียวเหมือนเป็น Financial Solution Provider เช่นเดียวกับธนาคารเกียรตินาคินภัทรที่มุ่งพัฒนา KKP MOBILE ให้กลายเป็น Super App แอปพลิเคชันเดียวที่มีครบทั้งเงินฝาก สินเชื่อ การลงทุน และประกัน เพื่อมุ่งสู่การเป็น Trusted Partner”

    KKP MOBILE ก้าวสู่การเป็น Super App – แอปพลิเคชันเดียวจากธนาคารเกียรตินาคินภัทร

    Super App เป็นชื่อเรียกโปรเจกต์พัฒนา KKP MOBILEให้กลายเป็นแอปพลิเคชันเดียวของธนาคารเกียรตินาคินภัทรที่รวมไว้ครบทั้งผลิตภัณฑ์เงินฝาก สินเชื่อ ประกันและการลงทุน ซึ่งทำได้สำเร็จแล้วในปัจจุบัน แต่เป้าหมายที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ การทำให้ KKP MOBILE กลายเป็นSuper App ในใจของลูกค้าทุกคนจริงๆ

    “เราพัฒนา KKP MOBILE ไปตามสิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวังนั่นคือทำแอปพลิเคชันเดียวให้ตอบโจทย์ได้หลายผลิตภัณฑ์ ทั้งลูกค้าเงินฝาก ลูกค้าสินเชื่อ เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อ SME สินเชื่อบ้าน รวมทั้งประกัน และการลงทุน ซึ่งจุดยืนของเราค่อนข้างชัดเจน คือ เราโฟกัสทำความเข้าใจพฤติกรรม และเข้าใจปัญหาของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อทำให้ลูกค้าคิดถึง KKP MOBILE เช่น เมื่อลูกค้าคิดถึงสินเชื่อที่เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา คิดถึงแอป KKP MOBILE คิดถึงการลงทุนที่เข้าถึงง่าย มีทีมที่ปรึกษามืออาชีพ คิดถึงแอป KKP MOBILE คิดถึงกรมธรรม์ประกันที่เหมาะกับตัวเอง เลือกได้ และคุ้มค่า คิดถึงแอปKKP MOBILE”

    นอกจากการพัฒนา KKP MOBILE ให้กลายเป็น Super App แล้วธนาคารเกียรตินาคินภัทรยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาสาขาของธนาคารควบคู่กันไปด้วยเพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะใช้บริการผ่านช่องทางใด

    “ธนาคารของเรามีความเชื่อและตระหนักเสมอว่า ลูกค้ามีสิทธิ์เลือกที่จะเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ด้วยตัวเองลูกค้ายังคงสามารถไปใช้บริการที่สาขาได้เหมือนเดิม ซึ่งการพัฒนาแอปพลิเคชัน KKP MOBILE ไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อลดต้นทุนการให้บริการที่สาขาของธนาคาร แต่เพราะเรามั่นใจในสินค้าและบริการ เราจึงอยากให้ KKPMOBILE เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้เราสามารถนำเสนอสินค้าและบริการไปถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายและกว้างมากขึ้นและหากลูกค้าจะมีคำถามหรืออยากปรึกษาเราเมื่อไร พวกเราก็อยู่ตรงนั้นเสมอ มีทั้งสาขาธนาคารและบริการจากทีม Call Center ของเรา”

    นอกจากนี้สิ่งที่ Super App ของ KKP MOBILE ให้ความสำคัญก็คือ Consumer Confidence หรือการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของ Digital Banking ทั่วโลก โดยเฉพาะจากภัยคุกคามใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นั่นก็คือการแอบอ้างเปิดบัญชีหรือบัญชีม้า เราจึงมีทีมงานเฉพาะกิจคอยสังเกตรูปแบบพฤติกรรมการเปิดบัญชีออนไลน์ที่เข้าข่ายน่าสงสัย นอกจากนี้เพื่อแก้ไขปัญหาสลิปปลอมที่กำลังแพร่ระบาด เรากำลังเร่งพัฒนาการยืนยัน Transaction ในแอปพลิเคชันได้เองโดยไม่ต้องพึ่ง SMS เพื่อให้ทั้งผู้โอนและผู้รับโอนเห็นยอดเงินเข้าออกแบบเรียลไทม์ เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของแอปพลิเคชัน KKP MOBILE ก็คือการเป็น Trusted Provider ให้กับคู่ค้าและลูกค้าทุกคน และทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจมากขึ้นด้วยการการลงทุนวางรากฐานด้านความปลอดภัย และเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะช่วยลดภัยคุกคาม ซึ่งเรามีแผนการลงทุนทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวเป็น Super App ในใจลูกค้าทุกคน